สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องมาบอกเพื่อนๆให้ระวังตัวเกี่ยวกับการใช้งาน ThaiTicketMajor ครับ ด้วยความหละหลวมของกระบวนการตรวจสอบ ทำให้เสี่ยงข้อมูลบัตรเครดิตถูกเปิดเผยเป็นอย่างมาก หรือพูดง่ายๆก็คือ เสี่ยงโดนแฮ๊ก (hack) นั่นเอง
เรื่องของเรื่องคือผมไปสมัครวิ่งรายการ Star Wars Run Thailand มาครับ ค่าสมัครค่อนข้างแพงเลย ราคา 900 บาท แต่เห็นว่าจะได้ของแจกที่เป็น Star Wars ด้วย ก็เลยกัดฟันสมัครไปครับ วิธีการสมัครก็เหมือนกับการสมัครวิ่งทั่วๆไป เลือก size เสื้อ แล้วก็กดชำระเงิน เนื่องจากผมสะดวกในการชำระด้วยบัตรเครดิตมากกว่าวิธีอื่นๆ ก็เลยชำระด้วยวิธีนี้ ตอนกดจ่ายเงินก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติใดๆทั้งสิ้น
มาถึงวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2558 ผมได้รับเมล์จาก ThaiTicketMajor ให้มารับบัตรที่บูธ ที่สยามพารากอน ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งเพื่อนผมถามว่าไปรับให้ไหม ผมก็เลยดูรายละเอียดก่อนว่าต้องให้หลักฐานอะไรบ้าง จาก e-mail ที่ผมได้รับมาตามภาพนี้นะครับ
สังเกตที่ผมตีกรอบแดงๆไว้เลยนะครับ
"4. สำเนาบัตรเครดิต ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมเซ็นต์สำเนา ให้ลายเซ็นต์ตรงตามด้านหลังบัตรเครดิต"
หมายความว่าต้องให้ผมไว้ใจพนักงาน ThaiTicketMajor ในการเก็บสำเนาบัตรเครดิตนี้ไว้หรอครับ?
ผมก็ยังไม่เอาสำเนาให้เพื่อนผมไปดำเนินการแทน เพราะไม่เชื่อว่าต้องใช้สำเนาบัตรเครดิตเป็นหลักฐานจริงๆ ไม่เคยมีที่ไหนใช้สำเนานี้เป็นหลักฐาน ก็เลยนึกว่าคงจะผิดพลาดกันได้แหละ ก็เลยให้เพื่อนไปถามให้หน่อยว่ายังไง สรุปว่า ยังยืนยันให้ใช้สำเนาบัตรเครดิต ปิดเลข 3 หลัก (CCV) เอาไว้ ตามหลักการแล้วผมจะไม่ถูกนำข้อมูลบัตรเครดิตไปใช้ซื้อของได้แน่ๆ เพราะไม่มีเลข CCV จะไม่สามารถดำเนินการซื้อของใดๆได้ แต่ด้วยข้อมูลที่เค้ามี ก็สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างเช่นกัน เดี๋ยวผมจะอธิบายในตอนท้ายนะครับ
ผมเลยตัดสินใจว่า ไปรับบัตรเองก็ได้ อย่างน้อยที่สุดเค้าก็จะได้ตรวจเช็คเลขบัตรเครดิตกับระบบให้เลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องเก็บตัวสำเนาบัตรเครดิตไว้ยืนยัน เมื่อผมเดินทางไปถึงสยามพารากอน ก็ไปรับบัตรกับ ThaiTicketMajor ขั้นตอนง่ายมากเลยคือบอกหมายเลขการสั่งซื้อกับพนักงาน แล้วก็ยื่นบัตรประชาชน และ..."บัตรเครดิต" ให้กับพนักงานไปเพื่อตรวจสอบ โอเค ผมก็ยื่นไป และพยายามดูว่าพนักงานจะทำอะไรกับบัตรเครดิต ผมเห็นพนักงานจดอะไรยิกๆอยู่ที่โต๊ะของเค้า ผมก็เลยถามไป
