โดยปกติ .. การที่จะพิสูจน์ความมีอยู่จริง ของ สิ่งพิเศษนอกเหนือวิสัยของปุถุชนคนธรรมดาจะรู้ได้ง่ายๆ ให้รู้ได้ด้วยตนเอง เช่น เทวดา นรก สวรรค์ ผีเปรต อะไรต่างๆ เหล่านั้น ..ฯลฯ มักจะใช้วิธีว่า ให้คนที่อยากจะพิสูจน์นั้น ต้องไปฝึกจิตภาวนา จนได้จิตสงบดีๆ หรือจิตรวมลงดีๆ ก็จะมีโอกาสเปิดกว้าง ที่จะได้รับรู้สิ่งพิเศษพวกนั้นได้บ้าง ไม่มากก็น้อย (แต่ก็ไม่ใช่ทุกๆคน)
ครานี้ แล้วคนที่ไม่มีความสามารถจะทำจิตสงบหรือให้จิตรวมได้ละ จะเอาไง? จะทำไง? จะหาทางพิสูจน์ได้ยังไง ?
ก็ไม่หมดหนทางซะทีเดียว ยังพอมีช่องทางบ้างนิดๆหน่อยๆ สำหรับคนแบบนี้ ... คือ
ให้ลองไปอาศัยอยู่กับสำนักที่มีครูบาอาจารย์ระดับมีคุณธรรมสูงๆอยู่ (โดยต้องไปอยู่นานช่วงระยะเวลาหนึ่ง)... เพราะครูบาอาจารย์ระดับนี้ ส่วนหนึ่ง จะมีบารมีพิเศษบางอย่าง ที่พวกผีสางเทวดา เปรต พญานาค ... ฯลฯ ต่างๆ มักจะมาเกี่ยวข้องติดต่ออยู่เรื่อยๆ ทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อมีจังหวะเหมาะๆ
คนที่ไปอาศัยพักพิงเพื่อรับใช้หรือฝึกจิตตามสำนักที่มีครูบาอาจารย์ระดับนี้ บางคนก็มีผลพลอยได้ตามมาด้วย คือได้มีโอกาสสัมผัสหรือรับรู้พวกสิ่งพิเศษต่างๆเหล่านั้นได้บ้าง
เช่น เคยมีเรื่องเล่า ในสำนักหลวงปู่ครูบาอาจารย์สายวัดป่าบางแห่ง สมัยก่อนหลายสิบปีมาแล้ว(ขอสงวนชื่อ) ที่มีคนในวัดจำนวนหนึ่ง บางกลุ่ม ในตอนเที่ยงวัน เห็นบุคคลคณะหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นหญิงทั้งหมด ประมาณ ๖-๗ คน มีรูปร่างหน้าตาสวยงามมากๆ แต่งตัวทำนองคล้ายๆนางเอกลิเก เดินออกมาจากกุฏิของหลวงปู่ แล้วเดินลับก้อนหินหายไปต่อหน้าต่อตา ในชั่วเวลา ไม่กี่วินาที ก่อนที่คนวัดจะเข้าไปทันทักทาย ..คนวัดกลุ่มนี้ก็สงสัยว่าทำไมมีพวกคณะลิเกมาจากไหนมาหาหลวงปู่ เมื่อถึงตอนเย็นๆหัวค่ำๆ ตอนที่เข้าไปปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ ก็ขอโอกาสกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า ตอนกลางวันมีคณะลิเกที่ไหนมาหาหลวงปู่ แล้วออกไปจากวัดทางไหน ? ... หลวงปู่ฟังคำถามแล้วก็ยิ้มๆนิดๆ ก่อนจะตอบสั้นๆว่า "วันนี้ทั้งวัน ยังไม่รับแขกคนไหนที่เป็นมนุษย์เลย" แล้วก็เงียบ ไม่พูดอะไรต่อ....เพราะตามจริง วันนั้นก็ไม่มีใครในวัดได้เห็นคนสักคนเข้าวัดไปกราบหาหลวงปู่ จริงๆซะด้วย นอกจากคนกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญเห็นกลุ่มผู้หญิงที่แต่งตัวคล้ายๆคณะลิเก แล้วเดินหายไปทางข้างก้อนหิน ... ตามที่เล่ามา นั้น เท่านั้น
นี่เป็นตัวอย่างบางเรื่อง ..ยังมีตัวอย่างแปลกๆ ทำนองนี้หรือแบบอื่นๆอีกมากมายที่คนตามสำนักภาวนาวัดป่าที่มีครูบาอาจารย์ระดับคุณธรรมสูงๆอยู่ จะได้เจออะไรแปลกๆ กันเรื่อยๆ แม้คนพวกนั้นจะภาวนาไม่เป็นก็ตาม แต่ก็ยังพอมีโอกาสได้ รับรู้สัมผัสสิ่งพิเศษเหล่านั้นได้บ้าง ในบางโอกาส
(( พอจะนึกอะไรออก ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง เชื่อหรือไม่ก็ตามใจ พิจารณาเอาเอง ))
$$$$$ ก็พอจะมีหนทางวิธีพิสูจน์ นรกสวรรค์ เทวดา ผีเปรต ฯลฯ อยู่บ้าง สำหรับคนที่ภาวนาไม่เป็น หรือภาวนายาก จิตรวมยาก $$$$$
ครานี้ แล้วคนที่ไม่มีความสามารถจะทำจิตสงบหรือให้จิตรวมได้ละ จะเอาไง? จะทำไง? จะหาทางพิสูจน์ได้ยังไง ?
