ความเสี่ยงของ มาตรการทางการเงินใดๆ ก็ คือ Free rider พวกขี่ฟรี หรือกินฟรี
เห็นคุณไพศาล เชียร์ มาตรการเซียนสะบัดมือ เราเองที่ไม่รู้ข้อมูล ทางการอาจจะมีตัวเลขแล้วคิดสระตะ โคบุระแล้วก็ได้
แต่ต้องระวังปัจจัยเหล่านี้ ในการเข้าไปส่งเสริม แค่ เพิ่มมุมมองคุณไพศาลให้ครบ
ลองมาคิดเลขกันเล่นๆ ซึ่งไม่มีข้อมูลพื้นฐานอะไรนะครับ ไม่มี สำนักงานสถิติรับรองอะไรครับ คิดหนุกๆ
ถ้าคนที่มีฐานจ่ายภาษีสัก 10 ล้านคน จากคนทำงาน 30 ล้าน ปีใหม่เฉลี่ย มีรายจ่ายสัก 5000 บาทต่อคน เพิ่มจากกินข้าวอะไรปกติในเดือนอื่นๆ
ก็เป็นเงิน 50,000 ล้าน พอมีโปรแกรมลดภาษีดีใจ ไปจ่ายเพิ่มอีก เอาว่าเท่าตัว เป็น 10000 บาทเลย ยอดเงินจับจ่ายกลายเป็น 100,000 ล้าน
ถ้าเอามาลดภาษีกันหมด ถ้าโดยเฉลี่ยฐานภาษีที่ 10% รัฐบาลจะสูญภาษีไป 10,000 ล้าน ไม่ใช่ 5000 ล้านนะครับ เพราะ 50,000 ล้านแรกที่จับจ่ายปกติตอนปีใหม่ทุกปีอยุ่แล้ว ก็เอามาลดด้วย
ฝั่งรายรับ รัฐจะได้ภาษีบริโภคเพิ่มจาก 50,000 หลังเท่านั้น ห้าหมื่นแรกนั่นไม่มีโครงการก็ได้อยู่แล้ว
VAT7% จะได้ 3,500 ล้าน เอาล่ะ ตามเซียนไพศาล คิดว่าเงินวนสามรอบ 10,500 ล้าน
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ผมไม่ตี เพราะรายจ่ายในเดือน ธค มันจะลดการขายในเดือน มค มั๊ยล่ะ คือโปรแกรมมันจะทำให้ผลประกอบการร้านค้าปีนี้ดีแต่ปีหน้ากำลังซื้อถูกเอามาใช้แล้วมันต้องแผ่ว เพราะแหล่งของเงินคือพนักงานเงินเดือน นอกจากคนที่เอาเงินฝากออกมาซื้อของ ซึ่งคงน้อย
ถ้าเป็นอย่างที่ว่า สระตะบุระ แล้ว ก็เสมอตัว อย่างที่บอกนะครับ คิดเลขกันเล่นๆ และจะชี้ว่าคุณไพศาลคิดง่ายไป ปัจจัยเสี่ยง คือ คนเอารายจ่ายซึ่งเมื่อปีที่แล้วไม่ได้ภาษีมาลดหย่อนด้วย ทั้งที่เราต้องการให้คนจ่ายเพิ่มเท่านั้นมาลดภาษี
***เพิ่มเติม
1.ทำไมใช้ สมมุติฐานภาษี 10% ผมคิดว่าพนังงานโรงงาน เงินเดือน 1.5-2 หมื่นบาท จะใช้เงินเพิ่มอีก 15000 บาท เพื่อให้ได้ส่วนลด 450 บาท น่าน้อยครับ และถ้ามี ก็คงเป็นพวกที่ว่า คือเค้าจ่ายอะไรที่ต้องจ่ายอยุ่แล้ว จริงชีวิตคนเงินเดือน เอาตัวเองเป็นหลัก โบนัส ออก อันแรก คือส่งรถ ส่งบ้าน เพื่อตัดดอก คนที่จะมาจับจ่ายเพิ่มได้น่าจะจ่ายภาษีสัก 10%
2.จำนำข้าว ถ้าประเมินแบบคุณไพศาล จะกำไรเลยครับ เพราะ ถ้าเงินลงไป แสนล้านเข้ากระเป๋าชาวนาโดยตรง แล้วให้หมุน สามรอบ เป้นสามแสนห้าเลยครับ ค่าบริหารจัดการ ให้ 50% เลย ก้คุ้มครับ
ทีจำนำข้าว ไม่ยักประเมินเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เอาแค่รายจ่าย ลบ รายรับ
