China Sports Daily 8 ธันวาคม 2015
จบลงไปแล้วกับการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงเวิลด์คัพที่น่าประทับใจกลับสู่มาตุภูมิประเทศจีน ฉันและเพื่อนร่วมทีมก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้น
ในความภาคภูมิใจนี้ ฉันเป็นเพียงนักกีฬาอายุน้อยคนหนึ่งเท่านั้น จากปี 2013 ครั้งแรกที่ติดทีมชาติจีนชุดใหญ่ จนมาถึงปี 2015
ที่ร่วมต่อสู้ฟันฝ่ากับทุกคนจนคว้าแชมป์เวิลด์คัพมาครอง จากความฝันหนึ่งไปสู่อีกความฝันหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นผลักดันฉัน ให้ฉันได้ไล่ตามความฝัน พิชิตอุปสรรค เพื่อทะยานไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง
ฉันเกิดปี 1994 ในครอบครัวชาวชนบทธรรมดาครอบครัวหนึ่งในเมืองโจวโข่ว มณฑลเหอหนาน พ่อแม่ไม่ได้ผ่านการเล่นกีฬาอะไรมา
ปีที่ฉันจบมัธยมต้น ครูประจำชั้นจางซินอี้เห็นว่าฉันรูปร่างสูงกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ก็ให้เพื่อนที่เป็นครูพละโรงเรียนมัธยมปลายอำเภอตานเฉิงเป็นผู้แนะนำให้
ปิดเทอมหน้าร้อน ครูจางพาฉันไปที่โจวโข่ว ครูเซี่ยลู่ไห่ที่โจวโข่วก็ส่งฉันมาที่โรงเรียนกีฬาประจำมณฑล ทำให้ฉันกับกีฬาได้มีวาสนาต่อกัน ตอนเพิ่งเข้าโรงเรียนกีฬามณฑลใหม่ๆ ครูบางคนเห็นว่าแขนฉันยาว ก็แนะให้ฉันไปเรียนพายเรือ ครูบางคนก็แนะให้ฉันไปเล่นบาสเก็ตบอล ตอนนั้นฉันสูง 1.78 เมตร แต่หนักแค่ 49 กิโลกรัม ผอมมาก ก็มีครูคนหนึ่งพูดขึ้นว่า งั้นก็ไปเล่นกีฬาประเภทที่ไม่ต้องให้ร่างกายมาปะทะกันก็แล้วกัน ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงเลือกวอลเลย์บอล
เมื่อได้มาสัมผัสกับวอลเลย์บอล ฉันก็พูดไม่ได้เต็มปากหรอกว่าชอบ แม้ว่าเมื่อก่อนจะเคยดูการแข่งวอลเลย์บอลมาบ้าง แต่ก็ยังดูไม่ค่อยเป็น ตอนที่เริ่มต้นเรียนวอลเลย์บอลจริงจังฉันรู้สึกว่ามันน่าเบื่อมาก โค้ชสอนท่าพื้นฐานการเซ็ตบอล อันเดอร์บอลอะไรพวกนี้ เสร็จแล้วทุกๆวันฉันก็ไปฝึกตีกับกำแพง ฝึกทีก็เป็นเวลาครึ่งค่อนปี รู้สึกเซ็งมาก เห็นนักกีฬาที่โตกว่าฉันได้ลงเล่นแข่งขันตอนวันสุดสัปดาห์ ใจฉันอยากจะลงสนามมาก
จนต่อมาก็ค่อยๆฝึกเทคนิคแต่ละด้านจนเริ่มคล่องพอที่จะลงสนามเล่นได้แล้ว ฉันถึงได้รู้สึกถึงความสนุกของวอลเลย์บอล อยู่โรงเรียนกีฬามณฑลได้ 1 ปี ฉันก็ได้เข้าทีมกีฬาของมณฑล (น่าจะเป็นทีมเยาวชนของสโมสรเหอหนาน – จขกท) นี่คือ “ความฝันด้านกีฬา” ครั้งแรกของฉันหลังจากเข้ามาสู่วงการกีฬา
ปี 2009 เอเชี่ยนเกมส์กว่างโจว วอลเลย์บอลหญิงนัดชิงชนะเลิศ ทุกคนเชียร์ทีมวอลเลย์บอลหญิงจีนอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ โค้ชบอกกับฉันว่า นัดชิงฯทีมจีนกับทีมเกาหลีใต้เป็นสุดยอดการชิงชัยของวอลเลย์บอลหญิงเอเชีย การแข่งนัดนั้นสนุกเร้าใจมากจริงๆ ทั้งสองฝ่ายเล่นกันอย่างดุเดือดเข้มข้น ได้ดูการแข่งขันนัดนั้นแล้ว ฉันก็ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองเงียบๆในใจ ต้องมีสักวันที่ฉันได้ลงเล่นเกมการแข่งขันที่มีมาตรฐานสูง!
