โดย สาธิต บวรสันติสุทธิ์
เห็นตลาดหุ้นตกลงมาแรงๆ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มสื่อสารที่เคยเป็นหุ้นบลูชิพ ใครที่ซื้อเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคมคิดว่าได้หุ้นถูกแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าเปิดสัปดาห์หุ้นกลุ่มนี้ไม่ว่าจะเป็น Advanc, Dtac, ฯลฯ จะตกต่อมากขนาดนี้ หลายๆคนรีบเข้าไปซื้อตั้งแต่ตลาดเปิดเลยก็มี ปรากฏว่าที่คิดว่าถูกกลับเจอถูกกว่า บางคนก็รีบไปซื้อ RMF, LTF เพราะเห็นว่าถูกมาแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าวันอังคารจะถูกกว่าหรือไม่
เจอภาวะตลาดอย่างนี้ ก็ให้นึกถึงหนังสือ Methods of Wall Street ของ Sperandeo ที่ได้วางกรอบแนวคิดในหลักการลงทุนเป็นเชิงกลยุทธ์ สร้างเป็นกฎในการเล่นหุ้นไว้ 19 ข้อ ซึ่งกฎดังกล่าวได้จัดทำเพื่อนักลงทุนรายย่อยหรือนักเล่นหุ้นระยะสั้น ดังนี้
กฎข้อที่ 1 ลงทุนอย่างมีแผนและปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด
กฎข้อที่ 2 ลงทุนตามแนวโน้มตลาด
กฎข้อที่ 3 ใช้วิธีการขายตัดขาดทุนเมื่อจำเป็นทุกครั้ง
กฎข้อที่ 4 เมื่อไม่มั่นใจตลาดก็ควรอยู่นอกตลาด
กฎข้อที่ 5 รอจังหวะอย่างอดทน อย่างลงทุนมากเกินตัว
กฎข้อที่ 6 ขายทำกําไรช้าแต่ให้ขายตัดขาดทุนเร็ว
กฎข้อที่ 7 อย่าปล่อยให้กําไรกลายเป็นขาดทุน
กฎข้อที่ 8 ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวและขายเมื่อราคาปรับสูงขึ้น
กฎข้อที่ 9 เป็นนักลงทุนช่วงต้นตลาด Bull และเป็นนักเก็งกําไรในช่วงท้ายตลาด Bull
กฎข้อที่ 10 อย่าใช้วิธีการซื้อเฉลี่ยขาลง
กฎข้อที่ 11 อย่าซื้อเพราะเห็นว่าราคาหุ้นถูก และอย่าขายเพราะเห็นราคาสูง
กฎข้อที่ 12 ซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องเท่านั้น
กฎข้อที่ 13 อย่าตัดสินใจด้วยข้อมูลในตลาดหุ้นที่มีการซื้อขายผันผวนสูง
กฎข้อที่ 14 ต้องวิเคราะห์ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเสมอ
กฎข้อที่ 15 ซื้อหรือขายหุ้นบนพื้นฐานการตัดสินใจของตนเองเท่านั้น
กฎข้อที่ 16 ต้องอย่าเชื่อข่าวลือ
กฎข้อที่ 17 ตรวจสอบราคาหุ้นให้ชัดเจน
กฎข้อที่ 18 จดจำคำสั่งซื้อขายทุกครั้ง
กฎข้อที่ 19 รู้และปฏิบัติตามกฎ </p>
ข้อที่โดนใจภาวะตลาดตอนนี้มากที่สุดเลย ก็คือ ข้อ 10 และ ข้อ 11 เหมือน Sperandeo กำลังเตือนเราโดยตรง เพราะพวกเราหลายคนคงโดดเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสารกันมากตอนนี้เพียงเพราะเห็นราคาตกลงมาจากที่เคยเป็นเยอะมากแล้ว โดยที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้ลึกซึ้งว่า ที่หุ้นถูกเป็นเพราะปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ตรงจุดนี้ ก็เหมือนกัน ผมเคยถามหลายๆคนว่า ถ้ามีเงิน 100000 บาท ระหว่างกองทุน 2 กองที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกัน กองทุนแรก NAV อยู่ที่ 10 บาท กองทุนที่สอง NAV