สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ผมก็โลกส่วนตัวสูงครับ
ชอบทำอะไรคนเดียว อยู่ในห้องดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือเงียบๆ
ถ้าถามว่าจะสานสัมพันธ์กับแฟนยังไง สำหรับผมก็เลือกคนที่บุคลิกเป็นผู้ใหญ่ คุยกันรู้เรื่อง
แรกๆ คบกัน ผมก็โทรคุยกับเค้าเช้าสายบ่ายเย็น แต่ทุกครั้งที่โทรจะถามว่าสะดวกคุยไหม ถ้าไม่สะดวกให้โทรไปตอนไหน เพราะช่วงเวลาปกติก็คือทำงาน ต่างคนต่างทำงานคนละที่ ในช่วงหลังภาระงานแต่ละคนเริ่มเยอะ ผมเลยบอกว่า
"ไม่โทรคุยกันเวลางานแล้วกันเนอะ แต่ถ้ามีอะไรด่วน หรือต้องการให้ช่วยอะไร โทรได้ทันทีนะ" ซึ่งมันก็โอเค ใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีการโทรมาถ้าไม่มีอะไรด่วน (เมื่อก่อนมีแต่ Hi-5) แต่ถ้าคิดถึงจริงๆ ก็โทรไปนะครับ ถามว่าทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง ไม่เกิน 3 นาทีจบ วาง (ทุกวันนี้แต่งงานมีลูกแล้ว บางวันยังไม่ได้ไลน์หาเลยครับ)
การจะหาคนที่เข้าใจเรา มันก็ต้องคุย ต้องทำความรู้จัก จนไว้ใจและวางใจ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ผช ถึงอยากคุยกับคุณนานมากๆ (มั้งนะ)
มีครั้งนึง ผมรอกินข้าวเย็นกับเธอ นัดไว้ดิบดีตอน 1 ทุ่ม แต่เธอดันติดงานคาดว่าเสร็จ 3 ทุ่ม ...ด้วยความโลกส่วนตัวสูง เวลามีค่าทุกนาที ผมวางแผนไว้หมดแล้ว หลังกินข้าวจะทำอะไร จะนอนดูหนัง ทำงานต่ออีกหน่อย แต่แผนทุกอย่างพัง เลยเริ่มเซ็งๆ ก็เลยลองโทรถามแฟนว่าเสร็จหรือยัง จะเสร็จกี่โมง ทุ่มครึ่งก็แล้ว ยังไม่มา โทรถามอีกที เธอเลยบอกว่า "กินเลยไม่ต้องรอ" (ตอนนั้นทะเลาะกันด้วย เพราะเรื่องรอนี่แหละ 555 เรากลัวเค้าไม่มีเพื่อนกินข้าว เค้าโมโหเราโทรเร่ง)
หลังจากนั้นเราก็ทำความเข้าใจกัน ถ้าใครหิวกินก่อนเลยไม่ต้องรอ จบ
ช่วง เสาร์อาทิตย์ ผมอยากนั่งเล่นเกมส์ ดูหนังสบายๆ ในห้อง เธอก็ไม่ว่าอะไร (อยู่คนละหอกันนะ) ผมตื่นมาทำอะไรคนเดียวจนเที่ยง เราก็โทรนัดกันไปกินข้าวเที่ยง กินเสร็จกลับขึ้นห้อง ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เธออาจชวนไปนั่นไปนี่ค่อยว่ากัน ...ผมเคยถามว่าเธอทำอะไรช่วงเช้า เธอบอกว่าตื่นมาอ่านหนังสือบ้าง เปิดคอมทำอะไรบ้าง ซักผ้า รีดผ้า แต่เธอไม่ได้โลกส่วนตัวสูงนะ เธอแค่มีอะไรทำ มากกว่าจะมาตัวติดกับผมตลอดเวลา คือ เป็น ผญ ที่ดูแลตัวเองได้ ซึ่งถ้าเธออยากไปชอปปิงก็จะชวนผม และผมก็ไปกับเธอได้ เพราะเธอให้เวลาส่วนตัวกับผมต่อวันเยอะมาก (งงไหมครับ)