ผม: นั่นจดอะไรหรอครับ
พนักงาน: หมายเลขบัตรเครดิตค่ะ
ผม: จดหมายเลขบัตรเครดิตเลยหรอครับ
พนักงาน: ค่ะ เพื่อใช้ในการยืนยันการสั่งซื้อ
ผม: ไม่ใช่ว่าดูจากระบบว่าหมายเลขบัตรเครดิตอะไร แล้วเอาบัตรมาเทียบกันว่าตรงกันรึเปล่าก็เพียงพอหรอครับ
พนักงาน: ทางเราไม่มีระบบแบบนี้ค่ะ ต้องส่งไปให้ส่วนกลางตรวจสอบ
(ส่วนนี้ผมจำไม่ได้ว่า ไม่มีระบบแบบนี้ หรือระบบมันมีปัญหานะครับ)
ผม: อา... ครับ
(พนักงานไม่ได้ยิ้มแย้ม หรืออัธยาศัยดีอะไรนะครับ แต่ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อ)
แล้วพนักงานก็ยื่นเอกสารให้ผมเซ็นประมาณว่าได้รับบัตรเพื่อไปแลกเสื้อ Star Wars เรียบร้อยแล้วนะ ทันทีที่ผมเอกสารนั่นผมก็อึ้ง!! สิครับ เพราะเป็นรายการชื่อ + บัตรเครดิต + ลายเซ็นของคนที่มารับบัตรแบผมทั้งนั้นเลย นั่นหมายความว่า ทุกคนถูกจดหมายเลขบัตรเครดิตเหมือนกันหมด แล้วถ้าผมประสงค์ไม่ดี (แต่ความจำดี) สามารถจดจำหมายเลขบัตรเครดิต พร้อมชื่อ ของทุกคนได้ หรือแอบถ่ายรูปไปได้ ผมก็ได้ข้อมูลมาง่ายๆเลย ผมก็ไม่หือไม่อือ เซ็นไป (ก็อยากได้ของนี่ครับ) และรับบัตรมา เพื่อนำไปแลกของที่ชั้น 2 โดยไม่ได้พูดอะไรกับพนักงานต่อ
คำถามที่ผมอยากถามเลยก็คือ
1. ใน e-mail ที่ผมได้รับหมายเลขการสั่งซื้อ บ่งบอกชัดเจนว่าผมจ่ายเงินไปเท่าไหร่ และชัดเจนเลยว่าผมได้ทำการสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว ทำไมถึงต้องยืนยันด้วยหมายเลขบัตรเครดิตอีก
2. ในเมื่อระบบไม่สามารถตรวจสอบได้เดี๋ยวนั้นว่าหมายเลขบัตรเครดิตนี้ทำการสั่งซื้อจริงหรือไม่ แต่พนักงานกลับให้บัตรผมมา เสมือนว่าได้ตรวจสอบแล้ว คำถามคือ แล้วจะจดหมายเลขบัตรเครดิตของผมไปทำไมครับ เกิดมันไม่ตรงจริงๆ คุณจะเอาบัตรที่ผมรับไปแล้วคืนมาได้ยังไง ดูไม่สมเหตุสมผลนะครับ
3. ผมไม่เคยเห็นการสั่งซื้อของที่ไหนเลยมีการจดหมายเลขบัตรเครดิตเลยครับ ผมสมัครวิ่งเป็น 10 รายการ ก็ไม่เคยต้องถ่ายเอกสาร หรือยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานดูเพื่อยืนยันเลย มากสุดก็เป็นบัตรประชาชนครับ (หรือมันคือวิธีใหม่ แล้วผมไม่ทราบ)