Free rider : มาตรการลดภาษี จะได้ผลทางเศรษฐกิจ หรือ จิตวิทยา
เห็นคุณไพศาล เชียร์ มาตรการเซียนสะบัดมือ เราเองที่ไม่รู้ข้อมูล ทางการอาจจะมีตัวเลขแล้วคิดสระตะ โคบุระแล้วก็ได้
แต่ต้องระวังปัจจัยเหล่านี้ ในการเข้าไปส่งเสริม แค่ เพิ่มมุมมองคุณไพศาลให้ครบ
ลองมาคิดเลขกันเล่นๆ ซึ่งไม่มีข้อมูลพื้นฐานอะไรนะครับ ไม่มี สำนักงานสถิติรับรองอะไรครับ คิดหนุกๆ
ถ้าคนที่มีฐานจ่ายภาษีสัก 10 ล้านคน จากคนทำงาน 30 ล้าน ปีใหม่เฉลี่ย มีรายจ่ายสัก 5000 บาทต่อคน เพิ่มจากกินข้าวอะไรปกติในเดือนอื่นๆ
ก็เป็นเงิน 50,000 ล้าน พอมีโปรแกรมลดภาษีดีใจ ไปจ่ายเพิ่มอีก เอาว่าเท่าตัว เป็น 10000 บาทเลย ยอดเงินจับจ่ายกลายเป็น 100,000 ล้าน
ถ้าเอามาลดภาษีกันหมด ถ้าโดยเฉลี่ยฐานภาษีที่ 10% รัฐบาลจะสูญภาษีไป 10,000 ล้าน ไม่ใช่ 5000 ล้านนะครับ เพราะ 50,000 ล้านแรกที่จับจ่ายปกติตอนปีใหม่ทุกปีอยุ่แล้ว ก็เอามาลดด้วย
ฝั่งรายรับ รัฐจะได้ภาษีบริโภคเพิ่มจาก 50,000 หลังเท่านั้น ห้าหมื่นแรกนั่นไม่มีโครงการก็ได้อยู่แล้ว
VAT7% จะได้ 3,500 ล้าน เอาล่ะ ตามเซียนไพศาล คิดว่าเงินวนสามรอบ 10,500 ล้าน
ภาษีเงินได้นิติบุคคล ผมไม่ตี เพราะรายจ่ายในเดือน ธค มันจะลดการขายในเดือน มค มั๊ยล่ะ คือโปรแกรมมันจะทำให้ผลประกอบการร้านค้าปีนี้ดีแต่ปีหน้ากำลังซื้อถูกเอามาใช้แล้วมันต้องแผ่ว เพราะแหล่งของเงินคือพนักงานเงินเดือน นอกจากคนที่เอาเงินฝากออกมาซื้อของ ซึ่งคงน้อย
ถ้าเป็นอย่างที่ว่า สระตะบุระ แล้ว ก็เสมอตัว อย่างที่บอกนะครับ คิดเลขกันเล่นๆ และจะชี้ว่าคุณไพศาลคิดง่ายไป ปัจจัยเสี่ยง คือ คนเอารายจ่ายซึ่งเมื่อปีที่แล้วไม่ได้ภาษีมาลดหย่อนด้วย ทั้งที่เราต้องการให้คนจ่ายเพิ่มเท่านั้นมาลดภาษี
***เพิ่มเติม
1.ทำไมใช้ สมมุติฐานภาษี 10% ผมคิดว่าพนังงานโรงงาน เงินเดือน 1.5-2 หมื่นบาท จะใช้เงินเพิ่มอีก 15000 บาท เพื่อให้ได้ส่วนลด 450 บาท น่าน้อยครับ และถ้ามี ก็คงเป็นพวกที่ว่า คือเค้าจ่ายอะไรที่ต้องจ่ายอยุ่แล้ว จริงชีวิตคนเงินเดือน เอาตัวเองเป็นหลัก โบนัส ออก อันแรก คือส่งรถ ส่งบ้าน เพื่อตัดดอก คนที่จะมาจับจ่ายเพิ่มได้น่าจะจ่ายภาษีสัก 10%
2.จำนำข้าว ถ้าประเมินแบบคุณไพศาล จะกำไรเลยครับ เพราะ ถ้าเงินลงไป แสนล้านเข้ากระเป๋าชาวนาโดยตรง แล้วให้หมุน สามรอบ เป้นสามแสนห้าเลยครับ ค่าบริหารจัดการ ให้ 50% เลย ก้คุ้มครับ
ทีจำนำข้าว ไม่ยักประเมินเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เอาแค่รายจ่าย ลบ รายรับ