จับสัญญาณซื้อขายด้วย RSI ตอนที่ 7 (ตอนจบ) : โดย คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม

บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม

ในบทความครั้งที่แล้วผมได้กล่าวถึงกรณีที่เมื่อสัญญาณการเคลื่อนตัวของ RSI เลยเขตSafety zone ไปแล้ว เราควรจะมีกระบวนการตัดสินใจอย่างไร  ท่านสามารถติดตามอ่านบทความก่อนหน้าได้จาก facebook หรือ blog ของผมได้ครับ

สำหรับบทความนี้จะเป็นตอนสุดท้ายของบทความชุด “จับสัญญาณซื้อขายด้วย RSI” ซึ่งจะเป็นการสรุปภาพรวมของการใช้เครื่องมือ RSI เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจสำหรับการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว


จากภาพด้านบนเป็นบทสรุปทั้งหมดที่ผมได้รวบรวมไว้ให้อยู่ภายในภาพเดียวกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ครับ

RSI <= 30 : เมื่อ RSI มีค่าต่ำกว่า 30 ลงไป จะเป็นการบ่งบอกว่าได้เข้าสู่เขตของการขายมากเกินไป (Oversold) ซึ่งตามทฤษฏีแล้ว เป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสมต่อการเข้าซื้อหุ้น แต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว สภาวะที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่งมีค่า RSI ต่ำกว่า 30 แสดงว่าหุ้นตัวนั้นกำลังประสบปัญหา และอยู่ในช่วงจังหวะขาลงอย่างชัดเจน ดังนั้นการเข้าซื้อหุ้นในช่วงเขต Oversold นี้จึงเหมาะกับการลงทุนในระยะกลาง (เกิน 6 เดือนขึ้นไปแต่ไม่เกิน 1 ปี) ถึงระยะยาว (มากกว่า 1 ปี ขึ้นไป)  แต่ทั้งนี้จะต้องทำการตรวจสอบให้ชัดเจนเสียก่อนว่าการที่หุ้นตัวที่ท่านสนใจอยู่นั้นถูกขายมากจนเกินไปเป็นเพราะสาเหตุใด ยังมีความเหมาะสมต่อการลงทุนอยู่หรือไม่

30 < RSI < 40 : ในกรณีที่ RSI มีค่าอยู่ระหว่าง 31 ถึง 39  เป็นช่วงที่ไม่เหมาะสมต่อการลงทุน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เนื่องจากยังเป็นช่วงที่ราคาหุ้นอยู่ในสภาวะอ่อนตัว อยู่ในจังหวะที่ลงก็ยังลงไม่สุด และหากสามารถพลิกกลับตัวขึ้นมาได้ก็ยังอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงเกินไปและพร้อมที่จะอ่อนตัวกลับลงมาได้ทุกเมื่อ

40 <= RSI <= 60 : ในกรณีที่ RSI มีค่าอยู่ระหว่าง 40 ถึง 60 เป็นช่วงที่เหมาะสมต่อการลงทุนในระยะสั้น (ไม่เกิน 6 เดือน) หรือระยะกลาง  (เกิน 6 เดือนขึ้นไปแต่ไม่เกิน 1 ปี)  เนื่องจากราคาหุ้นที่อยู่ในเกณฑ์ปกติจะอยู่ที่ RSI = 50 ดังนั้น ค่า RSI ที่มีค่าอยู่ระหว่าง 40 ถึง 60 จึงจัดว่าเป็นเขตปลอดภัย( Safety zone) ของการซื้อขายหุ้นมากที่สุด

โดยมีจุดที่เหมาะสมต่อการเข้าซื้อเมื่อ RSI = 40,50 และ 60 ตามลำดับ เมื่อเห็นว่าเส้น RSI เพิ่มความชันมากขึ้น และในทางตรงกันข้ามหากเส้น RSI ปักหัวต่ำลงจุดที่เหมาะสมต่อการขายก็คือ RSI = 60,50 และ 40 ตามลำดับ

60 < RSI < 70 : ในกรณีที่ RSI มีค่าอยู่ระหว่าง 61 ถึง 69 เป็นช่วงจังหวะที่ควรปล่อยให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ (Let profit run) เนื่องจากทิศทางการเคลื่อนตัวบ่งบอกว่ากำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้นค่อนข้างชัดเจน แม้ว่าในช่วงจังหวะนี้จะไม่ใช่ช่วงจังหวะที่เหมาะสมต่อการเข้าซื้อหุ้น แต่ก็ยังสามารถที่จะทำการเข้าซื้อหุ้นได้แต่ควรเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากเป็นการเข้าซื้อที่จัดว่าเริ่มมีความเสี่ยง

RSI => 70 :  ในกรณีที่ RSI มีค่าตั้งแต่ 70 เป็นต้นไป จะเป็นการบ่งบอกว่าได้เข้าสู่เขตของการซื้อมากเกินไป (Overbought) ซึ่งตามทฤษฏีแล้ว เป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสมต่อการขายหุ้น แต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว ควรปล่อยให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ (Let profit run) ไปให้ไกลที่สุด โดยให้ทำการขายเมื่อเห็นว่าเส้น RSI เริ่มปักหัวต่ำลง และจุดที่ควรจะขายเป็นจุดสุดท้ายนั่นก็คือเมื่อเส้น RSI กลับตัวปักหัวต่ำลงมาจนตัดเส้น RSI = 90 (กรณี RSI เพิ่มความชันไปเกิน 90) หรือ RSI = 80 (กรณี RSI เพิ่มความชันไปเกิน 80 แต่ไม่ถึง 90 ) หรือ RSI = 70 (กรณี RSI เพิ่มความชันไปเกิน 70 แต่ไม่ถึง 80 )

การเข้าซื้อหุ้นในช่วงจังหวะนี้ถือว่าเป็นการซื้อที่มีความเสี่ยงสูงมาก ดังนั้น หากต้องการเข้าซื้อหุ้นในช่วงจังหวะนี้ควรเป็นการลงทุนในลักษณะของการเก็งกำไรระยะสั้นมากๆเท่านั้น และควรซื้อในจังหวะที่ RSI มีค่าน้อยกว่า 75


สำหรับ ระดับสัญญาณการเคลื่อนตัว (Period หรือจะเรียกว่า Time frame ก็ได้ครับ) ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับลักษณะการลงทุน หากเป็นการลงทุนระยะสั้นควรใช้สัญญาณการเคลื่อนตัวในระดับว้น (Day) หรือ 120 นาที หากเป็นการลงทุนในระยะกลางควรใช้สัญญาณการเคลื่อนตัวในระดับสัปดาห์ (Week)  และหากเป็นการลงทุนในระยะยาวควรใช้สัญญาณการเคลื่อนตัวในระดับเดือน (Month)

ทั้งหมดนี้ก็คือบทสรุปของการใช้เครื่องมือ Relative Strength Index (RSI)  เครื่องมือพื้นฐานง่ายๆ ธรรมดาๆชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนให้กับท่านได้ หากรู้จักนำมันมาใช้อย่างถูกวิธี


ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาติดตาม หากไม่รังเกียจกรุณาช่วยกด Like facebook หรือช่วยแชร์ ส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ให้กับสังคมด้วยนะครับ และขอเชิญมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ..สังคมเล็กๆที่อบอุ่น เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆคืนให้กับสังคมต่อไป.

บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่