4. คงจะอ้างว่าพนักงานเฉพาะสาขานี้ทำแบบนี้โดยที่บริษัทไม่มีนโยบายในการเก็บหมายเลขบัตรเครดิตไม่ได้นะครับ เพราะนี่มาเป็นเอกสารเลย และทุกคนได้รับ e-mail ระบุชัดเจนว่าต้องนำบัตรเครดิตมายืนยันด้วย ผมว่ามันเอิกเกริกเกินกว่าจะเป็นพนักงานเฉพาะสาขาตัดสินใจกันเองนะครับ มันเป็นระบบอัตโนมัติที่ส่ง e-mail ออกมาจากส่วนกลางชัดๆ
สุดท้ายนี้ผมจะชี้ช่องให้เลยว่า ข้อมูลบัตรเครดิตที่ ThaiTicketMajor ได้ไปสามารถทำอะไรได้บ้าง
1. ถ้ากรอกเลข CCV 3 หลักผิดบ่อยๆ (คาดว่า 3 ครั้ง) ธนาคารจะโทรมายังเจ้าของบัตรและถามว่ามีการกรอกผิดซ้ำๆกันอยู่รึไม่ เพราะการใช้งานมีพิรุธ ทำให้บัตรอาจถูกอายัดได้ แต่นั่นคือ เลข CCV 3 หลัก คือ 1,000 เลขที่ไม่ซ้ำกัน 000-999 คุณสามารถเดาเลขได้ 3 ครั้ง มีโอกาสถูก 3 ใน 1 พัน = 0.3% นี่คือสำหรับบัตร 1 ใบ นะครับ ยังสามารถทดลองแบบนี้ได้กับบัตรอีกหลายๆใบเลยครับ เพราะคุณจดหมายเลขบัตรเครดิตของทุกคนเอาไว้
2. ในเมื่อไม่มีเลข CCV ก็ไม่สามารถใช้ซื้อของได้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย... ก็ใช่ครับ หากไม่ได้ลองเหมือนข้อ 1 แต่ผู้ไม่ประสงค์ดี แน่นอนครับ ไม่ประสงค์ดีแน่ๆ แกล้งกรอกเลข CCV ผิดๆกับเว็บอะไรก็ได้ ซ้ำๆๆๆ ธนาคารก็จะอายัดบัตรให้เองโดยอัตโนมัติ ถือเป็นการกลั่นแกล้งคนเป็นพันๆคนได้ง่ายๆเลยครับ (ก็บอกแล้วเนอะว่าเป็นผู้ไม่ประสงค์ดี คงไม่ต้องถามว่าแล้วจะไปแกล้งเค้าทำไม)
3. กรณีนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นไปได้รึไม่นะครับ พูดเผื่อๆ แกล้งทำเป็นโทรหาธนาคารเจ้าของบัตร บอกว่าลืมเลข CCV ธนาคารก็จะถามข้อมูลส่วนตัวต่างๆนาๆ ไม่พ้น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัตรเครดิตบางส่วน แน่นอนเลยว่า คุณมีข้อมูลพวกนี้ครบพอที่จะตอบคำถามของธนาคารได้เลย อาจจะถูกถามว่า มีบัญชีเปิดกับธนาคารนี้กี่บัญชี อันนี้ตอบมั่วๆก็ได้ ถ้าผิดก็แค่ไปลองแบบนี้กับบัตรใบใหม่ก็ได้ครับ มีเยอะนี่นา
* กรณีข้อ 3 ผมบอกเลยนะครับว่าน่าจะเป็นไปได้ แต่จะทำได้จริงหรือไม่ น่าจะอยู่ที่ policy ของธนาคารเองนะครับ ข้อนี้ไม่ยืนยันจริงๆ
เพียงพอรึเปล่าครับว่าทำไมผมถึงต้องมาเตือนทุกๆคน ถามว่า แล้วจะทำอย่างไรดี จ่ายเงินไปแล้ว ไม่อยากให้เลขบัตรเครดิต อันนี้คงต้องทำใจละมั้งครับ ถ้านี่เป็นกฎของทาง ThaiTicketMajor ยอมๆไปเถอะ (ผมก็ยอม Y_Y) แล้วถ้าถามว่าในอนาคตจะทำอย่างไรดีถ้ารายการนั้นๆใช้บริการ ThaiTicketMajor อีก ก็บอกเลยว่าให้จ่ายเงินด้วยวิธีอื่นซะ อย่าไปใช้บัตรเครดิตในการจ่ายเงินครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แม้จะพูดถึงขนาดนี้ แต่ผมก็ยอมแลกบัตรมาอยู่ดี -.-' ก็อยากได้นี่นะ