เมื่อได้ฝึกซ้อมกับทีมมณฑลไปได้ระยะหนึ่ง ปี 2010-2013 ฉันก็ได้ติดยุวชน เยาวชนทีมชาติตามลำดับ ตอนอยู่เยาวชนทีมชาติ โค้ชสวีเจี้ยนเต๋อคาดหวังกับฉันไว้สูง ช่วยเหลือฉันเป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะการที่เขาเป็นโค้ชให้กับวอลเลย์บอลหญิงเจ้อเจียงมาหลายปี จึงจะเน้นลงรายละเอียดในเรื่องของเบสิคพื้นฐานให้กับพวกเรา ถ้าในการฝึกซ้อมทำได้ไม่ถึงระดับที่ต้องการ โค้ชสวีก็จะทำโทษ ซ้อมเดี่ยว ตอนนั้นฉันเด็กมากยังไม่ค่อยจะรู้ความ ทำโทษก็ทำโทษ มาตอนนี้ให้กลับย้อนไปคิด โค้ชสวีอายุก็มากแต่ต้องมาคุมผู้เล่นตั้งหลายคน ต้องคอยพูดสอนย้ำหลายๆรอบอย่างไม่รู้เบื่อ ฉันรู้สึกขอบคุณเขามากจริงๆ
ต้นปี 2013 โค้ชหลางเรียกฉันเข้าติดทีมชาติ ตอนแรกฉันก็คิดแค่ว่ามีชื่อติดเข้าแคมป์ทีมชาติ ไม่ได้รู้สึกว่าตื่นเต้นอะไรมาก ตอนกลับจากการคว้าแชมป์เยาวชนโลก พอลงจากเครื่องบินก็มีนักข่าวถามฉันเรื่องการติดทีมชาติชุดใหญ่ ตอนนั้นฉันถึงรู้ว่าโค้ชหลางเรียกฉันติดทีมชาติ ตอนเข้าทีมชาติใหม่ๆ ฉันก็ยังรู้สึกไม่แน่ใจ เพราะว่าตอนนั้นฉันเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยสุดในทีม กลัวว่าการที่ตัวเองอายุน้อย ก็จะยังมีหลายอย่างที่ยังทำได้ไม่ดี เพื่อนร่วมทีมชาติก็ช่วยเหลือฉันดีมาก ออกไปเที่ยวก็พาฉันไปด้วย ทำให้ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นภายในทีม
ครั้งแรกที่เจอหน้าโค้ชหลาง ฉันรู้สึกกลัวอยู่หน่อย เพราะว่าโค้ชหลางดูภายนอกจะให้ความรู้สึกถึงบารมีความยิ่งใหญ่ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ได้รู้จักมากขึ้น ความรู้สึกที่มีกับโค้ชหลางก็เปลี่ยนไป ฉันพบว่า ในสนามกับนอกสนาม เธอเป็นคนที่แยกบทบาทตัวเองได้ชัดเจน แม้ว่าในสนามจะเข้มงวดมากแต่พออยู่นอกสนามเธอก็จะพูดคุยเล่นกับพวกเราอยู่เสมอ ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นเป็นกันเอง ฉันยังจดจำได้แม่นถึงคำพูดที่โค้ชหลางพูดกับพวกเราในห้องประชุมก่อนแข่ง คนหนุ่มสาวต้องมีความคึกคักฮึกเหิม เมื่ออยู่ในสนามต้องมีจิตวิญญาณแห่งความมุ่งมั่นทุ่มเท สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ
หลังจากได้รองแชมป์โลก ความฝันของฉันไม่ได้หยุดแค่เพียงได้เล่นแมทช์ที่สนุกเร้าใจมาตรฐานสูงอีกต่อไปแล้ว เพราะจากปี 2013-2014 ด้วยความมุ่งมั่นพยายามของฉันและเพื่อนร่วมทีมชาติ ทำให้ทีมมีพัฒนาการไปไม่น้อย พวกเราคิดแค่ว่ายังจะต้องพยายามต่อไปอีก ปี 2015 จะต้องพัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้น ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น
จนมาถึงการแข่งขันรายการเวิลด์คัพ ช่วงแรกฉันคิดแต่เพียงว่าทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ในแต่ละแมทช์ แต่เมื่อผ่านเข้าสู่รอบลึกๆ เป้าหมายการแย่งชิงตั๋วไปโอลิมปิกและการคว้าแชมป์เวิลด์คัพก็ค่อยๆปรากฏแจ่มชัดมากขึ้น มาถึงสนามนาโงย่า ยังเหลือการแข่งขันอีก 3 แมทช์สุดท้าย โค้ชหลางกระตุ้นให้กำลังใจพวกเรา ชูคำขวัญ พวกเรา “สู้ตาย นาโงย่า” และเมื่ออเมริกาแพ้ให้กับรัสเซีย ความหวังในการคว้าแชมป์ก็ยิ่งเขยิบเข้ามาใกล้
