FDA ของอเมริกาได้ประกาศ
ยกเลิกนโยบาย ที่
ห้ามผู้ชายที่เป็นเกย์และไบเซ็กส์ซวลบริจาคเลือด
หลังจากทาง FDA ได้ประกาศใช้นโยบายดังกล่าวมา 30 กว่าปี โดยให้เหตุผลว่า ผู้ชายที่เป็นเกย์หรือไบเซกส์ชวล
มีความเสี่ยงที่มีและแพร่เชื้อ HIV จึงได้ห้ามบุคคลในกลุ่มดังกล่าวบริจาคเลือดตลอดชีพ
แต่เมื่อวาน ( 21 ธ.ค.) FDA ได้ออกประกาศใหม่ โดยอนุญาตให้บุคคลกลุ่มดังกล่าว
สามารถบริจาคเลือดได้ โดยมีข้อแม้ว่า
ต้องไม่มีการรักร่วมเพศมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปี
ในการประกาศยกเลิกนโยบายดังกล่าวนี้ ก็มีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย และต้องการให้ FDA คงรักษานโยบายเดิมไว้
โดยให้เหตุผลว่า คนที่รับเชื้อเอชไอวีแล้ว จะไม่สามารถตรวจเช็คเจอได้ หากคนนั้นได้รับเชื้อมาใหม่ ๆ
คือ ถ้าได้รับเชื้อในช่วงประมาณ 9 วันแรก การตรวจเลือดจะไม่เจอเชื้อ (คือจะให้ผลเป็นลบ)
และนี้อาจจะทำให้เลือดที่มีเชื้อเอชไอวี เข้าไปปนเปื้อนกับเลือดดี ๆ ได้.... ก็ว่ากันไป
ปล. ตอนนี้ นอกจากอเมริกา ยังมีประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และกลุ่มประเทศบริเตน
ที่อนุญาตให้กลุ่มดังกล่าว สามารถบริจาคเลือดได้
อ่านต่อได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ http://www.npr.org/sections/health-shots/2015/12/21/460580469/fda-lifts-ban-on-blood-donations-by-gay-and-bisexual-men
FDA อเมริกา "ยกเลิกนโยบาย" ห้ามเกย์/ไบเซกส์ซวลบริจาคโลหิตแล้ว
หลังจากทาง FDA ได้ประกาศใช้นโยบายดังกล่าวมา 30 กว่าปี โดยให้เหตุผลว่า ผู้ชายที่เป็นเกย์หรือไบเซกส์ชวล
มีความเสี่ยงที่มีและแพร่เชื้อ HIV จึงได้ห้ามบุคคลในกลุ่มดังกล่าวบริจาคเลือดตลอดชีพ
แต่เมื่อวาน ( 21 ธ.ค.) FDA ได้ออกประกาศใหม่ โดยอนุญาตให้บุคคลกลุ่มดังกล่าว
สามารถบริจาคเลือดได้ โดยมีข้อแม้ว่า ต้องไม่มีการรักร่วมเพศมาแล้วอย่างน้อยหนึ่งปี
ในการประกาศยกเลิกนโยบายดังกล่าวนี้ ก็มีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย และต้องการให้ FDA คงรักษานโยบายเดิมไว้
โดยให้เหตุผลว่า คนที่รับเชื้อเอชไอวีแล้ว จะไม่สามารถตรวจเช็คเจอได้ หากคนนั้นได้รับเชื้อมาใหม่ ๆ
คือ ถ้าได้รับเชื้อในช่วงประมาณ 9 วันแรก การตรวจเลือดจะไม่เจอเชื้อ (คือจะให้ผลเป็นลบ)
และนี้อาจจะทำให้เลือดที่มีเชื้อเอชไอวี เข้าไปปนเปื้อนกับเลือดดี ๆ ได้.... ก็ว่ากันไป
ปล. ตอนนี้ นอกจากอเมริกา ยังมีประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และกลุ่มประเทศบริเตน
ที่อนุญาตให้กลุ่มดังกล่าว สามารถบริจาคเลือดได้
อ่านต่อได้ที่[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้