ขออนุญาต แท็กห้องบลูแพลนเน็ต สอบถามมีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างคะ
และ  ขออนุญาตแท็ก ห้องศาลาประชาคม เผื่อผู้มีความรู้มาช่วยตอบทีนะคะ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ จากสองพี่น้องผู้ประสบปัญหา

     เราวางแผนกับน้องว่าจะไปเที่ยวไอซ์แลนด์ จองตั๋วของสายการบินอิมิเรทส์ ที่เลือกสายการบินนี้เพราะทำให้ประหยัดเวลาเดินทางมากขึ้น และเสียเวลาเปลี่ยนเครื่องไม่นาน ซึ่งกำหนดเดินทางวันที่ 10-16 ธ.ค. ที่ผ่านมาค่ะ เพราะไม่มีไดเรคไฟลท์ไปไอซ์แลนด์ ทำให้ต้องซื้อเครื่องไปลงออสโล แล้วต่อสายการบินของไอซ์แลนด์แอร์ไปลงเรคยาวิค ไอซ์แลนด์ค่ะ เราจองทัวร์ท้องถิ่นไว้ รถบัสของทัวร์จะพาเที่ยวในเช้าวันที่ 11ธ.ค. ไปยังจุดที่น่าสนใจต่างๆ ตามโปรแกรมค่ะ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ดูจะแฮปปี้มากๆ แต่แผนของเรามาพังหมด เพราะสายการบินอิมิเรทส์เครื่องเสียเวลาไป 4 ชม. 43 นาที จากกรุงเทพฯ ทำให้เราต่อเครื่องไปออสโลไม่ทัน แน่นอนเราก็ตกเครื่องไปเรคยาวิคเช่นกันค่ะ และ ถ้าเราไม่ถึงเรคยาวิคก่อนเช้าวันที่ 11 ธ.ค. ก็จะตกทัวร์ค่ะ


      เพราะเครื่องดีเลย์ ทำให้แผนการณ์ผิดไปหมด พอไปถึงดูไบก็มีสตาฟคอยให้ความช่วยเหลือ เราเป็น2คนสุดท้ายที่เค้าอยู่ช่วย เพราะของเราต้องไปให้ทันยังจุดหมายก่อนเช้า 11ธ.ค. เพื่อไม่ให้ตกทัวร์ ได้ข้อสรุปก็คือจากดูไบ ไปด้วยสายการบินอิมิเรทส์ลง London Gatwick จะถึงแกตวิคเวลา 18:40   และไปต่อเครื่อง Wow air ซึ่งส่วนนี้พนักงานของสายการบินได้พูดว่าสายการบินไม่มีส่วนรับผิดชอบตรงนี้ ซึ่งเราก็แปลกใจมากค่ะ แต่เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เราเลยได้ทำการจอง และเสียเงินครั้งแรกนี้ ค่าเครื่องสองคน 378 ปอนด์ เครื่องของ Wow air ออกเวลา 19:40 และจะไปถึง Reykjavik ในเวลา 22:50 ของวันที่ 10 ธ.ค. ค่ะซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่ทำให้เราไม่ตกทัวร์ ทีแรกก็เกรงๆ อยู่ว่ามีเวลาเปลี่ยนเครื่อง 1 ชม. ที่แกตวิค จะทันไหม ซึ่งสตาฟก็พูดให้ความมั่นใจค่ะว่าทัน ให้จองตั๋วเลย ซึ่งถ้าเรารีบวิ่งเต็มที่ก็น่าจะทัน แต่เหตุการณ์เลวร้ายยังไม่จบ เพราะเครื่อง EK9 ที่เราโดยสารไปแกตวิค ดีเลย์ไปอีก 21 นาที กัปตันแจ้งว่ารอผู้โดยสารอีก2คนทำให้ล่าช้า พอรู้ว่าเริ่มสายแล้ว เราได้ถามแอร์กะสจ๊วตบนเครื่องอิมิเรทส์ว่าจะทันไฟลท์ต่อไปหรือไม่ เค้าก็บอกปัดๆ ว่าทันละ ยูว์รีบวิ่งไปคนแรก เราจำได้ว่าออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นคนแรกเลย ถึงเวลา 19.00น.แต่การที่รอเค้าทำให้เราไปที่เคาท์เตอร์เช็คอินไม่ทัน เราวิ่งสุดพลังแล้วจริงๆ ระยะทางจากอิมิเกรชั่นไปเคาท์เตอร์เช็คอินค่อนข้างไกล ต้องต่อรถไฟจากจาก north gate ไป south gate ไปถึงเชคอินเคาท์เตอร์ 19.10 น. เคาท์เตอร์ปิดไปแล้วค่ะ สตาฟที่นั่งอยู่ของสายการบินใกล้เคียงบอกว่าเคาท์เตอร์เช็คอินเพิ่งปิดไปประมาณ 10 นาที โทรไปทาง Wow Air ก็ได้รับการปฏิเสธ เรายังไม่หมดความพยายามไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานของสนามบินแกตวิค เค้าโทรไปที่เครื่องก็ได้รับการปฏิเสธเหมือนเดิมค่ะ และมีคำพูดมาว่า แม้คุณจะเป็นพระราชินีคุณก็เข้าไปไม่ได้ เราแทบจะล้มทั้งยืนทำอะไรไม่ถูก  ต้องมาตกเครื่องอยู่ลอนดอนอีก ทั้งแค้นทั้งเจ็บใจ ดีเลย์ครั้งนี้เพราะผู้โดยสาร2คนที่มาช้า แต่พอเป็นเราบ้างทำไมเค้าถึงไม่ช่วย

