เนื่องจากนอนไม่หลับ เพราะสมองพยายามจะเขียนโมเดลอธิบายว่าทำไมคนโปรไฟล์ดี(หน้าตาดี มีการศึกษา รายได้ดี)จึงหาแฟนยาก
คำตอบสั้นๆของเราคือว่า เพราะ "การเป็นโสดอยู่ตามลำพังดีเกินไป และการไม่มีแฟนไม่ได้แปลว่าแย่"
ประเด็นสำคัญคือ คนจะตัดสินใจ"คบ"เมื่อประโยชน์จากการคบสูงกว่าประโยชน์จากการเป็นโสด
เมื่อเป็นคนเก่งอยู่ตามลำพังด้วยตัวเองได้ คุณค่าของการเป็นโสดจึงสูงตามไปด้วย ดังนั้นจึงยากมากที่จะหาคนที่เข้ามาในชีวิตและทำให้การคบกันมีประโยชน์สูงกว่าการอยู่ลำพัง
ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่งมีโอกาสพบผู้ชาย100คน ที่แตกต่างกันและผู้หญิงสามารถเรียงลำดับตามความชอบได้
กรณี 1 ถ้าชีวิตอยู่คนเดียวไม่ได้ เป็นคนขี้เหงา ... ใครก็ตามที่เข้ามาในชีวิตถือว่าผ่านเกณฑ์หมด ดังนั้นจึงหาแฟนได้แน่นอน
กรณี 2 ผู้หญิงกลางๆ ... ก็อาจจะคัดกรองคนบางส่วน ที่เข้ามาแล้วชีวิตแย่ลง คนที่เข้ามาแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นก็อาจจะมี 50คน ดังนั้นโอกาสเป็นโสดก็อยู่ที่ 50%
กรณี 3 ผู้หญิงดีเลิศ คนที่ดีพอจะเข้ามาในชีวิตมีเพียง 10คนเท่านั้นที่เหมาะสมและแฮปปี้ที่จะอยู่ด้วย
สมมติว่าในช่วงเวลาหนึ่งปี ผู้หญิงจะสุ่มเจอผู้ชายหนึ่งคน และผู้หญิงเลือกจะคบหรือปฏิเสธ (Technical: Poisson distribution จะได้ว่า ถ้ามีโอกาสพบเป็น a จะใช้เวลารอโดยเฉลี่ย 1/a)
กรณี 1 ผู้หญิงคนนี้ตกลงกับคนแรกที่พบเจอทันที และมีแฟนทันใด
กรณี 2 ผู้หญิงคนนี้มีโอกาส 50/100=1/2 ที่จะเจอคนที่ใช่ และโดยเฉลี่ยๆจะใช้เวลา 2 ปีก่อนจะพบคนที่ใช่
กรณี 3 ผู้หญิงคนนี้มีโอกาส 10/100=1/10 ที่จะเจอคนที่ใช่ และโดยเฉลี่ยๆจะใช้เวลา 10 ปีก่อนจะพบคนที่ใช่
ถามว่าผู้หญิงคนไหนมีความสุขมากที่สุด
คำตอบ(ในแบบจำลอง)คือกรณีที่ 3 เพราะแม้ว่าจะมีแฟนช้าที่สุด แต่ว่า
1) ช่วงที่เป็นโสด ไม่ใช่โสดเพราะไม่เจอใคร แต่โสดเพราะ การเป็นโสดดีกว่า
2) ช่วงที่โสด ตัวเองมีความสุขมากกว่า กรณีที่1และ2ในช่วงที่โสด
3) เพราะคนที่เลือกคบต้องอยู่ใน Top10 แน่ๆ ซึ่งมีโอกาสที่ในสองกรณีแรก จะได้พบผู้ชายที่ต่ำกว่า Top10 มากมาย
แล้วจะสื่อว่าอะไร? ที่พิมพ์มายาวๆเพื่อจะบอกว่า การเป็นโสดเพราะเป็นคนเก่งเป็นเรื่องที่ดี เราเลือกจะโสดไม่ใช่ไม่มีโอกาส ไม่อย่างนั้นคงไม่เลือกเลย และตัดสินใจคบกับคนข้างๆที่ยืนรอรถเมล์หรือคนข้างๆที่รอซื้อไก่ย่างไปแล้ว