อยู่ที่ 30 บาท จะซื้อกองทุนไหน ผลที่ได้คือส่วนใหญ่จะเลือกกองทุนแรกที่ NAV อยู่ที่ 10 บาท ซึ่งเป็นพฤติกรรมตามกฎข้อที่ 11 ของ Sperandeo จริงๆแล้ว สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุดสำหรับการลงทุน คือ ผลตอบแทนของการลงทุน กองทุนที่ NAV ถูกกว่าไม่จำเป็นว่าต้องเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า ตัวอย่างที่จะเปรียบเทียบให้เห็นได้ง่ายๆ ก็คือ หากทั้ง 2 กองทุนตั้งพร้อมกัน แสดงว่ากองทุนที่ NAV 30 บาทมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่า เงินของเราก็ย่อมเติบโตมากกว่าด้วยเช่นกัน ไม่สนใจว่าเราซื้อกองทุนที่ NAV เท่าไหร่ก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนคือ การมองไปในอนาคต และผลตอบแทนในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันผลตอบแทนในอนาคต ดังนั้นก่อนการลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสิ่งที่จะลงทุนให้ดี
สุดท้ายนี้ ขอยกถ้อยคำที่ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ที่แนะนำนักลงทุนว่า “วอลล์สตรีททำเงินจากการเคลื่อนไหว แต่คุณจะทำเงินได้ด้วยการไม่เคลื่อนไหว” เขาเปรียบเปรยการลงทุนกับกีฬาเบสบอลว่า การอยู่ในตลาดหุ้นนั้น คุณไม่จำเป็นที่จะต้องตีบอลทุกลูกที่ขว้างมา คุณสามารถที่จะยืนเฉยๆ เพื่อรอเวลา จนกว่าบอลจะถูกขว้างมาเข้าทางของคุณ นั่นแหละคุณจึงค่อยหวดมันให้เต็มแรง
Cr: posttoday
กลยุทธ์ลับ "Methods of Wall Street ของ Sperandeo"
เห็นตลาดหุ้นตกลงมาแรงๆ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มสื่อสารที่เคยเป็นหุ้นบลูชิพ ใครที่ซื้อเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคมคิดว่าได้หุ้นถูกแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าเปิดสัปดาห์หุ้นกลุ่มนี้ไม่ว่าจะเป็น Advanc, Dtac, ฯลฯ จะตกต่อมากขนาดนี้ หลายๆคนรีบเข้าไปซื้อตั้งแต่ตลาดเปิดเลยก็มี ปรากฏว่าที่คิดว่าถูกกลับเจอถูกกว่า บางคนก็รีบไปซื้อ RMF, LTF เพราะเห็นว่าถูกมาแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าวันอังคารจะถูกกว่าหรือไม่
เจอภาวะตลาดอย่างนี้ ก็ให้นึกถึงหนังสือ Methods of Wall Street ของ Sperandeo ที่ได้วางกรอบแนวคิดในหลักการลงทุนเป็นเชิงกลยุทธ์ สร้างเป็นกฎในการเล่นหุ้นไว้ 19 ข้อ ซึ่งกฎดังกล่าวได้จัดทำเพื่อนักลงทุนรายย่อยหรือนักเล่นหุ้นระยะสั้น ดังนี้
กฎข้อที่ 1 ลงทุนอย่างมีแผนและปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด
กฎข้อที่ 2 ลงทุนตามแนวโน้มตลาด
กฎข้อที่ 3 ใช้วิธีการขายตัดขาดทุนเมื่อจำเป็นทุกครั้ง
กฎข้อที่ 4 เมื่อไม่มั่นใจตลาดก็ควรอยู่นอกตลาด
กฎข้อที่ 5 รอจังหวะอย่างอดทน อย่างลงทุนมากเกินตัว
กฎข้อที่ 6 ขายทำกําไรช้าแต่ให้ขายตัดขาดทุนเร็ว
กฎข้อที่ 7 อย่าปล่อยให้กําไรกลายเป็นขาดทุน
กฎข้อที่ 8 ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวและขายเมื่อราคาปรับสูงขึ้น