     มีอีกข่าวร้ายที่ได้รับแจ้งบนเครื่องบินจากสจ๊วตบนเครื่องก็คือ กระเป๋าดีเลย์ค่ะ และกระเป๋าจะถูกส่งตามมาให้ที่โรงแรมในไอซ์แลนด์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในเย็นวันที่ 12ธ.ค. เราเลยให้ที่อยู่ที่โรงแรมไป และเบอร์ติดต่อของทัวร์ท้องถิ่นไว้ค่ะ และทางสายการบินได้ผิดสัญญากับเราอีกรอบ สายการบินทิ้งกระเป๋าเราไว้ที่สนามบิน Reykjavik ดีที่ทางทัวร์ติดต่อประสานงานให้ และแจ้งว่าถ้าจะเอากระเป๋า ต้องเสียค่ารถอีกประมาณสองหมื่นบาทเพื่อให้มาถึงโรงแรมซึ่งมันอยู่นอกเมืองเรคยาวิคประมาณ 200 กิโลเมตรค่ะ เราไม่ยอมเสียเงินอีก จึงได้กระเป๋าในคืนวันสุดท้าย 15 ธ.ค.

     ขอเล่าต่อนะคะ จากแกตวิคหลังจากคุยต่อรองขอขึ้นเครื่องและได้รับการปฏิเสธแล้ว ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป สตาฟที่แกตวิคบอกไฟลท์ที่เร็วที่สุดเพื่อไปเรคยาวิคเป็นของ Easy Jet (จ่ายเพิ่มครั้งที่สอง ค่าเครื่องสองคน 570 ปอนด์)  ซึ่งต้องไปต่อที่สนามบินลูตันซึ่งนั่งรถไฟไปชั่วโมงกว่าๆ เสียค่ารถไฟอีกคนละ 26.80 ปอนด์ เราไปถึงตอนลูตันตอนสามทุ่มกว่าๆ ค่ะ รอไฟลท์ตอนตี 5 ก็นอนในแอร์พอร์ท ผู้หญิงสองคนต้องมาเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายอะไรก็ไม่รู้เพราะอิมิเรทส์ดีเลย์ มันเป็นความแค้น คับข้องใจค่ะ ในระหว่างการเดินทางเราก็พยายามติดต่อทัวร์ผ่านอีเมลล์นะคะ ซึ่งทัวร์ก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี เราจะไปถึงเรคยาวิคตอนเที่ยงวันของวันที่ 11 ธค ค่ะ เราแทบน้ำตาไหลเมื่อรู้ว่าทัวร์จะส่งแท็กซี่มารับเรากะน้องเพื่อให้ไปแคชอัพกับลูกทัวร์คนอื่นๆ แม้จะต้องเสียค่าแท็กซี่ไป 9000 กว่าบาท แต่ก็รู้สึกดีมากว่าอย่างน้อย เรารอดแล้ว ทัวร์ไม่ลอยแพเรา