...สรุปจริงๆ มันก็ต้องหาคนที่เค้าเข้าใจเรา คุยกันรู้เรื่อง เป็นผู้ใหญ่ นอกจากนั้นมันก็ต้องแชร์กัน ไม่ใช่ว่าให้เค้าเข้าใจเราหมดเลย 100 แต่เราไม่พยายามเข้าใจเค้าเลย แบบนั้นก็ไม่ไหว หาระยะพอดีที่รับกันได้ เราเองก็มีข้อบกพร่อง เค้าเองก็มีข้อบกพร่อง มันต้องเติมเต็มกันให้สมบูรณ์ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขมากกว่าทุกข์ แค่นั้นก็พอแล้วครับ พอเรามีความสุขกัน คำว่าโลกส่วนตัวของเรามันจะหายไป มันจะไม่มีใครรู้ว่าว่า "เธอ" มีโลกส่วนตัว เพราะเราปรับตัวเข้ากันได้แล้ว
...ผมเชื่อว่ามันมีคนที่เกิดมาเป็นคู่ของเรานี่แหละ แต่เรายังไม่เจอเค้าเท่านั้นเอง
ชอบทำอะไรคนเดียว อยู่ในห้องดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือเงียบๆ
ถ้าถามว่าจะสานสัมพันธ์กับแฟนยังไง สำหรับผมก็เลือกคนที่บุคลิกเป็นผู้ใหญ่ คุยกันรู้เรื่อง
แรกๆ คบกัน ผมก็โทรคุยกับเค้าเช้าสายบ่ายเย็น แต่ทุกครั้งที่โทรจะถามว่าสะดวกคุยไหม ถ้าไม่สะดวกให้โทรไปตอนไหน เพราะช่วงเวลาปกติก็คือทำงาน ต่างคนต่างทำงานคนละที่ ในช่วงหลังภาระงานแต่ละคนเริ่มเยอะ ผมเลยบอกว่า
"ไม่โทรคุยกันเวลางานแล้วกันเนอะ แต่ถ้ามีอะไรด่วน หรือต้องการให้ช่วยอะไร โทรได้ทันทีนะ" ซึ่งมันก็โอเค ใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีการโทรมาถ้าไม่มีอะไรด่วน (เมื่อก่อนมีแต่ Hi-5) แต่ถ้าคิดถึงจริงๆ ก็โทรไปนะครับ ถามว่าทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง ไม่เกิน 3 นาทีจบ วาง (ทุกวันนี้แต่งงานมีลูกแล้ว บางวันยังไม่ได้ไลน์หาเลยครับ)
การจะหาคนที่เข้าใจเรา มันก็ต้องคุย ต้องทำความรู้จัก จนไว้ใจและวางใจ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ผช ถึงอยากคุยกับคุณนานมากๆ (มั้งนะ)
มีครั้งนึง ผมรอกินข้าวเย็นกับเธอ นัดไว้ดิบดีตอน 1 ทุ่ม แต่เธอดันติดงานคาดว่าเสร็จ 3 ทุ่ม ...ด้วยความโลกส่วนตัวสูง เวลามีค่าทุกนาที ผมวางแผนไว้หมดแล้ว หลังกินข้าวจะทำอะไร จะนอนดูหนัง ทำงานต่ออีกหน่อย แต่แผนทุกอย่างพัง เลยเริ่มเซ็งๆ ก็เลยลองโทรถามแฟนว่าเสร็จหรือยัง จะเสร็จกี่โมง ทุ่มครึ่งก็แล้ว ยังไม่มา โทรถามอีกที เธอเลยบอกว่า "กินเลยไม่ต้องรอ" (ตอนนั้นทะเลาะกันด้วย เพราะเรื่องรอนี่แหละ 555 เรากลัวเค้าไม่มีเพื่อนกินข้าว เค้าโมโหเราโทรเร่ง)
หลังจากนั้นเราก็ทำความเข้าใจกัน ถ้าใครหิวกินก่อนเลยไม่ต้องรอ จบ
