[CR] " ม่อนจอง " This is a mon chong

" ม่ อ น จ อ ง "

" This is a mon chong "

" R u n a w a y "




เป็นเรื่องราวที่เก่าพอตัวเลยสำหรับการท่องเที่ยวครั้งนี้ เมื่อต้นปีนี้เองถือว่าเป็นทริปแรกเลยในชีวิตที่ได้ออกเดินทางไปในที่ที่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะไปถึง ผ่านการเดินทางจนถึงทุกวันนี้ก็ได้แต่นั่งขำว่ากุทำอะไรลงไปวะ อะไรมันดนใจให้ตูตัดสินใจไปม่อนจอง 55555 รู้แต่ว่าวันนั้นผมทุบหม้อข้าวตัวเองตีตั๋วไปเชียงใหม่ โดนไม่แผนอะไรในหัวรู้แต่ว่า " ตู จะ ไป ม่อน จอง " เว้นคำหน่อยเพื่อความฮิป ผมคิดยิ้มแค่นั้นแหละ และสำหรับหน้าหนาวนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า "ม่อนจองหนาวมาก" ยิ่งเมื่อตอนที่ผมไปนะหนาวแบบฆ่าตูเถอะ ส่วนใครที่สนใจไคร่อยากเหยียบยอดดอยหัวสิงค์นั้น ผมแนะนำเลยว่า "อย่าไป"  หลอกๆ 55555 ไปเถอะครับ ภูเขามันไม่หนีเราไปไหนหรอก มีแต่เราที่เดินหนี

ม่ะ !! เริ่มบทที่ 1 กันเลยดีกว่า

บทที่ 1 "คุณหลอกดาว"

คืนก่อนขึ้นดอยม่อนจอง พี่น็อตใช้เวลาศึกษาเส้นทางจากเวปไซต์ต่าง ประมาณ 6-5 เวป เพราะดอยม่อนจองต้องออกไปจากตัวเมืองร่วม 100 กว่าโล เราจึงจำเป็นต้องศึกษาเส้นทางตารางเวลารถเป็นอย่างแรก เราวางแพลนไว้จะต้องถึงมูเซอ ภายในเที่ยง และพี่น็อตเรื่องตรงต่อเวลาพี่แกซีเรียสมากกก
เราได้บทสรุปมาดังนี้ มีรถตู้ออกตอน 6.00 น. ที่ประตูช้างเผือก เดินทาง 4 ชม. ถึงมูเซอ เราออกจากที่พักเวลาตี 5 เดินชิลๆดูบรรยากาศเมืองเชียงใหม่ในยามเช้ามืดตอนเช้ามืดที่เงียบมากต่างกับเมื่อคืนที่ไม่ต่างอะไรกับแถวแครายบ้านกุเลย -*-
แต่พอเดินๆอยู่พี่น็อตก็หยุดเฉยเลยแล้วพูดว่า
"เจพี่ขอโทษวะ"
"ทำไมอะพี่"
"พี่พาเรามาผิดทาง"

เรามาโผล่ประตูท่าแพ Yes K !! คนละทิศเลยคะคุณขาาาา !!
พอดูนาฬิกา 05.30 น. เท่านั้นแหละอัตราความชิลตูแทบเป็น 0 จ้ำแล้วจ้ำอีก ไม่สนละบรรยากาศข้างๆจะเป็นไงบ้าง ถ้ามันมีคนยิงกันข้างก็ข้างๆ ตูก็ไม่รู้เรื่องอะนะจุดจุดนี้... และในที่สุด!! ก็ถึงประตูช้างเผือกกก น้ำหูน้ำตาแทบไหลตูมาถึงแล้ววว ในเวลา 05.55 น. แต่ความดีใจที่มีอยู่ท่วมท้นยิ้มถูกเบรคด้วยคำว่า "วินรถตู้มันอยู่ไหนวะ" กลับเข้าสู่สภาวะเดิม.. - -

