หน่วยพิเศษของสหรัฐฯ พบเอกสารของกลุ่มไอซิส ซึ่งเป็นประกาศอนุญาตให้มีการผ่าเอาอวัยวะภายในจากคนนอกศาสนา เพื่อมาช่วยชีวิตชาวมุสลิมได้...
สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า คณะกรรมการวิจัยและฟัตวา (การวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นทางศาสนา) ของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) ออกคำวินิจฉัยเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยอนุมัติเรื่องการเก็บเกี่ยวอวัยวะภายในของมนุษย์จากคนนอกศาสนา เพื่อประโยชน์ของชาวมุสลิม แม้เจ้าของอวัยวะจะต้องตายก็ตาม
เรื่องดังกล่าวถูกระบุอยู่ในประกาศฟัตวาหมายเลข 68 ซึ่ง เบรตต์ แมคเกิร์ค ทูตพิเศษสหรัฐฯ ประจำกลุ่มพันธมิตรต่อต้านไอซิส เผยว่า มันรวมอยู่ในเอกสารอื่นๆ ของกลุ่มไอซิส ที่เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ พบ ระหว่างการบุกโจมตี นายอาบู ไซยาฟ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินระดับสูงของกลุ่มไอซิส ในภาคตะวันออกของประเทศซีเรีย เมื่อเดือน พ.ค. โดยเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลขนาดกว่า 7 เทราไบต์ จากฮาร์ดไดรฟ์คอมพิวเตอร์ ธัมบ์ไดรฟ์ ซีดี ดีวีดี และเอกสารต่างๆ ของกลุ่มไอซิส
"ชีวิตและอวัยวะของคนนอกศาสนา ไม่จำเป็นต้องได้รับความเคารพ และสามารถยึดเอามาได้โดยไม่ถูกลงโทษ" ประกาศฟัตวา ที่ออกเมื่อ 31 ม.ค. ระบุ และเสริมว่า "ความคิดเรื่องการปลูกถ่ายอวัยวะที่แข็งแรงเข้าสู่ร่างกายของชาวมุสลิม เพื่อช่วยชีวิตของฝ่ายหลัง หรือเพื่อเปลี่ยนกับอวัยวะที่เสียหาย เป็นเรื่องที่อนุญาตให้ทำได้ และไม่มีการลงโทษกรณีเจ้าของอวัยวะเสียชีวิต"
ทั้งนี้ รอยเตอร์ส ระบุว่า ประกาศฟัตวาที่พวกเขาได้รับมาไม่ได้ระบุถึงคนนอกศาสนาด้วยคำว่า คาฟีร์ (Kafir) หรือผู้ไม่เชื่อในศาสนาอิสลาม แต่หมายถึงชนกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาของตัวเอง และอยู่ในพื้นที่ที่ถูกกลุ่มไอซิสยึดครอง
ที่ผ่านมาไอซิสเคยออกประกาศฟัตวามาแล้วหลายฉบับ โดยประกาศฉบับที่ 64 เมื่อ 29 ม.ค. ระบุกฎเกณฑ์สำหรับการข่มขืน โดยอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวิธี และเวลาที่นักรบของกลุ่มสามารถมีเพศสัมพันธ์กับเชลยผู้หญิงได้ ไอซิสยังมีฟัตวาที่อนุญาตให้นักรบกินเนื้อคน แต่ต้องเป็นกรณีคับขันจริงๆ เท่านั้น
อนึ่ง ในปัจจุบันมีการออกฟัตวาจากหลายสถาบัน และหน่วยงาน แต่สถาบันที่ทรงอิทธิพลทางความคิด และเป็นที่ยอมรับในโลกมุสลิมปัจจุบันมีไม่กี่แห่ง อย่างเช่น มุฟตี จากมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ประเทศอียิปต์ กระทรวงกิจการศาสนาอิสลามแห่งซาอุดีอาระเบีย และองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก (Muslim World League) แต่ในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มติดอาวุธในคราบของศาสนาเช่นกลุ่มไอซิส ก็มักใช้การฟัตวาเป็นเครื่องมือเพื่อขยายเครือข่ายแนวร่วม และสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงอย่างไร้ขอบเขต
