ปีนี้ผมทำกำไรได้น่าจะราวๆ20ล้านโดยการวิเคราะห์กิจการเป็นหลัก
การวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นนั้นจำเป็นต้องเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของหุ้น หุ้นหลักๆที่ผมชอร์ทในปีนี้ก็คือDTAC,PTTEP,NOK
เกริ่นก่อนว่าผม"ชอร์ทหุ้น" ไม่ได้เล่นFutureหรือOption
การชอร์ทหุ้นคือการยืมหุ้นมาขายก่อนแล้วค่อยซื้อคืน กระบวนการนี้เรียกว่าSBL
เช่น ผมยืมBanpuมาขายตัวละ20บาทต่อหุ้น พอบ้านปูราคา16บาท เท่ากับผมได้กำไร4บาทต่อหุ้นทั้งๆที่หุ้นลง กระบวนการนี้เรียกว่าSBL
ลักษณะที่ผมทำคือการลงทุนกลับด้าน คือวิเคราะห์ว่าหุ้นตัวไหนจะแย่ แล้วทำการชอร์ทหุ้นซะ
1.ตัวแรกที่ผมเลือกชอร์ทคือNOK เนื่องจากมองว่าบริษัทแม่มีความไม่ชัดเจนในการสนับสนุนธุรกิจ(แม่ยังร่อแร่) และการแข่งขันรุนแรงขึ้นมาก ธุรกิจไม่มีจุดเด่น ลองวิเคราะห์Value Chainดูก็ไม่มีกิจกรรมใดๆที่โดดเด่นที่จะทำให้มีกำไรมากกว่าคู่แข่ง แถมอุตสาหกรรมแข่งมากขึ้น(ลองเช็คเที่ยวบินจากสนามบินดอนเมืองได้)เลยมองว่าผู้ที่ได้ประโยชน์น่าจะเป็นAOTมากกว่า คิดได้ดังนี้ก็เลยชอร์ทซะ
2.ตัวที่สองที่ชอร์ทคือPTTEP ตัวนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก น้ำมันราคาตกรุนแรง ธุรกิจมีOperating Leverageสูง ทำให้เวลาประกอบธุรกิจเลยจุดคุ้มทุนแล้วกำไรจะพุ่งสูงมาก ในทางกลับกันเมื่อมีการลดลงของราคาน้ำมันจะทำให้กำไรหายไปเยอะ ตอนที่ชอร์ทน้ำมันลดลงเหลือประมาณ6xเหรียญแต่หุ้นลงเบากว่ามาก แต่ผมมองว่ากำไรน่าจะหายไปเยอะกว่านั้นเนื่องจากOPสูงมากๆเลยทำการชอร์ท
3.ตัวที่3คือDtac ชอร์ทตั้งแต่ต้นปีเลยที่ราคาประมาณ95บาท เนื่องจากมองว่าบริษัทแม่ของDTACน่าจะขนเงินไปลงทุนที่พม่ามากกว่า ซึ้งเค้าได้Market Shareที่พม่าสูงมาก ถ้ามองในมุมมองฝรั่งเงินน่าจะย้ายไปที่ๆทำผลตอบแทนได้ดีกว่า แถมDTACยังมีหนี้เงินกู้มหาศาลจากการกู้มาจ่ายปันผลพิเศษเมื่อ3-4ปีก่อน การแข่งขันรุนแรง หนี้เยอะ บริษัทแม่แค่ประคองตัว คิดแบบนี้ก็เลยชอร์ทหุ้น
Disclaimer : ย้ำอีกทีว่าเป็นแค่กรณีศึกษานะครับและผมทำการ"ชอร์ทหุ้น"นะครับ ไม่มีการเล่นOptionหรือFutureใดๆทั้งสิ้น เป็นการวิเคราะห์กิจการแต่เล่นขาลงครับ
จริงๆรายละเอียดที่ตัดสินใจแต่ละตัวมีมากกว่านี้แต่ว่าเนื้อหาจะยาวเกินไปครับ