เรา 2 คน เดินกันอยู่สักพักก็ได้ข้องสรุปว่า เฮ้ย!! มันไม่มีวี้แววถึงสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่ารถตู้สักคันเลยนี้หว่า พี่น็อตตัดสินใจเดินข้ามถนนด้วยใจห้าวหาญดั่งชายชาติทหารไปถามรถ 2 แถวที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน
"พี่ครับ ไม่ทราบว่า วินรถตู้ที่ไปอมก๋อยนี้อยู่ตรงไหนหรอครับ"
" โอ้ยน้อง รถมันหมดไปกะตอนตั้งแต่ตี 5 แล้วและรถมันก็ไม่ได้ขึ้นตรงนี้นะน้องต้องเดินไปอีก 1 กิโลนู้น "
ทรุดครับผมเห็นทหารทรุดลงต่อหน้าเลยครับ ... พี่ผมเหมือนถูกยิงด้วยประโยคบอกเล่า...

"สึด คุณหลอกดาว!! " #พี่น็อตกล่าว



บทที่ 2 "คำสัญญา"

ความรอบครอบของพี่น็อตถึงมันดูเยอะแต่ทำให้เรา(ตู) พ้นภัย พี่น็อตบอกผมว่า มันยังมีรถที่จะไปอยู่เพราะพี่แกออกมาวิ่งตอนเช้าและเจอพอดี
โดยเส้นทางของรถตู้นั้น จะตรงถึง มูเซอเลย โดยใช้เวลา 4 ชั่วโมง
ส่วนอีกเส้นทางนึงเราจะรถเมย์ตรงประตูช้างเผือกไปลงที่ฮอดและนั่งจากฮอดไปอมก๋อยและไปมูเซอต่อ รวมๆแล้ว ประมาณ 5 ชม.ได้
เราไม่รอให้ใครมาตัดลิปบริ้น เดินตรงไปหารถเมล์คันสีฟ้า ขึ้นไปนั่งรอมันพาเราไปลงที่ฮอด ระหว่างทาง วิวสวยครับ แต่หนาวมาก โคตรบิดาดาร์คเวอร์เดอร์หนาวหนาวชิปหาย และ พี่เขาขับรถเร็วมาก คือพี่จะรีบไปส่งรถหรอครับ -*-
ณ ฮอดเมื่อเวลามันกระชั้นชิดพอรู้สึกตัวอีกที ความหิวก็เข้ามาทำร้าย เราลงความเห็นกันว่าจะกินข้าวที่นี้และซื้ออาหารไว้กินบนม่อนจอง เพราะเราไม่รู้ว่าอมก๋อยมันเป็นยังไงเจริญแค่ไหน เราตรงไปที่วินรถ 2 แถว ถามเวลาออกกี่โมง
"อ๋อ มีรอบ 8 โมง กับ 10 โมงอะน้อง น้องจะไปรอบไหน"
shit ! อีก 15 นาที 8 โมง เอาวะผมบอกพี่น็อตว่าไปรอบ 10 โมงก็ได้



พี่น็อตส่วนเลย
"และเอ็งจะถึงม่อนจองกี่โมง เราต้องเดินทางไปอีก 2 ชม. และต้องเขามูเซออีกนะ"
เมื่อเหตุการณ์เริ่มแย่ของกินก็ไม่มี อมก๋อยเป็นไงก็ไม่รู้ สถานะการณ์อย่างตึงเครียดจนกระทั้ง
"เอางี้นะน้อง น้องรีบไปเลยเดี๋ยวพี่ไปรับหน้าเซเว่น"
โอเค!! ครับพี่ i love you so much!!
จ้ำซิครับรออะไร สัญญากันขนาดนี้ใจชื้นละ เราเดินเข้าไปในเซเว่นหาของกินที่จะไม่บูดง่ายๆ สรุปได้ มีขนมปัง ปลากระป๋อง 3 กระป๋อง หลังจากนี้ไปวัดดวงที่อมก๋อยเอา พี่น็อตตะโกนเรียกเพราะรถขับมาใกล้ถึงหน้าเซเว่นแล้ว ผมเดินถือของออกมาอย่ารีบ
"พี่ว่ารถมันขับเข้าเลนแปลกๆวะ" พี่น็อตพูดขึ้น
ผมสังเกตุเข้าไปในรถ สบสายตากับพี่คนขับหวังว่าจะทวงสัญญาที่ให้กันไว้ พี่คนขับตอบกลับด้วยการโบกมือบ๊ายบาย และยูเทิร์นรถกลับ
ผมสองคนยืนนิ่ง ราวกับเห็นหญิงที่รักจากไป...
อะไรของพี่วะเนี่ยย ! ไอ่การโบกมือนี้คืออะไร ! และสัญญาที่ให้กันไว้ละคุณขาาาา ถึงผมไม่ใช่ผญผมก็อ่อนไหวนะเพ่ T T ‪#‎Shit‬






