ฉันเกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง แม่เสียตั้งแต่เล็ก พ่อแต่งงานใหม่(แม่เลี้ยงหรือแม่ใหม่เป็นคนที่ดีนะ ) ฉันก็โตเเละเรียนรู้อะไรต้องบอกเลยว่าตัวคนเดียวจริงๆ แม่เสียพ่อแต่งงานใหม่พี่น้อง3คนแยกกันอยู่หรือจะเรียกว่าเดินกันคละทางถึงจะถูก พ่อเขารักและติดแม่มากหึงหวงทะเลาะถึงขึ้นลงไม้ลงมือกันก็บ่อย บางทีมันกลานเป็นชินตาไปแล้วด้วยมั้ง ฉันเป็นพี่คนโตในพี่น้อง3คน และเป็นคนเดียวที่ได้เรียน คนกลางทนรับสภาพครอบครัวไม่ไหวหนีออกจากบ้านตั้งแต่ม.2เด็กผู้หญิงคนหนึ่งทำแบบนั่นได้สำหรับฉันเขาเก่งเด็ดเดียวมาก ถ้าไม่ติดว่าฉันอยากที่จะเรียนหนังสือเหมือนเพื่อนปานนี้ด็ไม่รู้จะไปตรงไหนในมุมโลกนี้ พ่อรู้เรื่องแต่แกก็ไม่ออกตามหาน้องนะกลัวเเม่เขาจะน้อยใจว่สใส่ใจสนใจลูก น้องคนเล็กอ่านเขียนหนังสือไม่ได้เลย พอขึ้นม.1ก็ออกจากโรงเรียนกลางคัน พ่อก็ไม่ทำอะไรก็ให้น้องไปทำงานกับอา
.
.
.
เชื่อไหมนี้แค่เป็นจุดเริ้มต้นในชีวิตหนู(ขอใช้คำว่าหนูแล้วกันนะค่ะ ติดปาก)
ตลอดเวลาเริ้มตั้งแน่น้องคนกลางออกจากบ้านหนูไม่เคยมีความสุขเลย หนูจำไม่ได้ด้วยซ้ำคำว่าครอบครัวมันมีความหมายอย่างไง กินข้าวคนเดียว ทำงานบ้านคนเดียว ร้องไห้คนเดียว หลายครั้งที่หนูก็อยากตามไปหาแม่ ตา ยาย บนฟ้านะ หนูคิดถึงพวกเขาถ้าเขายังอยู่ด้วยคงมีกำลังใจและมีความรู้สึกถึงคำว่าครอบครัวกว่านี้ นับวันที่หนูอยู่บ้านหนูต้องก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่าง พ่อพอไม่พอใจก็โยนข้าวของใส่หนูหรือไม่ก็ตบตีหนูกระชากผมก็บ่อยๆ แต่หนูไม่มีทางเลือกก็คนมันอ่อนแอไม่กล้าจะทำแบบน้องคนกลาง หนูเป็นคนคิดเยอะ ถ้าหนูไม่อยู่ใครจะทำงานบ้าน สงสารแม่เลี้ยงทำงานมาเหนื่อย พ่อเอาแต่หาเรื่องหึงๆหวงๆเหมือนเด็ก หนูกลัวว่าหนูไม่อยู่แฃ้วที่บ้านจะไม่มีใครทำงานบ้านดูแลบ้าน ลึกก็แอบคิดนะบ้านนี้ก็บ้านแม่หนูนะอยู่มาเป็น10ๆปี พ่อไม่เคยซ่อมแซ่มเลย ปล่อยมันเก่าไปตามกาลเวลา แต่อย่างไงหนูก็ยังมีเรื่องดีๆในชีวิตนะ หนูมีกำลังใจที่ดีที่พยายามมอบให้ตัวเองเสมอ ทั้งทืบางทีมองไม่เห็นทางออกเลยด้วยซ้ำ แลมีเพื่อนที่ดีทุกคนจริงใจและยอมรับในสิ่งที่หนูมีเเละเป็นได้