ช่วง เสาร์อาทิตย์ ผมอยากนั่งเล่นเกมส์ ดูหนังสบายๆ ในห้อง เธอก็ไม่ว่าอะไร (อยู่คนละหอกันนะ) ผมตื่นมาทำอะไรคนเดียวจนเที่ยง เราก็โทรนัดกันไปกินข้าวเที่ยง กินเสร็จกลับขึ้นห้อง ช่วงบ่ายๆ เย็นๆ เธออาจชวนไปนั่นไปนี่ค่อยว่ากัน ...ผมเคยถามว่าเธอทำอะไรช่วงเช้า เธอบอกว่าตื่นมาอ่านหนังสือบ้าง เปิดคอมทำอะไรบ้าง ซักผ้า รีดผ้า แต่เธอไม่ได้โลกส่วนตัวสูงนะ เธอแค่มีอะไรทำ มากกว่าจะมาตัวติดกับผมตลอดเวลา คือ เป็น ผญ ที่ดูแลตัวเองได้ ซึ่งถ้าเธออยากไปชอปปิงก็จะชวนผม และผมก็ไปกับเธอได้ เพราะเธอให้เวลาส่วนตัวกับผมต่อวันเยอะมาก (งงไหมครับ)
...สรุปจริงๆ มันก็ต้องหาคนที่เค้าเข้าใจเรา คุยกันรู้เรื่อง เป็นผู้ใหญ่ นอกจากนั้นมันก็ต้องแชร์กัน ไม่ใช่ว่าให้เค้าเข้าใจเราหมดเลย 100 แต่เราไม่พยายามเข้าใจเค้าเลย แบบนั้นก็ไม่ไหว หาระยะพอดีที่รับกันได้ เราเองก็มีข้อบกพร่อง เค้าเองก็มีข้อบกพร่อง มันต้องเติมเต็มกันให้สมบูรณ์ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขมากกว่าทุกข์ แค่นั้นก็พอแล้วครับ พอเรามีความสุขกัน คำว่าโลกส่วนตัวของเรามันจะหายไป มันจะไม่มีใครรู้ว่าว่า "เธอ" มีโลกส่วนตัว เพราะเราปรับตัวเข้ากันได้แล้ว
...ผมเชื่อว่ามันมีคนที่เกิดมาเป็นคู่ของเรานี่แหละ แต่เรายังไม่เจอเค้าเท่านั้นเอง
ความคิดเห็นที่ 12
คนที่โลกส่วนตัวสูง จะไม่ชอบเข้าสังคม ชอบทำอะไรคนเดียว ตัดสินใจคนเดียว
ใช้ชีวิตตามลำพังได้ ไม่มีใครฉันก็อยู่เองได้ แต่งงานไม่ค่อยได้ เพราะคนอื่นไม่สำคัญ
หลาย ๆ คน คิดว่าตัวเองเป็นคนโลกส่วนตัวสูง
ที่จริงแค่หวงความเป็นส่วนตัว
คนแบบนี้ จะพอใจที่จะอยู่ในโลกที่ตัวเองเป็นผู้กำหนด
ไม่อยากปรับตัวเข้ากับคนอื่น
คนแบบนี้ อาจจะมีเพื่อนเยอะ คบคนได้ คุยสนุก เอาใจคนเป็น อาจจะมีคนอยากเป็นแฟนด้วยมากมาย
แต่พอจะแต่งงาน หรืออยู่กับใครเป็นคู่สมรส มักจะทนไม่ได้ เพราะไม่ชอบปรับตัว อึดอัด
คนสองประเภทนี้ คล้ายกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ อยู่คนเดียวสบายใจ มากกว่าอยู่กับคนอื่น
แฟนเป็นแค่ส่วนเสริม ที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์ขึ้น
ใช้ชีวิตตามลำพังได้ ไม่มีใครฉันก็อยู่เองได้ แต่งงานไม่ค่อยได้ เพราะคนอื่นไม่สำคัญ
หลาย ๆ คน คิดว่าตัวเองเป็นคนโลกส่วนตัวสูง
ที่จริงแค่หวงความเป็นส่วนตัว
คนแบบนี้ จะพอใจที่จะอยู่ในโลกที่ตัวเองเป็นผู้กำหนด
ไม่อยากปรับตัวเข้ากับคนอื่น
คนแบบนี้ อาจจะมีเพื่อนเยอะ คบคนได้ คุยสนุก เอาใจคนเป็น อาจจะมีคนอยากเป็นแฟนด้วยมากมาย
แต่พอจะแต่งงาน หรืออยู่กับใครเป็นคู่สมรส มักจะทนไม่ได้ เพราะไม่ชอบปรับตัว อึดอัด