บทที่ 3 " ระหว่างนั่งรถฉันหมดแรง "


เ๘ี้ย !! อุ้ยลั่น จำเป็นต้องรับความจริงละทีนี้ สายก็สายทางมันน่าจะชิลๆ (คิดในใจ)
ผมกับพี่น็อตเดินกลับไปที่วินรถ2แถวเพื่อจะหาข้าวกิน รถออกตั้ง 10 โมงนิ กินข้าวและมาเต้นบอลเล่ยังไงเวลาก็เหลือเฟือ ขณะที่เรากำลังเดินเลือกร้านข้าว
คุณพระ!! พี่รถ2แถวที่เพิ่งจะทิ้งเราไปขับรถกลับมารับ
" เอ้าไปไหนมาอะพี่ " พี่น็อตถาม
" อ๋อ พี่ไปรับคนในฮอด "
เอ้า!! แล้วพี่จะโบกมือบ๊ายบายทำอาแปะอะไรครับ แหม่ -*- ตะโกนบอกก็ได้เพ่
เหมือนสวรรค์มาโปรด เรารีบหอบสัมภาระลุลังขึ้นไปบนรถ ภายในรถประกอบด้วยคนจากมูเซอทั้งคัน มีทั้งวัยรุ่น คนแก่ วัยกลางคน ทุกคนจะแต่งตัวแพทเทิลคลายๆกันซึ้งมั่นใจว่าบ้านเดียวกันแน่นนอน และตู 2 คนเด่นมาก แต่สิ่งที่ผมโฟกัสจริงๆคือมันมีเด็กที่หลับอยู่ และผมเชื่อว่ามันต้องซนแน่ๆ เพราะตอนนั่งรถไฟผมทำศึกสงครามกับเด็กมารอบนึงแล้ว



ระยะทางจากฮอดไปอมก๋อยไกลมว๊ากก ด้วยความเมื่อยล้าผมหลับๆตื่นๆ ไป 2 รอบ ยังไม่มีวี้แววว่าจะถึง พวกเราเลยถามพี่คนที่นั่งตรงข้าม ว่าใกล้ถึงรึยังครับ  พี่เขาก็ยิ้มและตอบ
" อีก 40 กม. "
ตูนี้นั่งสุขุมเลยหลับๆมาตั้งนานนี้เพิ่งครึ่งทางเองหรอ ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าการนั่งเฉยๆอยู่บนรถจะดูดวิญญาณตูได้มากมายขนาดนี้ นั่งหลังตรงๆเบาะเอนไม่ได้เหยียดขาไม่ได้ หมดแร๊งหมดแรง ตูอยากเดิน ตูอยากออกไปวิ่งในโลกกว้าง อยากผจญภัย ตูอยากฟินนาเล่ !!
"เจ ! พี่ตัดสินใจแล้ววะ"
" ห๊ะ ห๊ะ เดี๋ยวพี่ "
" พี่จะไม่เอาคนอมก๋อยเป็นเมียพี่แน่นอน"
" ทำไมอะพี่ "
" คิดสภาพกุตอนมาหาพ่อตาแม่ยายดิ "
" ...... "
ผมเอามือเย็นๆไปแตะไหล่พี่น็อตเบา
" นี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่เราคิดเหมือนกันนะพี่ "
ตูได้คลานเข่าเข้าไปหาพ่อตาแม่ยายแน่ๆ ไม่ใช่เพราะกลัวนะ ตูอ่อนล้าาา ...



ชื่อสินค้า:   เที่ยวไทย จังหวัดเชียงใหม่ บันทึกการเดินทาง ภาพถ่าย ดอยม่อนจอง ภาคเหนือ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่