หนูหนีออกจากบ้านตอนจะจบมหาลัยด้วยแหละ55555 แต่เป็นตอนที่มีแฟนแล้วนะ มาอยู่กับแฟน
*แต่เชื่อเถอะมันไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด หนูคิดตอนแรกแค่จะพัก เชื่อไหมหนูต้องบีบน้ำตาร้อไห้ขอค่าเทอมทุกเทอม พ่อว่าหนูใฝ่สูงเรียนมหาลัย แต่หนูอยากเรียนหนูดันทุรังจนได้ เกรดไม่ถึง2.00กู้ไม่ได้ กลับมาก็มาเจอพ่อตีพ่อด่าไม่ใครจะไปรบไหวจริงๆนะ เห้อออออ ไม่สาปแช่งให้ตายก็สาปว่าไมีมีทางเจริญหนูเรียนหาลัยยังโดนตีอยู่เลย ร้องไห้ไปหาเพื่ินก็บ่อย บางทีเพื่อนร้องตามอ่ะ มันถึงบอกชีวิตหนูเหมือนนิยายเลย
หนูมาอยู่กรุงเทพจะ2ปีล่ะดอปเรียนค่ะจนเพื่อนถามจะลาออกยัง ตลอดเวลาที่อยู่1ปีเต็มๆที่หลุดไม่พ้นจากความเคลียส หนูจำแต่ภาพที่พ่อทุบตีทั้งต่อหน้สคนในครอบครัวทั้งต่อหน้าคนอื่น หนูวนเวียนอยู่แต่ในคำพูดที่พูดด่าพ่อสาปแชปแล้วหมั่น โกรธพ่อ จริงๆหนูไม่อยากใช้คำว่าพ่อเลย จะพิมหรือพูดก็ไม่อยากเอ๋ย หนูคงเป็นคนที่บาปที่สุกในโลก แต่ตินนี้หลังมานี้หนูก็ใจเย็นปล่อยวางเรื่องนี้ได้มากขึ้น เพราะ........... น้องส่วคนกลางกลับมารอบติดลูกมาด้วย3คนเลยค่ะ เขาค่อยจะบอกหนูเสมอพ่อยังไงก็เป็นพ่อ ให้หนูปล่อยวาง เลิกถือทิฐิ มันยากนะแต่หนูก็พยายาม อีกอย่างพ่อก็ดีขึ้นมาใจเย็นขึ้น พูดรู้เรื่อง อาจเพร่ะหนูออกจากบ้านแล้ว น้องคนกลางก็ไปอยู่กับครอบครัวเขา. คนเล็กก็ดันไปแอบติดพันกับเเฟนพี่ญาติจนต้องออกจากบ้านไปเช่าห้องอยู่ที่อื่น หนูคิดว่านะถ้าพ่อรู้ว่าหนูยังเรียนไม่จบพ่อคงจะอาละวาดแน่นอน55555555 จริงนี้อยากบอกเขามากเลยที่หนูต้องเก็บตัวไม่ไปไหนวันวนเวียนอยู่กับความจำในอดีตที่ก้าวไปไหนไม่ได้เพราะกลัวจะเจอคนแบบเขา กลัวไปซะหมด หนูไม่โทษเขาทั้งหมดเพราะหนูอ่อนแอเองด้วยแหละ หนูก้าวข้าวมันไม่ได้สักที
.......... เรื่องเล่าในชีวิตหนูพอจะเเต่งเป็นนิยายชีวิตได้หรือเปล่าค่ะ............
***หนูเป็นทอมค่ะ แต่ที่บ้านไม่ให้เป็น ก็เลยเหมือนๆผู้หญิง ไปโดยปริยายค่าา55555
มีคนบอกว่าชีวิตฉันเหมือนบทละครอยากให้คุณลองเข้ามาอ่านว่ามันใช่จริงๆหรือเปล่าค่ะ
.
.
.