คนสองประเภทนี้ คล้ายกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ อยู่คนเดียวสบายใจ มากกว่าอยู่กับคนอื่น
แฟนเป็นแค่ส่วนเสริม ที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์ขึ้น
ความคิดเห็นที่ 57
จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่นานาจิตตัง ว่าจะนิยามคำว่า "โลกส่วนตัวสูง" อย่างไร
บางคนอาจใช้เป็นข้ออ้างในการ "กัน" คนที่ทำให้เขาอึดอัดออกไปจากชีวิต
และนั่นทำให้หลายคนรู้สึกไม่ดีกับคำนี้ หรือผู้ที่มีคุณสมบัติอย่างนี้
แต่ถ้าคุณได้พบกับคนที่มีโลกส่วนตัวสูงจริงๆ โดยไม่ได้ยกมาเป็นข้ออ้าง
คุณจะรู้ว่าเขาเป็นอย่างนี้เสมอ ไม่ว่าจะกับพ่อแม่พี่น้อง เพื่อน หรือคนรักก็ตาม
นั่นคือเขาต้องมีเวลาว่างที่อยู่นิ่งๆคนเดียว รักความเงียบและความสงบ
ได้ทำอะไรต่อมิอะไร โดยไม่ต้องอธิบายหรือแจกแจงทุกความเคลื่อนไหว
สิ่งที่จะผลักให้คนประเภทนี้ยิ่งอยากถอยห่างจากคุณอย่างเร็วที่สุด
ก็คือการที่คุณเรียกร้องที่จะให้เขาเปลี่ยน ตัดพ้อที่เขาไม่ให้คุณเข้าไปในพื้นที่
หรืออ้างว่าการที่เขาอยู่ในโลกส่วนตัวของเขานั้น คือความเฉยชา ไม่รักคุณ
เพราะนั่นแสดงว่าคุณไม่ได้รักด้วยความเข้าใจ ไม่เคารพในพื้นที่ของเขา
สักแต่รักแบบ "จะเอาให้ได้" และเมื่อไม่ได้ก็ตำหนิเขาว่าเขาหมางเมิน
คนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง คนที่โหยหาความรักและเรียกร้องความสนใจ
จึงเป็นคนประเภทที่จะมีปัญหากับผู้มีพื้นที่ส่วนตัวสูงมากที่สุด
เพราะคนประเภทนี้จะไม่เข้าใจ จะตีความว่าระยะห่างคือความหมางเมิน
ตลอดจนมองว่าอีกฝ่ายเห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงความรู้สึกคนอื่น
ยิ่งถ้าเจอคนประเภททุ่มเทความรัก เพราะหวังจะทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยน
ก็จะมีแต่ความผิดหวัง เจ็บช้ำ และรู้สึกว่าเหนื่อย เหมือนต้องพยายามฝ่ายเดียว
ทั้งๆที่จริงๆแล้วฝ่ายที่มีโลกส่วนตัวสูงนั้นเขาไม่ได้ต้องการให้คุณมาทุ่มเท
ไม่ได้ต้องการให้มาเฝ้า มาเป็นห่วง มาทำกับข้าว ตามเป็นเงา หรือนั่งมองหน้า
เขาแค่ต้องการ "ความเคารพ" และ "ความเข้าใจ" ในตัวตนที่เป็น
แต่ถ้าอีกฝ่ายมีนิยามความรักว่าต้องทำทุกอย่างร่วมกัน ต้องอยู่ติดกัน
ก็ต้องมองมาที่ตัวเองว่าคุณอาจกำลังหาความรักที่ว่าจากคนผิดคน
ถ้าอยากได้คนที่มาคลอเคลีย ก็ต้องไปมองหาผู้ชายที่ช่างเอาใจ
ไม่ใช่มาดึงดูดคนที่น่าค้นหา ลึกลับ อยากจะเอาชนะเพื่อให้เขาเปิดใจ
แล้วเมื่อไม่สำเร็จ ก็ตีโพยตีพายว่าอีกฝ่ายมีแต่ความเย็นชา