ผมอาจจะกังวลเกินไปก็ได้ครับ ไม่รู้เพื่อนๆคิดเห็นว่ายังไงครับ
รับตั๋วกับ ThaiTicketMajor เสี่ยงโดนแฮ๊กบัตรเครดิต
เรื่องของเรื่องคือผมไปสมัครวิ่งรายการ Star Wars Run Thailand มาครับ ค่าสมัครค่อนข้างแพงเลย ราคา 900 บาท แต่เห็นว่าจะได้ของแจกที่เป็น Star Wars ด้วย ก็เลยกัดฟันสมัครไปครับ วิธีการสมัครก็เหมือนกับการสมัครวิ่งทั่วๆไป เลือก size เสื้อ แล้วก็กดชำระเงิน เนื่องจากผมสะดวกในการชำระด้วยบัตรเครดิตมากกว่าวิธีอื่นๆ ก็เลยชำระด้วยวิธีนี้ ตอนกดจ่ายเงินก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติใดๆทั้งสิ้น
มาถึงวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2558 ผมได้รับเมล์จาก ThaiTicketMajor ให้มารับบัตรที่บูธ ที่สยามพารากอน ตอนแรกก็ไม่ได้เอะใจอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งเพื่อนผมถามว่าไปรับให้ไหม ผมก็เลยดูรายละเอียดก่อนว่าต้องให้หลักฐานอะไรบ้าง จาก e-mail ที่ผมได้รับมาตามภาพนี้นะครับ
สังเกตที่ผมตีกรอบแดงๆไว้เลยนะครับ
"4. สำเนาบัตรเครดิต ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมเซ็นต์สำเนา ให้ลายเซ็นต์ตรงตามด้านหลังบัตรเครดิต"
หมายความว่าต้องให้ผมไว้ใจพนักงาน ThaiTicketMajor ในการเก็บสำเนาบัตรเครดิตนี้ไว้หรอครับ?
ผมก็ยังไม่เอาสำเนาให้เพื่อนผมไปดำเนินการแทน เพราะไม่เชื่อว่าต้องใช้สำเนาบัตรเครดิตเป็นหลักฐานจริงๆ ไม่เคยมีที่ไหนใช้สำเนานี้เป็นหลักฐาน ก็เลยนึกว่าคงจะผิดพลาดกันได้แหละ ก็เลยให้เพื่อนไปถามให้หน่อยว่ายังไง สรุปว่า ยังยืนยันให้ใช้สำเนาบัตรเครดิต ปิดเลข 3 หลัก (CCV) เอาไว้ ตามหลักการแล้วผมจะไม่ถูกนำข้อมูลบัตรเครดิตไปใช้ซื้อของได้แน่ๆ เพราะไม่มีเลข CCV จะไม่สามารถดำเนินการซื้อของใดๆได้ แต่ด้วยข้อมูลที่เค้ามี ก็สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างเช่นกัน เดี๋ยวผมจะอธิบายในตอนท้ายนะครับ
ผมเลยตัดสินใจว่า ไปรับบัตรเองก็ได้ อย่างน้อยที่สุดเค้าก็จะได้ตรวจเช็คเลขบัตรเครดิตกับระบบให้เลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องเก็บตัวสำเนาบัตรเครดิตไว้ยืนยัน เมื่อผมเดินทางไปถึงสยามพารากอน ก็ไปรับบัตรกับ ThaiTicketMajor ขั้นตอนง่ายมากเลยคือบอกหมายเลขการสั่งซื้อกับพนักงาน แล้วก็ยื่นบัตรประชาชน และ..."บัตรเครดิต" ให้กับพนักงานไปเพื่อตรวจสอบ โอเค ผมก็ยื่นไป และพยายามดูว่าพนักงานจะทำอะไรกับบัตรเครดิต ผมเห็นพนักงานจดอะไรยิกๆอยู่ที่โต๊ะของเค้า ผมก็เลยถามไป