หลังจบแมทช์สุดท้ายกับทีมญี่ปุ่นได้ครองแชมป์เวิลด์คัพ ฉันกับเพื่อนร่วมทีมดีใจมาก กลับมาถึงโรงแรมไม่ได้นอนทั้งคืน สำหรับตัวฉันแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้เล่นคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่คิดถึงเรื่องการเป็นแชมป์เวิลด์คัพ แต่ฉันก็ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะมายืนบนแท่นแชมป์เวิลด์คัพได้รวดเร็วเช่นนี้ ความฝันของฉันเป็นจริงได้รวดเร็วเช่นนี้
แม้ว่าความสุขประทับใจนั้นเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ แต่เมื่อวางจิตใจให้สงบนิ่ง ฉันตระหนักได้ว่าผลงานนี้มันได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ฉันควรจะต้องมีความฝันอันใหม่ นั่นก็คือ โอลิมปิกที่ริโอปีหน้า วันเวลาแม้จะใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่ฉันรู้สึกว่าฉันและเพื่อนร่วมทีมยังมีช่องห่างที่จะต้องพัฒนาฝีมือให้สูงขึ้นอีก เราควรต้องเก็บความภาคภูมิใจตำแหน่งแชมป์วางเอาไว้อีกด้าน
เวลานับต่อจากนี้คือต้องทำการฝึกซ้อมในแต่ละคลาสให้สำเร็จลุล่วงตามแผนการที่โค้ชหลางได้วางกำหนดไว้ พัฒนาเรื่องของสภาพจิตใจให้สามารถเผชิญกับความกดดันได้ ฝึกด้านเทคนิคให้ช่ำชองมากยิ่งขึ้น มีแต่วิธีเช่นนี้ ฉันถึงจะสามารถ ทะยานไปข้างหน้า ไล่ตามความฝัน
จูถิง
จูถิง ความฝันของฉัน : ทะยานไปข้างหน้า ไล่ตามความฝัน
ในความภาคภูมิใจนี้ ฉันเป็นเพียงนักกีฬาอายุน้อยคนหนึ่งเท่านั้น จากปี 2013 ครั้งแรกที่ติดทีมชาติจีนชุดใหญ่ จนมาถึงปี 2015
ที่ร่วมต่อสู้ฟันฝ่ากับทุกคนจนคว้าแชมป์เวิลด์คัพมาครอง จากความฝันหนึ่งไปสู่อีกความฝันหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นผลักดันฉัน ให้ฉันได้ไล่ตามความฝัน พิชิตอุปสรรค เพื่อทะยานไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง
ปีที่ฉันจบมัธยมต้น ครูประจำชั้นจางซินอี้เห็นว่าฉันรูปร่างสูงกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ก็ให้เพื่อนที่เป็นครูพละโรงเรียนมัธยมปลายอำเภอตานเฉิงเป็นผู้แนะนำให้
จนต่อมาก็ค่อยๆฝึกเทคนิคแต่ละด้านจนเริ่มคล่องพอที่จะลงสนามเล่นได้แล้ว ฉันถึงได้รู้สึกถึงความสนุกของวอลเลย์บอล อยู่โรงเรียนกีฬามณฑลได้ 1 ปี ฉันก็ได้เข้าทีมกีฬาของมณฑล (น่าจะเป็นทีมเยาวชนของสโมสรเหอหนาน – จขกท) นี่คือ “ความฝันด้านกีฬา” ครั้งแรกของฉันหลังจากเข้ามาสู่วงการกีฬา
จนมาถึงการแข่งขันรายการเวิลด์คัพ ช่วงแรกฉันคิดแต่เพียงว่าทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ในแต่ละแมทช์ แต่เมื่อผ่านเข้าสู่รอบลึกๆ เป้าหมายการแย่งชิงตั๋วไปโอลิมปิกและการคว้าแชมป์เวิลด์คัพก็ค่อยๆปรากฏแจ่มชัดมากขึ้น มาถึงสนามนาโงย่า ยังเหลือการแข่งขันอีก 3 แมทช์สุดท้าย โค้ชหลางกระตุ้นให้กำลังใจพวกเรา ชูคำขวัญ พวกเรา “สู้ตาย นาโงย่า” และเมื่ออเมริกาแพ้ให้กับรัสเซีย ความหวังในการคว้าแชมป์ก็ยิ่งเขยิบเข้ามาใกล้
ฉันควรจะต้องมีความฝันอันใหม่ นั่นก็คือ โอลิมปิกที่ริโอปีหน้า วันเวลาแม้จะใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่ฉันรู้สึกว่าฉันและเพื่อนร่วมทีมยังมีช่องห่างที่จะต้องพัฒนาฝีมือให้สูงขึ้นอีก เราควรต้องเก็บความภาคภูมิใจตำแหน่งแชมป์วางเอาไว้อีกด้าน
เวลานับต่อจากนี้คือต้องทำการฝึกซ้อมในแต่ละคลาสให้สำเร็จลุล่วงตามแผนการที่โค้ชหลางได้วางกำหนดไว้ พัฒนาเรื่องของสภาพจิตใจให้สามารถเผชิญกับความกดดันได้ ฝึกด้านเทคนิคให้ช่ำชองมากยิ่งขึ้น มีแต่วิธีเช่นนี้ ฉันถึงจะสามารถ ทะยานไปข้างหน้า ไล่ตามความฝัน