สาเหตุที่คนโปรไฟล์ดี(หน้าตาดี มีการศึกษา รายได้ดี)จึงเป็นโสด
คำตอบสั้นๆของเราคือว่า เพราะ "การเป็นโสดอยู่ตามลำพังดีเกินไป และการไม่มีแฟนไม่ได้แปลว่าแย่"
ประเด็นสำคัญคือ คนจะตัดสินใจ"คบ"เมื่อประโยชน์จากการคบสูงกว่าประโยชน์จากการเป็นโสด
เมื่อเป็นคนเก่งอยู่ตามลำพังด้วยตัวเองได้ คุณค่าของการเป็นโสดจึงสูงตามไปด้วย ดังนั้นจึงยากมากที่จะหาคนที่เข้ามาในชีวิตและทำให้การคบกันมีประโยชน์สูงกว่าการอยู่ลำพัง
ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่งมีโอกาสพบผู้ชาย100คน ที่แตกต่างกันและผู้หญิงสามารถเรียงลำดับตามความชอบได้
กรณี 1 ถ้าชีวิตอยู่คนเดียวไม่ได้ เป็นคนขี้เหงา ... ใครก็ตามที่เข้ามาในชีวิตถือว่าผ่านเกณฑ์หมด ดังนั้นจึงหาแฟนได้แน่นอน
กรณี 2 ผู้หญิงกลางๆ ... ก็อาจจะคัดกรองคนบางส่วน ที่เข้ามาแล้วชีวิตแย่ลง คนที่เข้ามาแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นก็อาจจะมี 50คน ดังนั้นโอกาสเป็นโสดก็อยู่ที่ 50%
กรณี 3 ผู้หญิงดีเลิศ คนที่ดีพอจะเข้ามาในชีวิตมีเพียง 10คนเท่านั้นที่เหมาะสมและแฮปปี้ที่จะอยู่ด้วย
สมมติว่าในช่วงเวลาหนึ่งปี ผู้หญิงจะสุ่มเจอผู้ชายหนึ่งคน และผู้หญิงเลือกจะคบหรือปฏิเสธ (Technical: Poisson distribution จะได้ว่า ถ้ามีโอกาสพบเป็น a จะใช้เวลารอโดยเฉลี่ย 1/a)
กรณี 1 ผู้หญิงคนนี้ตกลงกับคนแรกที่พบเจอทันที และมีแฟนทันใด
กรณี 2 ผู้หญิงคนนี้มีโอกาส 50/100=1/2 ที่จะเจอคนที่ใช่ และโดยเฉลี่ยๆจะใช้เวลา 2 ปีก่อนจะพบคนที่ใช่
กรณี 3 ผู้หญิงคนนี้มีโอกาส 10/100=1/10 ที่จะเจอคนที่ใช่ และโดยเฉลี่ยๆจะใช้เวลา 10 ปีก่อนจะพบคนที่ใช่
ถามว่าผู้หญิงคนไหนมีความสุขมากที่สุด
คำตอบ(ในแบบจำลอง)คือกรณีที่ 3 เพราะแม้ว่าจะมีแฟนช้าที่สุด แต่ว่า
1) ช่วงที่เป็นโสด ไม่ใช่โสดเพราะไม่เจอใคร แต่โสดเพราะ การเป็นโสดดีกว่า
2) ช่วงที่โสด ตัวเองมีความสุขมากกว่า กรณีที่1และ2ในช่วงที่โสด
3) เพราะคนที่เลือกคบต้องอยู่ใน Top10 แน่ๆ ซึ่งมีโอกาสที่ในสองกรณีแรก จะได้พบผู้ชายที่ต่ำกว่า Top10 มากมาย
แล้วจะสื่อว่าอะไร? ที่พิมพ์มายาวๆเพื่อจะบอกว่า การเป็นโสดเพราะเป็นคนเก่งเป็นเรื่องที่ดี เราเลือกจะโสดไม่ใช่ไม่มีโอกาส ไม่อย่างนั้นคงไม่เลือกเลย และตัดสินใจคบกับคนข้างๆที่ยืนรอรถเมล์หรือคนข้างๆที่รอซื้อไก่ย่างไปแล้ว