ผม: นั่นจดอะไรหรอครับ
พนักงาน: หมายเลขบัตรเครดิตค่ะ
ผม: จดหมายเลขบัตรเครดิตเลยหรอครับ
พนักงาน: ค่ะ เพื่อใช้ในการยืนยันการสั่งซื้อ
ผม: ไม่ใช่ว่าดูจากระบบว่าหมายเลขบัตรเครดิตอะไร แล้วเอาบัตรมาเทียบกันว่าตรงกันรึเปล่าก็เพียงพอหรอครับ
พนักงาน: ทางเราไม่มีระบบแบบนี้ค่ะ ต้องส่งไปให้ส่วนกลางตรวจสอบ
(ส่วนนี้ผมจำไม่ได้ว่า ไม่มีระบบแบบนี้ หรือระบบมันมีปัญหานะครับ)
ผม: อา... ครับ
(พนักงานไม่ได้ยิ้มแย้ม หรืออัธยาศัยดีอะไรนะครับ แต่ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อ)
แล้วพนักงานก็ยื่นเอกสารให้ผมเซ็นประมาณว่าได้รับบัตรเพื่อไปแลกเสื้อ Star Wars เรียบร้อยแล้วนะ ทันทีที่ผมเอกสารนั่นผมก็อึ้ง!! สิครับ เพราะเป็นรายการชื่อ + บัตรเครดิต + ลายเซ็นของคนที่มารับบัตรแบผมทั้งนั้นเลย นั่นหมายความว่า ทุกคนถูกจดหมายเลขบัตรเครดิตเหมือนกันหมด แล้วถ้าผมประสงค์ไม่ดี (แต่ความจำดี) สามารถจดจำหมายเลขบัตรเครดิต พร้อมชื่อ ของทุกคนได้ หรือแอบถ่ายรูปไปได้ ผมก็ได้ข้อมูลมาง่ายๆเลย ผมก็ไม่หือไม่อือ เซ็นไป (ก็อยากได้ของนี่ครับ) และรับบัตรมา เพื่อนำไปแลกของที่ชั้น 2 โดยไม่ได้พูดอะไรกับพนักงานต่อ
คำถามที่ผมอยากถามเลยก็คือ
1. ใน e-mail ที่ผมได้รับหมายเลขการสั่งซื้อ บ่งบอกชัดเจนว่าผมจ่ายเงินไปเท่าไหร่ และชัดเจนเลยว่าผมได้ทำการสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว ทำไมถึงต้องยืนยันด้วยหมายเลขบัตรเครดิตอีก
2. ในเมื่อระบบไม่สามารถตรวจสอบได้เดี๋ยวนั้นว่าหมายเลขบัตรเครดิตนี้ทำการสั่งซื้อจริงหรือไม่ แต่พนักงานกลับให้บัตรผมมา เสมือนว่าได้ตรวจสอบแล้ว คำถามคือ แล้วจะจดหมายเลขบัตรเครดิตของผมไปทำไมครับ เกิดมันไม่ตรงจริงๆ คุณจะเอาบัตรที่ผมรับไปแล้วคืนมาได้ยังไง ดูไม่สมเหตุสมผลนะครับ
3. ผมไม่เคยเห็นการสั่งซื้อของที่ไหนเลยมีการจดหมายเลขบัตรเครดิตเลยครับ ผมสมัครวิ่งเป็น 10 รายการ ก็ไม่เคยต้องถ่ายเอกสาร หรือยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานดูเพื่อยืนยันเลย มากสุดก็เป็นบัตรประชาชนครับ (หรือมันคือวิธีใหม่ แล้วผมไม่ทราบ)
4. คงจะอ้างว่าพนักงานเฉพาะสาขานี้ทำแบบนี้โดยที่บริษัทไม่มีนโยบายในการเก็บหมายเลขบัตรเครดิตไม่ได้นะครับ เพราะนี่มาเป็นเอกสารเลย และทุกคนได้รับ e-mail ระบุชัดเจนว่าต้องนำบัตรเครดิตมายืนยันด้วย ผมว่ามันเอิกเกริกเกินกว่าจะเป็นพนักงานเฉพาะสาขาตัดสินใจกันเองนะครับ มันเป็นระบบอัตโนมัติที่ส่ง e-mail ออกมาจากส่วนกลางชัดๆ