คนที่โลกส่วนตัวสูงนั้น จะว่าไปแล้วเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลย
แต่บางทีคนไปยัดเยียดในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะอึดอัด
ยิ่งความรักตามหนัง ละคร และเพลงส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะปรุงแต่งจนเว่อร์
และทำให้หลายคนหลงเพ้อว่าความรักมันจะเป็นอย่างสื่อต่างๆที่เสพกันจนชิน
พอมาเจอกับคนที่โลกส่วนตัวสูงเข้า ก็ดราม่าตัวเองเข้าไปว่าเขาไม่เห็นค่าฉัน
ทั้งๆที่ตัวเองนั้นตอบโจทย์ผิดแต่แรก นั่นคือตอบโจทย์ตัวเองไม่ได้
ว่าต้องการคนแบบไหนและต้องการอะไรในความสัมพันธ์
และตอบโจทย์ของอีกฝ่ายไม่ได้ ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข
ดังนั้นเวลาที่เจอคนโลกส่วนตัวสูงเข้า ก็จงถามตัวเองให้ดี
ว่าคุณชอบที่เขาลึกลับ น่าค้นหา อยากจะเข้าไปนั่งกลางใจเขา อยากเอาชนะ
หรือว่าคุณชอบที่เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ โดยไม่คิดเปลี่ยน
เพราะถ้าคุณคิดไปเปลี่ยน ไปดึงเขาออกมาจากโลกที่เขามีความสุข เคยชิน
โดยที่เขาไม่ได้ปรารถนาหรือยินยอมล่ะก็ ก็เตรียมใจไว้ได้เลยว่ามันจะไม่ได้ผล
ร่ายมาเสียนาน ก็เพื่อจะมาตอบคำถามของเจ้าของกระทู้
ว่าคนประเภทนี้เวลามีความรักจะเป็นอย่างไร คำตอบก็คือไม่ต่างจากคนธรรมดา
มีความรู้สึก มีความอ่อนไหว มีอารมณ์อ่อนหวานลึกซึ้งเหมือนมนุษย์ทั่วไป
แต่กว่าจะ "รัก" ใครได้ เขามักใช้เวลา และรู้สึกสบายใจกับคนคนนั้นเสียก่อน
แล้วก็อย่างที่หลายความเห็นได้บอกไว้ ว่าความเข้าใจสำคัญที่สุด
แล้วเมื่อถึงเวลาเขาจะมาหาคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องร้องขอเลย
คนที่มีโลกส่วนตัวสูง ในสายตาของใครๆอาจดูเหมือนคนเห็นแก่ตัว
แต่จริงๆแล้วคนที่พยายามบุกในโลกส่วนตัวของเขา ก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน
ที่พยายามไปเปลี่ยน ไปแซะ ไปบีบเขาให้ออกมาได้ดังใจตัวเอง
ดังนั้นก่อนจะรักใคร ชอบใคร จงถามตัวเองว่ายอมรับเขาอย่างที่เป็นได้หรือไม่
ถ้าเขาไม่ใช่ ก็จงไปหาคนอื่นที่จะสนองความต้องการของคุณได้ดีกว่า
แต่อย่าพยายามเปลี่ยน เพราะคนเราไม่ใช่ดินน้ำมัน ที่จะปั้นให้เป็นโน่นเป็นนี่
รู้ใจตัวเองเสียก่อนว่าอยากได้อะไร แล้วสิ่งต่างๆจะง่ายขึ้นเป็นกอง
///เคยมีคนตอบไว้เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับคนโลกส่วนตัวสูง เหมือนรู้ใจผมเลยล่ะ ใช่ทุกอย่าง
เพราะรักนี่ละครับ ผญ.ที่เข้ามาจึงพยายามเรียกร้องเอาจากผมเท่าๆกับที่เขาให้มา