ISIS นับวันยิ่งทำตัวน่ารังเกลียด
สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า คณะกรรมการวิจัยและฟัตวา (การวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นทางศาสนา) ของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) ออกคำวินิจฉัยเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยอนุมัติเรื่องการเก็บเกี่ยวอวัยวะภายในของมนุษย์จากคนนอกศาสนา เพื่อประโยชน์ของชาวมุสลิม แม้เจ้าของอวัยวะจะต้องตายก็ตาม
เรื่องดังกล่าวถูกระบุอยู่ในประกาศฟัตวาหมายเลข 68 ซึ่ง เบรตต์ แมคเกิร์ค ทูตพิเศษสหรัฐฯ ประจำกลุ่มพันธมิตรต่อต้านไอซิส เผยว่า มันรวมอยู่ในเอกสารอื่นๆ ของกลุ่มไอซิส ที่เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ พบ ระหว่างการบุกโจมตี นายอาบู ไซยาฟ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินระดับสูงของกลุ่มไอซิส ในภาคตะวันออกของประเทศซีเรีย เมื่อเดือน พ.ค. โดยเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลขนาดกว่า 7 เทราไบต์ จากฮาร์ดไดรฟ์คอมพิวเตอร์ ธัมบ์ไดรฟ์ ซีดี ดีวีดี และเอกสารต่างๆ ของกลุ่มไอซิส
"ชีวิตและอวัยวะของคนนอกศาสนา ไม่จำเป็นต้องได้รับความเคารพ และสามารถยึดเอามาได้โดยไม่ถูกลงโทษ" ประกาศฟัตวา ที่ออกเมื่อ 31 ม.ค. ระบุ และเสริมว่า "ความคิดเรื่องการปลูกถ่ายอวัยวะที่แข็งแรงเข้าสู่ร่างกายของชาวมุสลิม เพื่อช่วยชีวิตของฝ่ายหลัง หรือเพื่อเปลี่ยนกับอวัยวะที่เสียหาย เป็นเรื่องที่อนุญาตให้ทำได้ และไม่มีการลงโทษกรณีเจ้าของอวัยวะเสียชีวิต"
ทั้งนี้ รอยเตอร์ส ระบุว่า ประกาศฟัตวาที่พวกเขาได้รับมาไม่ได้ระบุถึงคนนอกศาสนาด้วยคำว่า คาฟีร์ (Kafir) หรือผู้ไม่เชื่อในศาสนาอิสลาม แต่หมายถึงชนกลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาของตัวเอง และอยู่ในพื้นที่ที่ถูกกลุ่มไอซิสยึดครอง
ที่ผ่านมาไอซิสเคยออกประกาศฟัตวามาแล้วหลายฉบับ โดยประกาศฉบับที่ 64 เมื่อ 29 ม.ค. ระบุกฎเกณฑ์สำหรับการข่มขืน โดยอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวิธี และเวลาที่นักรบของกลุ่มสามารถมีเพศสัมพันธ์กับเชลยผู้หญิงได้ ไอซิสยังมีฟัตวาที่อนุญาตให้นักรบกินเนื้อคน แต่ต้องเป็นกรณีคับขันจริงๆ เท่านั้น
อนึ่ง ในปัจจุบันมีการออกฟัตวาจากหลายสถาบัน และหน่วยงาน แต่สถาบันที่ทรงอิทธิพลทางความคิด และเป็นที่ยอมรับในโลกมุสลิมปัจจุบันมีไม่กี่แห่ง อย่างเช่น มุฟตี จากมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ประเทศอียิปต์ กระทรวงกิจการศาสนาอิสลามแห่งซาอุดีอาระเบีย และองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก (Muslim World League) แต่ในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มติดอาวุธในคราบของศาสนาเช่นกลุ่มไอซิส ก็มักใช้การฟัตวาเป็นเครื่องมือเพื่อขยายเครือข่ายแนวร่วม และสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงอย่างไร้ขอบเขต