ปีนี้ผมทำกำไร20ลล้านบาท โดยการดูปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก(มีภาพ) มีกรณีศึกษา
การวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นนั้นจำเป็นต้องเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของหุ้น หุ้นหลักๆที่ผมชอร์ทในปีนี้ก็คือDTAC,PTTEP,NOK
เกริ่นก่อนว่าผม"ชอร์ทหุ้น" ไม่ได้เล่นFutureหรือOption
การชอร์ทหุ้นคือการยืมหุ้นมาขายก่อนแล้วค่อยซื้อคืน กระบวนการนี้เรียกว่าSBL
เช่น ผมยืมBanpuมาขายตัวละ20บาทต่อหุ้น พอบ้านปูราคา16บาท เท่ากับผมได้กำไร4บาทต่อหุ้นทั้งๆที่หุ้นลง กระบวนการนี้เรียกว่าSBL
ลักษณะที่ผมทำคือการลงทุนกลับด้าน คือวิเคราะห์ว่าหุ้นตัวไหนจะแย่ แล้วทำการชอร์ทหุ้นซะ
1.ตัวแรกที่ผมเลือกชอร์ทคือNOK เนื่องจากมองว่าบริษัทแม่มีความไม่ชัดเจนในการสนับสนุนธุรกิจ(แม่ยังร่อแร่) และการแข่งขันรุนแรงขึ้นมาก ธุรกิจไม่มีจุดเด่น ลองวิเคราะห์Value Chainดูก็ไม่มีกิจกรรมใดๆที่โดดเด่นที่จะทำให้มีกำไรมากกว่าคู่แข่ง แถมอุตสาหกรรมแข่งมากขึ้น(ลองเช็คเที่ยวบินจากสนามบินดอนเมืองได้)เลยมองว่าผู้ที่ได้ประโยชน์น่าจะเป็นAOTมากกว่า คิดได้ดังนี้ก็เลยชอร์ทซะ
2.ตัวที่สองที่ชอร์ทคือPTTEP ตัวนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก น้ำมันราคาตกรุนแรง ธุรกิจมีOperating Leverageสูง ทำให้เวลาประกอบธุรกิจเลยจุดคุ้มทุนแล้วกำไรจะพุ่งสูงมาก ในทางกลับกันเมื่อมีการลดลงของราคาน้ำมันจะทำให้กำไรหายไปเยอะ ตอนที่ชอร์ทน้ำมันลดลงเหลือประมาณ6xเหรียญแต่หุ้นลงเบากว่ามาก แต่ผมมองว่ากำไรน่าจะหายไปเยอะกว่านั้นเนื่องจากOPสูงมากๆเลยทำการชอร์ท
3.ตัวที่3คือDtac ชอร์ทตั้งแต่ต้นปีเลยที่ราคาประมาณ95บาท เนื่องจากมองว่าบริษัทแม่ของDTACน่าจะขนเงินไปลงทุนที่พม่ามากกว่า ซึ้งเค้าได้Market Shareที่พม่าสูงมาก ถ้ามองในมุมมองฝรั่งเงินน่าจะย้ายไปที่ๆทำผลตอบแทนได้ดีกว่า แถมDTACยังมีหนี้เงินกู้มหาศาลจากการกู้มาจ่ายปันผลพิเศษเมื่อ3-4ปีก่อน การแข่งขันรุนแรง หนี้เยอะ บริษัทแม่แค่ประคองตัว คิดแบบนี้ก็เลยชอร์ทหุ้น
Disclaimer : ย้ำอีกทีว่าเป็นแค่กรณีศึกษานะครับและผมทำการ"ชอร์ทหุ้น"นะครับ ไม่มีการเล่นOptionหรือFutureใดๆทั้งสิ้น เป็นการวิเคราะห์กิจการแต่เล่นขาลงครับ
จริงๆรายละเอียดที่ตัดสินใจแต่ละตัวมีมากกว่านี้แต่ว่าเนื้อหาจะยาวเกินไปครับ