เชื่อไหมนี้แค่เป็นจุดเริ้มต้นในชีวิตหนู(ขอใช้คำว่าหนูแล้วกันนะค่ะ ติดปาก)
ตลอดเวลาเริ้มตั้งแน่น้องคนกลางออกจากบ้านหนูไม่เคยมีความสุขเลย หนูจำไม่ได้ด้วยซ้ำคำว่าครอบครัวมันมีความหมายอย่างไง กินข้าวคนเดียว ทำงานบ้านคนเดียว ร้องไห้คนเดียว หลายครั้งที่หนูก็อยากตามไปหาแม่ ตา ยาย บนฟ้านะ หนูคิดถึงพวกเขาถ้าเขายังอยู่ด้วยคงมีกำลังใจและมีความรู้สึกถึงคำว่าครอบครัวกว่านี้ นับวันที่หนูอยู่บ้านหนูต้องก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่าง พ่อพอไม่พอใจก็โยนข้าวของใส่หนูหรือไม่ก็ตบตีหนูกระชากผมก็บ่อยๆ แต่หนูไม่มีทางเลือกก็คนมันอ่อนแอไม่กล้าจะทำแบบน้องคนกลาง หนูเป็นคนคิดเยอะ ถ้าหนูไม่อยู่ใครจะทำงานบ้าน สงสารแม่เลี้ยงทำงานมาเหนื่อย พ่อเอาแต่หาเรื่องหึงๆหวงๆเหมือนเด็ก หนูกลัวว่าหนูไม่อยู่แฃ้วที่บ้านจะไม่มีใครทำงานบ้านดูแลบ้าน ลึกก็แอบคิดนะบ้านนี้ก็บ้านแม่หนูนะอยู่มาเป็น10ๆปี พ่อไม่เคยซ่อมแซ่มเลย ปล่อยมันเก่าไปตามกาลเวลา แต่อย่างไงหนูก็ยังมีเรื่องดีๆในชีวิตนะ หนูมีกำลังใจที่ดีที่พยายามมอบให้ตัวเองเสมอ ทั้งทืบางทีมองไม่เห็นทางออกเลยด้วยซ้ำ แลมีเพื่อนที่ดีทุกคนจริงใจและยอมรับในสิ่งที่หนูมีเเละเป็นได้
หนูหนีออกจากบ้านตอนจะจบมหาลัยด้วยแหละ55555 แต่เป็นตอนที่มีแฟนแล้วนะ มาอยู่กับแฟน
*แต่เชื่อเถอะมันไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด หนูคิดตอนแรกแค่จะพัก เชื่อไหมหนูต้องบีบน้ำตาร้อไห้ขอค่าเทอมทุกเทอม พ่อว่าหนูใฝ่สูงเรียนมหาลัย แต่หนูอยากเรียนหนูดันทุรังจนได้ เกรดไม่ถึง2.00กู้ไม่ได้ กลับมาก็มาเจอพ่อตีพ่อด่าไม่ใครจะไปรบไหวจริงๆนะ เห้อออออ ไม่สาปแช่งให้ตายก็สาปว่าไมีมีทางเจริญหนูเรียนหาลัยยังโดนตีอยู่เลย ร้องไห้ไปหาเพื่ินก็บ่อย บางทีเพื่อนร้องตามอ่ะ มันถึงบอกชีวิตหนูเหมือนนิยายเลย
หนูมาอยู่กรุงเทพจะ2ปีล่ะดอปเรียนค่ะจนเพื่อนถามจะลาออกยัง ตลอดเวลาที่อยู่1ปีเต็มๆที่หลุดไม่พ้นจากความเคลียส หนูจำแต่ภาพที่พ่อทุบตีทั้งต่อหน้สคนในครอบครัวทั้งต่อหน้าคนอื่น หนูวนเวียนอยู่แต่ในคำพูดที่พูดด่าพ่อสาปแชปแล้วหมั่น โกรธพ่อ จริงๆหนูไม่อยากใช้คำว่าพ่อเลย จะพิมหรือพูดก็ไม่อยากเอ๋ย หนูคงเป็นคนที่บาปที่สุกในโลก แต่ตินนี้หลังมานี้หนูก็ใจเย็นปล่อยวางเรื่องนี้ได้มากขึ้น เพราะ........... น้องส่วคนกลางกลับมารอบติดลูกมาด้วย3คนเลยค่ะ เขาค่อยจะบอกหนูเสมอพ่อยังไงก็เป็นพ่อ ให้หนูปล่อยวาง เลิกถือทิฐิ มันยากนะแต่หนูก็พยายาม อีกอย่างพ่อก็ดีขึ้นมาใจเย็นขึ้น พูดรู้เรื่อง อาจเพร่ะหนูออกจากบ้านแล้ว น้องคนกลางก็ไปอยู่กับครอบครัวเขา. คนเล็กก็ดันไปแอบติดพันกับเเฟนพี่ญาติจนต้องออกจากบ้านไปเช่าห้องอยู่ที่อื่น หนูคิดว่านะถ้าพ่อรู้ว่าหนูยังเรียนไม่จบพ่อคงจะอาละวาดแน่นอน55555555 จริงนี้อยากบอกเขามากเลยที่หนูต้องเก็บตัวไม่ไปไหนวันวนเวียนอยู่กับความจำในอดีตที่ก้าวไปไหนไม่ได้เพราะกลัวจะเจอคนแบบเขา กลัวไปซะหมด หนูไม่โทษเขาทั้งหมดเพราะหนูอ่อนแอเองด้วยแหละ หนูก้าวข้าวมันไม่ได้สักที
.......... เรื่องเล่าในชีวิตหนูพอจะเเต่งเป็นนิยายชีวิตได้หรือเปล่าค่ะ............
***หนูเป็นทอมค่ะ แต่ที่บ้านไม่ให้เป็น ก็เลยเหมือนๆผู้หญิง ไปโดยปริยายค่าา55555