     เรื่องเลวร้ายยังไม่จบนะคะ เพราะ no show จากไฟลท์ออสโลไปเรคยาวิค ในวันแรก ก็เลยมีอีเมลล์มาว่า ไฟลท์ขากลับจากเรคยาวิคไปออสโลถูกแคนเซิล เราไปติดต่อเคาท์เตอร์ไอซ์แลนด์แอร์เมื่อไปถึงแต่ก็บอกว่าไม่ได้ ต้องซื้อใหม่ และเค้าแนะนำให้ติดต่อเอเจน ซึ่งเราซื้อกับ Priceline เอเจนอเมริกา เราต้องโทรไปคอลเซนเตอร์ที่อเมริกาเสียเงินอีกเกือบร้อยบาท แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะต้องซื้อตั๋วกลับจากไอซ์แลนด์ไปออสโลใหม่ (จ่ายเพิ่ม ค่าเครื่องสองคน อีกคนละ 380.8 ดอลลาร์สหรัฐ)

     ในระหว่างที่อยู่ลูตันเราตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าเสื้อกันหนาว กางเกง หมวก และรองเท้าที่แอร์พอร์ตค่ะ หมดไปรวมกันหมื่นสอง แต่มันก็ทำให้เราอบอุ่นเดินสบายและอยู่ได้จนจบทริปค่ะ เหตุการณ์ต่างๆ นานา ทำให้สภาพจิตใจตลอดทริปที่ไม่ค่อยจะมีความสุข 100% เพราะมัน let go ไม่ได้ ขาตั้งกล้องก็ไม่มี ถ่ายแสงเหนือก็เลอะๆ เลือนๆไป เสื้อผ้าก็ใส่ทุกตัวที่มีเพราะมันหนาวมาก กว่าจะมาถึงทัวร์ก็ใช้เวลายาวนานและสภาพร่างกายก็เหนื่อยล้า กลับมาจากทริปก็ได้หวัดมาเป็นของแถมค่ะ และก่อนไปทำประกันไว้ตอนขอวีซ่าเป็นประกันชีวิตค่ะ เราดันไม่ได้ทำประกันไฟลท์ดีเลย์ไปด้วย เพราะไม่เคยเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้มาก่อน ดีเลย์เต็มที่ก็ชม.สองชม.  ทำเพิ่มแค่ประกันกระเป๋าเสียหายล่าช้าเพิ่ม ซึ่งน้องเองก็คะยั้นคะยอให้เอาประกันไฟลท์ดีเลย์ไปด้วยแล้วแท้ๆ เป็นความรู้สึกผิดเสียใจและไม่คาดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเราแล้วจริงๆ TT

     อยากถามทุกคนที่มีความรู้ค่ะว่า เราสามารถเรียกร้องกับอิมิเรทส์ได้อย่างไรบ้างคะ เราคอมเพลนไปกับสายการบินแล้วค่ะ เค้าบอกอยู่เหนือความรับผิดชอบของเค้าเพราะจุดหมายที่เราจะไปไม่ได้บินด้วยอิมิเรทส์เค้าจะให้ไมล์สะสมคนละ 20,000 ไมล์ชดเชยให้ ส่วนกระเป๋าล่าช้าเราแจ้งกับทางสตาฟที่ไทยหลังจากมาถึง เค้าทำเรื่องและให้เป็นเงินเข้าบัญชีให้คนละ 100 เหรียญ (7,250 บาทค่ะ) ซึ่งเราเพิ่งมาดูในกฏกระเป๋าเหมือนว่ามันเป็นเรทต่ำสุดที่เค้าจะเสนอให้แต่เพราะความไม่รู้เลยยอมรับไปแล้ว แต่เราจะไม่ยอมรับไมล์ที่ชดเชยให้ค่ะ ท่านใดพอจะมีความรู้ไหมคะว่ากรณีแบบเราสามารถที่จะพอเรียกร้องอะไรกับทางสายการบินได้บ้าง ขอบคุณมากๆนะคะที่อ่านมาจนจบ รบกวนผู้มีความรู้หรือมีประสบการณ์ให้คำปรึกษาด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