กฎข้อที่ 9 เป็นนักลงทุนช่วงต้นตลาด Bull และเป็นนักเก็งกําไรในช่วงท้ายตลาด Bull
กฎข้อที่ 10 อย่าใช้วิธีการซื้อเฉลี่ยขาลง
กฎข้อที่ 11 อย่าซื้อเพราะเห็นว่าราคาหุ้นถูก และอย่าขายเพราะเห็นราคาสูง
กฎข้อที่ 12 ซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องเท่านั้น
กฎข้อที่ 13 อย่าตัดสินใจด้วยข้อมูลในตลาดหุ้นที่มีการซื้อขายผันผวนสูง
กฎข้อที่ 14 ต้องวิเคราะห์ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเสมอ
กฎข้อที่ 15 ซื้อหรือขายหุ้นบนพื้นฐานการตัดสินใจของตนเองเท่านั้น
กฎข้อที่ 16 ต้องอย่าเชื่อข่าวลือ
กฎข้อที่ 17 ตรวจสอบราคาหุ้นให้ชัดเจน
กฎข้อที่ 18 จดจำคำสั่งซื้อขายทุกครั้ง
กฎข้อที่ 19 รู้และปฏิบัติตามกฎ </p>
ข้อที่โดนใจภาวะตลาดตอนนี้มากที่สุดเลย ก็คือ ข้อ 10 และ ข้อ 11 เหมือน Sperandeo กำลังเตือนเราโดยตรง เพราะพวกเราหลายคนคงโดดเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสารกันมากตอนนี้เพียงเพราะเห็นราคาตกลงมาจากที่เคยเป็นเยอะมากแล้ว โดยที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้ลึกซึ้งว่า ที่หุ้นถูกเป็นเพราะปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ตรงจุดนี้ ก็เหมือนกัน ผมเคยถามหลายๆคนว่า ถ้ามีเงิน 100000 บาท ระหว่างกองทุน 2 กองที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกัน กองทุนแรก NAV อยู่ที่ 10 บาท กองทุนที่สอง NAV อยู่ที่ 30 บาท จะซื้อกองทุนไหน ผลที่ได้คือส่วนใหญ่จะเลือกกองทุนแรกที่ NAV อยู่ที่ 10 บาท ซึ่งเป็นพฤติกรรมตามกฎข้อที่ 11 ของ Sperandeo จริงๆแล้ว สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญมากที่สุดสำหรับการลงทุน คือ ผลตอบแทนของการลงทุน กองทุนที่ NAV ถูกกว่าไม่จำเป็นว่าต้องเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า ตัวอย่างที่จะเปรียบเทียบให้เห็นได้ง่ายๆ ก็คือ หากทั้ง 2 กองทุนตั้งพร้อมกัน แสดงว่ากองทุนที่ NAV 30 บาทมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่า เงินของเราก็ย่อมเติบโตมากกว่าด้วยเช่นกัน ไม่สนใจว่าเราซื้อกองทุนที่ NAV เท่าไหร่ก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนคือ การมองไปในอนาคต และผลตอบแทนในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันผลตอบแทนในอนาคต ดังนั้นก่อนการลงทุนควรศึกษาข้อมูลของสิ่งที่จะลงทุนให้ดี
สุดท้ายนี้ ขอยกถ้อยคำที่ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ที่แนะนำนักลงทุนว่า “วอลล์สตรีททำเงินจากการเคลื่อนไหว แต่คุณจะทำเงินได้ด้วยการไม่เคลื่อนไหว” เขาเปรียบเปรยการลงทุนกับกีฬาเบสบอลว่า การอยู่ในตลาดหุ้นนั้น คุณไม่จำเป็นที่จะต้องตีบอลทุกลูกที่ขว้างมา คุณสามารถที่จะยืนเฉยๆ เพื่อรอเวลา จนกว่าบอลจะถูกขว้างมาเข้าทางของคุณ นั่นแหละคุณจึงค่อยหวดมันให้เต็มแรง
Cr: posttoday