จริงๆแล้ว ควรใช้ความเข้าใจมากกว่าความรัก ค่อยๆศึกษาว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร
ใช้วิธีสังเกตุเอา อาจใช้เวลานานสักหน่อยแต่เชื่อเถอะถ้ารักใครแล้วรักเดียวใจเดียวนะ จะบอกให้
บางคนอาจใช้เป็นข้ออ้างในการ "กัน" คนที่ทำให้เขาอึดอัดออกไปจากชีวิต
และนั่นทำให้หลายคนรู้สึกไม่ดีกับคำนี้ หรือผู้ที่มีคุณสมบัติอย่างนี้
แต่ถ้าคุณได้พบกับคนที่มีโลกส่วนตัวสูงจริงๆ โดยไม่ได้ยกมาเป็นข้ออ้าง
คุณจะรู้ว่าเขาเป็นอย่างนี้เสมอ ไม่ว่าจะกับพ่อแม่พี่น้อง เพื่อน หรือคนรักก็ตาม
นั่นคือเขาต้องมีเวลาว่างที่อยู่นิ่งๆคนเดียว รักความเงียบและความสงบ
ได้ทำอะไรต่อมิอะไร โดยไม่ต้องอธิบายหรือแจกแจงทุกความเคลื่อนไหว
สิ่งที่จะผลักให้คนประเภทนี้ยิ่งอยากถอยห่างจากคุณอย่างเร็วที่สุด
ก็คือการที่คุณเรียกร้องที่จะให้เขาเปลี่ยน ตัดพ้อที่เขาไม่ให้คุณเข้าไปในพื้นที่
หรืออ้างว่าการที่เขาอยู่ในโลกส่วนตัวของเขานั้น คือความเฉยชา ไม่รักคุณ
เพราะนั่นแสดงว่าคุณไม่ได้รักด้วยความเข้าใจ ไม่เคารพในพื้นที่ของเขา
สักแต่รักแบบ "จะเอาให้ได้" และเมื่อไม่ได้ก็ตำหนิเขาว่าเขาหมางเมิน
คนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง คนที่โหยหาความรักและเรียกร้องความสนใจ
จึงเป็นคนประเภทที่จะมีปัญหากับผู้มีพื้นที่ส่วนตัวสูงมากที่สุด
เพราะคนประเภทนี้จะไม่เข้าใจ จะตีความว่าระยะห่างคือความหมางเมิน
ตลอดจนมองว่าอีกฝ่ายเห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงความรู้สึกคนอื่น
ยิ่งถ้าเจอคนประเภททุ่มเทความรัก เพราะหวังจะทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยน
ก็จะมีแต่ความผิดหวัง เจ็บช้ำ และรู้สึกว่าเหนื่อย เหมือนต้องพยายามฝ่ายเดียว
ทั้งๆที่จริงๆแล้วฝ่ายที่มีโลกส่วนตัวสูงนั้นเขาไม่ได้ต้องการให้คุณมาทุ่มเท
ไม่ได้ต้องการให้มาเฝ้า มาเป็นห่วง มาทำกับข้าว ตามเป็นเงา หรือนั่งมองหน้า
เขาแค่ต้องการ "ความเคารพ" และ "ความเข้าใจ" ในตัวตนที่เป็น
แต่ถ้าอีกฝ่ายมีนิยามความรักว่าต้องทำทุกอย่างร่วมกัน ต้องอยู่ติดกัน
ก็ต้องมองมาที่ตัวเองว่าคุณอาจกำลังหาความรักที่ว่าจากคนผิดคน
ถ้าอยากได้คนที่มาคลอเคลีย ก็ต้องไปมองหาผู้ชายที่ช่างเอาใจ
ไม่ใช่มาดึงดูดคนที่น่าค้นหา ลึกลับ อยากจะเอาชนะเพื่อให้เขาเปิดใจ
แล้วเมื่อไม่สำเร็จ ก็ตีโพยตีพายว่าอีกฝ่ายมีแต่ความเย็นชา
คนที่โลกส่วนตัวสูงนั้น จะว่าไปแล้วเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลย
แต่บางทีคนไปยัดเยียดในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะอึดอัด
ยิ่งความรักตามหนัง ละคร และเพลงส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะปรุงแต่งจนเว่อร์
และทำให้หลายคนหลงเพ้อว่าความรักมันจะเป็นอย่างสื่อต่างๆที่เสพกันจนชิน
พอมาเจอกับคนที่โลกส่วนตัวสูงเข้า ก็ดราม่าตัวเองเข้าไปว่าเขาไม่เห็นค่าฉัน
ทั้งๆที่ตัวเองนั้นตอบโจทย์ผิดแต่แรก นั่นคือตอบโจทย์ตัวเองไม่ได้
ว่าต้องการคนแบบไหนและต้องการอะไรในความสัมพันธ์
และตอบโจทย์ของอีกฝ่ายไม่ได้ ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข
ดังนั้นเวลาที่เจอคนโลกส่วนตัวสูงเข้า ก็จงถามตัวเองให้ดี
ว่าคุณชอบที่เขาลึกลับ น่าค้นหา อยากจะเข้าไปนั่งกลางใจเขา อยากเอาชนะ
หรือว่าคุณชอบที่เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ โดยไม่คิดเปลี่ยน
เพราะถ้าคุณคิดไปเปลี่ยน ไปดึงเขาออกมาจากโลกที่เขามีความสุข เคยชิน
โดยที่เขาไม่ได้ปรารถนาหรือยินยอมล่ะก็ ก็เตรียมใจไว้ได้เลยว่ามันจะไม่ได้ผล
ร่ายมาเสียนาน ก็เพื่อจะมาตอบคำถามของเจ้าของกระทู้
ว่าคนประเภทนี้เวลามีความรักจะเป็นอย่างไร คำตอบก็คือไม่ต่างจากคนธรรมดา
มีความรู้สึก มีความอ่อนไหว มีอารมณ์อ่อนหวานลึกซึ้งเหมือนมนุษย์ทั่วไป
แต่กว่าจะ "รัก" ใครได้ เขามักใช้เวลา และรู้สึกสบายใจกับคนคนนั้นเสียก่อน
แล้วก็อย่างที่หลายความเห็นได้บอกไว้ ว่าความเข้าใจสำคัญที่สุด
แล้วเมื่อถึงเวลาเขาจะมาหาคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องร้องขอเลย
คนที่มีโลกส่วนตัวสูง ในสายตาของใครๆอาจดูเหมือนคนเห็นแก่ตัว
แต่จริงๆแล้วคนที่พยายามบุกในโลกส่วนตัวของเขา ก็เห็นแก่ตัวเหมือนกัน
ที่พยายามไปเปลี่ยน ไปแซะ ไปบีบเขาให้ออกมาได้ดังใจตัวเอง
ดังนั้นก่อนจะรักใคร ชอบใคร จงถามตัวเองว่ายอมรับเขาอย่างที่เป็นได้หรือไม่
ถ้าเขาไม่ใช่ ก็จงไปหาคนอื่นที่จะสนองความต้องการของคุณได้ดีกว่า
แต่อย่าพยายามเปลี่ยน เพราะคนเราไม่ใช่ดินน้ำมัน ที่จะปั้นให้เป็นโน่นเป็นนี่
รู้ใจตัวเองเสียก่อนว่าอยากได้อะไร แล้วสิ่งต่างๆจะง่ายขึ้นเป็นกอง
///เคยมีคนตอบไว้เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับคนโลกส่วนตัวสูง เหมือนรู้ใจผมเลยล่ะ ใช่ทุกอย่าง
เพราะรักนี่ละครับ ผญ.ที่เข้ามาจึงพยายามเรียกร้องเอาจากผมเท่าๆกับที่เขาให้มา
จริงๆแล้ว ควรใช้ความเข้าใจมากกว่าความรัก ค่อยๆศึกษาว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร
ใช้วิธีสังเกตุเอา อาจใช้เวลานานสักหน่อยแต่เชื่อเถอะถ้ารักใครแล้วรักเดียวใจเดียวนะ จะบอกให้