สุดท้ายนี้ผมจะชี้ช่องให้เลยว่า ข้อมูลบัตรเครดิตที่ ThaiTicketMajor ได้ไปสามารถทำอะไรได้บ้าง
1. ถ้ากรอกเลข CCV 3 หลักผิดบ่อยๆ (คาดว่า 3 ครั้ง) ธนาคารจะโทรมายังเจ้าของบัตรและถามว่ามีการกรอกผิดซ้ำๆกันอยู่รึไม่ เพราะการใช้งานมีพิรุธ ทำให้บัตรอาจถูกอายัดได้ แต่นั่นคือ เลข CCV 3 หลัก คือ 1,000 เลขที่ไม่ซ้ำกัน 000-999 คุณสามารถเดาเลขได้ 3 ครั้ง มีโอกาสถูก 3 ใน 1 พัน = 0.3% นี่คือสำหรับบัตร 1 ใบ นะครับ ยังสามารถทดลองแบบนี้ได้กับบัตรอีกหลายๆใบเลยครับ เพราะคุณจดหมายเลขบัตรเครดิตของทุกคนเอาไว้
2. ในเมื่อไม่มีเลข CCV ก็ไม่สามารถใช้ซื้อของได้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย... ก็ใช่ครับ หากไม่ได้ลองเหมือนข้อ 1 แต่ผู้ไม่ประสงค์ดี แน่นอนครับ ไม่ประสงค์ดีแน่ๆ แกล้งกรอกเลข CCV ผิดๆกับเว็บอะไรก็ได้ ซ้ำๆๆๆ ธนาคารก็จะอายัดบัตรให้เองโดยอัตโนมัติ ถือเป็นการกลั่นแกล้งคนเป็นพันๆคนได้ง่ายๆเลยครับ (ก็บอกแล้วเนอะว่าเป็นผู้ไม่ประสงค์ดี คงไม่ต้องถามว่าแล้วจะไปแกล้งเค้าทำไม)
3. กรณีนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นไปได้รึไม่นะครับ พูดเผื่อๆ แกล้งทำเป็นโทรหาธนาคารเจ้าของบัตร บอกว่าลืมเลข CCV ธนาคารก็จะถามข้อมูลส่วนตัวต่างๆนาๆ ไม่พ้น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ หมายเลขบัตรเครดิตบางส่วน แน่นอนเลยว่า คุณมีข้อมูลพวกนี้ครบพอที่จะตอบคำถามของธนาคารได้เลย อาจจะถูกถามว่า มีบัญชีเปิดกับธนาคารนี้กี่บัญชี อันนี้ตอบมั่วๆก็ได้ ถ้าผิดก็แค่ไปลองแบบนี้กับบัตรใบใหม่ก็ได้ครับ มีเยอะนี่นา
* กรณีข้อ 3 ผมบอกเลยนะครับว่าน่าจะเป็นไปได้ แต่จะทำได้จริงหรือไม่ น่าจะอยู่ที่ policy ของธนาคารเองนะครับ ข้อนี้ไม่ยืนยันจริงๆ
เพียงพอรึเปล่าครับว่าทำไมผมถึงต้องมาเตือนทุกๆคน ถามว่า แล้วจะทำอย่างไรดี จ่ายเงินไปแล้ว ไม่อยากให้เลขบัตรเครดิต อันนี้คงต้องทำใจละมั้งครับ ถ้านี่เป็นกฎของทาง ThaiTicketMajor ยอมๆไปเถอะ (ผมก็ยอม Y_Y) แล้วถ้าถามว่าในอนาคตจะทำอย่างไรดีถ้ารายการนั้นๆใช้บริการ ThaiTicketMajor อีก ก็บอกเลยว่าให้จ่ายเงินด้วยวิธีอื่นซะ อย่าไปใช้บัตรเครดิตในการจ่ายเงินครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมอาจจะกังวลเกินไปก็ได้ครับ ไม่รู้เพื่อนๆคิดเห็นว่ายังไงครับ