ก็ไม่หมดหนทางซะทีเดียว ยังพอมีช่องทางบ้างนิดๆหน่อยๆ สำหรับคนแบบนี้ ... คือ
ให้ลองไปอาศัยอยู่กับสำนักที่มีครูบาอาจารย์ระดับมีคุณธรรมสูงๆอยู่ (โดยต้องไปอยู่นานช่วงระยะเวลาหนึ่ง)... เพราะครูบาอาจารย์ระดับนี้ ส่วนหนึ่ง จะมีบารมีพิเศษบางอย่าง ที่พวกผีสางเทวดา เปรต พญานาค ... ฯลฯ ต่างๆ มักจะมาเกี่ยวข้องติดต่ออยู่เรื่อยๆ ทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อมีจังหวะเหมาะๆ
คนที่ไปอาศัยพักพิงเพื่อรับใช้หรือฝึกจิตตามสำนักที่มีครูบาอาจารย์ระดับนี้ บางคนก็มีผลพลอยได้ตามมาด้วย คือได้มีโอกาสสัมผัสหรือรับรู้พวกสิ่งพิเศษต่างๆเหล่านั้นได้บ้าง
เช่น เคยมีเรื่องเล่า ในสำนักหลวงปู่ครูบาอาจารย์สายวัดป่าบางแห่ง สมัยก่อนหลายสิบปีมาแล้ว(ขอสงวนชื่อ) ที่มีคนในวัดจำนวนหนึ่ง บางกลุ่ม ในตอนเที่ยงวัน เห็นบุคคลคณะหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นหญิงทั้งหมด ประมาณ ๖-๗ คน มีรูปร่างหน้าตาสวยงามมากๆ แต่งตัวทำนองคล้ายๆนางเอกลิเก เดินออกมาจากกุฏิของหลวงปู่ แล้วเดินลับก้อนหินหายไปต่อหน้าต่อตา ในชั่วเวลา ไม่กี่วินาที ก่อนที่คนวัดจะเข้าไปทันทักทาย ..คนวัดกลุ่มนี้ก็สงสัยว่าทำไมมีพวกคณะลิเกมาจากไหนมาหาหลวงปู่ เมื่อถึงตอนเย็นๆหัวค่ำๆ ตอนที่เข้าไปปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ ก็ขอโอกาสกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า ตอนกลางวันมีคณะลิเกที่ไหนมาหาหลวงปู่ แล้วออกไปจากวัดทางไหน ? ... หลวงปู่ฟังคำถามแล้วก็ยิ้มๆนิดๆ ก่อนจะตอบสั้นๆว่า "วันนี้ทั้งวัน ยังไม่รับแขกคนไหนที่เป็นมนุษย์เลย" แล้วก็เงียบ ไม่พูดอะไรต่อ....เพราะตามจริง วันนั้นก็ไม่มีใครในวัดได้เห็นคนสักคนเข้าวัดไปกราบหาหลวงปู่ จริงๆซะด้วย นอกจากคนกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญเห็นกลุ่มผู้หญิงที่แต่งตัวคล้ายๆคณะลิเก แล้วเดินหายไปทางข้างก้อนหิน ... ตามที่เล่ามา นั้น เท่านั้น
นี่เป็นตัวอย่างบางเรื่อง ..ยังมีตัวอย่างแปลกๆ ทำนองนี้หรือแบบอื่นๆอีกมากมายที่คนตามสำนักภาวนาวัดป่าที่มีครูบาอาจารย์ระดับคุณธรรมสูงๆอยู่ จะได้เจออะไรแปลกๆ กันเรื่อยๆ แม้คนพวกนั้นจะภาวนาไม่เป็นก็ตาม แต่ก็ยังพอมีโอกาสได้ รับรู้สัมผัสสิ่งพิเศษเหล่านั้นได้บ้าง ในบางโอกาส
(( พอจะนึกอะไรออก ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง เชื่อหรือไม่ก็ตามใจ พิจารณาเอาเอง ))