ความคิดเห็นที่ 14
คนที่โลกส่วนตัวสูง จะมีแฟนได้ ก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่ คุณยอมให้คนๆนั้นๆ เข้ามาเป็น 'ส่วนหนึ่ง' ส่วนหนึ่งนะ ไม่ใช่ทั้งหมด ในโลกส่วนตัวของคุณค่ะ
ส่วนจะเจอกันยังไง เราว่าไม่สำคัญ มันอยู่ตรงที่ว่า คุณกับเค้า เคมีตรงกัน หรือยอมรับกันได้มากแค่ใหน ถ้าสเปคสูง ความหวังก็จะสูงมันก็ยากหน่อยนะที่คุณจะยอมรับเค้า แต่ถ้าคุณไม่ได้หวังให้เค้าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ตามที่คุณหวังไว้มาก มันก็เป็นไปได้มากหน่อยที่คุณจะเปิดใจให้คนๆนั้นนะ อย่างที่เราบอกตั้งแต่แรกว่ามันอยู่ที่ ใจและความหวังของคุณทั้งนั้น
ปล.คหสต. อาจจะอ่านไม่รู้เรื่อง กระทู้นี้เราตอบยาวที่สุดล่ะ โชคดีค่ะ
ส่วนจะเจอกันยังไง เราว่าไม่สำคัญ มันอยู่ตรงที่ว่า คุณกับเค้า เคมีตรงกัน หรือยอมรับกันได้มากแค่ใหน ถ้าสเปคสูง ความหวังก็จะสูงมันก็ยากหน่อยนะที่คุณจะยอมรับเค้า แต่ถ้าคุณไม่ได้หวังให้เค้าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ตามที่คุณหวังไว้มาก มันก็เป็นไปได้มากหน่อยที่คุณจะเปิดใจให้คนๆนั้นนะ อย่างที่เราบอกตั้งแต่แรกว่ามันอยู่ที่ ใจและความหวังของคุณทั้งนั้น
ปล.คหสต. อาจจะอ่านไม่รู้เรื่อง กระทู้นี้เราตอบยาวที่สุดล่ะ โชคดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
คนโลกส่วนตัวสูง เค้าเจอสามีที่ไหนกันบ้าง สานสายสัมพันธ์กันยังไงจนได้แต่งงานกัน
อยากจะขอความคิดเห็นจากคนที่โลกส่วนตัวสูง ที่ประสบความสำเร็จในความรักบ้างค่ะ ว่าคุณเลือกแฟนยังไง มีวิธีการปรับตัวยังไงไม่ให้ตัวเองอึดอัดจนเกินไป
เพราะถ้าถามคนทั่วไป ก็จะบอกแต่ให้เราเปิดใจๆๆ คือ ถ้ามันง่ายขนาดนั้นคงไม่มาถาม เราอยากได้คำแนะนำจริงๆค่ะ
เราเป็นคนโลกส่วนตัวสูงมาก ไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป ไม่ชอบนินทา ไม่ชอบคุยเจ้าะแจ้ะ
ไม่ชอบคุยโทรศัพท์นานๆ ชอบแชทมากกว่า ชอบทำอะไรเป็นเวลา
เช่น เราจะเผื่อเวลาสองทุ่มถึงสี่ทุ่มไว้คุยกับผู้ชายเลย นอกนั้นเป็นเวลาส่วนตัวของเรา เราขอเอาไว้ทำงาน ไว้อยู่กับตัวเอง
คนโลกส่วนตัวสูง เค้าเจอสามีที่ไหนกันบ้าง สานสายสัมพันธ์กันยังไงจนได้แต่งงานกัน
ที่ผ่านมาเจอแต่ผู้ชายประเภทอยากคุย เช้า สาย บ่าย เย็น มาจีบ มันอึดอัด มันรำคาญ
เลยงงกับตัวเองว่า จะสานสายสัมพันธ์กับใครได้ จะเปลี่ยนตัวเองไปเลยมันก็ไม่ใช่ เลยรบกวนปรึกษาหน่อยค่ะ
ว่าจะสานสายสัมพันธ์กันยังไงจนได้แต่งงานกัน