พ่อในอุดมคติของคุณเป็นแบบไหน?

คำถามง่ายๆ ที่หลายคนคงตอบได้ไม่ยาก แต่สำหรับเรา พ่อในอุดมคติ คือ พ่อที่มีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับพ่อในชีวิตจริง
เราโตมาในครอบครัวไทยที่ให้อำนาจและความถูกต้องกับผู้ชาย ในหัวเรามันใฝ่หาความถูกต้อง ความยุติธรรม มาตั้งแต่เด็ก เพราะว่ามันทนเห็นความบ้าอำนาจของผู้ชายตั้งแต่ปู่ ส่งทอดต่อมาถึงพ่อ เราจำเป็นต้องเข้มแข็ง จนคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเด็กก้าวร้าว ซึ่งในความเป็นจริงอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้

ในวัยเด็กเราวิ่งไปปกป้องย่า ปกป้องแม่ ไม่ให้ถูกปู่ว่า พ่อด่า เรายอมโดนทำโทษ โดนตีเพราะชอบเถียง แน่นอนเราเคยเจอไอ้ประเภทที่เรียกว่า "ความรุนแรงในครอบครัว" แต่ที่น่าเจ็บปวด คือ บางครั้ง บางทีคนที่เราปกป้องเขากลับบอกให้เรายอมเพราะไม่อยากให้เราเจ็บตัว ไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวทะเลาะกันเสียงดัง อับอายชาวบ้าน เป็นลูกเป็นหลานอย่าเถียงผู้ใหญ่

มันเป็นเรื่องน่าเศร้านะ

จากวัยเด็ก สู่วัยรุ่น จนถึงปัจจุบัน อายุเกือบ 30 ปี
สำหรับฉัน โตมากับปู่ย่าตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ต้องไปรับราชการต่างจังหวัด กว่าจะมารับฉันไปอยู่ด้วยก็สามขวบแล้ว แต่ไม่ทันไรก็ได้ย้ายกลับมาบ้านเกิด ตั้งแต่เด็กเราจึงรู้สึกผูกพันธ์กับปู่ย่ามากกว่าพ่อกับแม่ บางครั้งยังรู้สึกว่าพ่ออาจจะอิจฉาที่ปู่ย่ารักเรา มันเคยรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะปู่ชอบเข้าข้างเราเวลาเราทำผิด แต่ขณะเดียวกันปู่ก็เผด็จการ บ้าอำนาจ ตามประสาผู้นำครอบครัวไทยตามขนบเดิม ซึ่งย่าก็ไม่ขัดข้องอะไร

เรายังมีน้องอีกคน ซึ่งก็ดูเหมือนพ่อรักมาก น้องชายเรา ก็คงเป็นแบบที่พ่อพยายามแสดงออกให้เห็นทั้งคำพูดและการกระทำว่า เรามันลูกแม่ น้องลูกพ่อ บางทีน้องชายเราอาจจะเป็นตัวแทนของอะไรสักอย่างที่พ่อขาดหายไปในชีวิต เรากับน้องในวัยเด็กมันก็กระทบกระทั่งตามประสาพี่น้อง ความอิจฉา ความเกลียด มันก็เคยมี แต่ลึกๆ เรารู้ว่าเรารักกัน แม้ว่าบางทีเราก็ไม่เข้าใจทำไมเราต้องตั้งแง่กับน้องอยากจะคุมอำนาจ บงการน้อง จนน้องชายก็ยอมรับว่า ทั้งที่รู้ว่าคำแนะนำของเราถูกแต่เขาไม่ชอบใจ และนั่นมันคงเป็นอคติ ซึ่งอาจจะมีที่มาเพราะเรามักไปแสดงออกกับน้องในท่าทีบ้าอำนาจ เป็นภาพสะท้อนจากปู่และพ่อ ก็น่าแปลกที่เราไม่ชอบพฤติกรรมของปู่กับพ่อแต่เรากลับกลายเป็นคนแบบนั้น แต่เรากับน้องโตขึ้นและเริ่มเปิดใจรับฟังกันอย่างมีเหตุผลทำความเข้าใจกันดีขึ้นเยอะ จนหลายครั้งที่น้องกลายเป็น "คนกลาง" ของหลายๆ ปัญหาในบ้านโดยเฉพาะ "เรื่องของพ่อ"

มาที่ต้นตอที่ปูมหลังอีกสักนิด
หลังจากปู่เสียชีวิตตอนเราอยู่มอปลาย ย่าเหลือพ่อเป็นลูกคนเดียว จากเมื่อก่อนพ่อกับปู่แม้จะเป็นคู่ตรงข้ามกัน แต่พ่อก็ยังเกรงใจปู่อยู่บ้าง ไม่มีปู่ พ่อเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เราคิดเอาเองว่า ชีวิตพ่อตอนเด็กๆ คงโดนปู่กวดขันมามาก แต่จริงๆ ปู่ฝากความหวังไว้กับพ่อมากกว่า เพราะอาที่เป็นน้องสาวพ่อเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 14 พ่อกับเราไม่ลงรอยกันหนักขึ้นมากหลังจากปู่เสียชีวิตไป และเช่นกันเราอาจจะเป็นภาพสะท้อนจอมบงการแบบปู่อย่างที่ย่าเคยบอก และไม่แปลกที่พ่อจะรู้สึกว่ายืนอยู่ตรงกันข้ามกับเรา หลายอย่างที่พ่อทำให้เรารู้สึกว่าถ้าปู่อยู่ ปู่ทำ คงทำได้ดีกว่าพ่อ

พ่อทำตัวเหมือนเด็กดื้อ จนกระทั่งเหมือนพวกวัยรุ่น ที่ชอบเรียกร้องความสนใจ โหยหาความรัก แต่ไม่รู้จะแสดงออกหรือทำอย่างไรกับคนที่รักเขา อย่าง ย่า ภรรยา และ ลูกๆ จนทำให้พ่อมีพฤติกรรมที่ฉันคิดว่า ตรงกันข้ามกับคำว่า "พ่อในอุดมคติ"

พ่อ เคยดื่มเหล้าจัด และทำลายข้าวของ ตั้งแต่รถยนต์พังยับไปหนึ่งคัน เพราะความเมาชนทะลุทะลาย จนซ่อมไม่ได้ ทีวี ตู้เย็น ประตู มือถือ ข้าวของทุกอย่างที่เมาแล้วทำเสียหายนับไม่ถ้วน เรากับน้องเห็นสภาพนี้มาตั้งแต่เด็ก และทุกครั้งแม่กํบย่าก็ให้อภัยและเป็นคนแก้ไขตามเช็ดตามล้างให้ ซึ่งหลายครั้งเราก็ต้องออกตัวไปจัดการเพราะพ่อแก้ไขด้วยตัวเองไม่จบ ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น และที่สำคัญเราไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยไปมากกว่านั้น

ปีที่ผ่านมาแม่บอกว่าพ่อเพลาเหล้าขึ้นมามาก เรากับน้องเรียนต่างจังหวัดเลยไม่ค่อยรู้เรื่องราวจนกว่าแม่จะบอกหรือกลับบ้าน
และไม่นานมานี้ คือ ต้นเดือนธันวา พ่อพังประตูห้อง ไปทั้งหมดสองบาน ในห้องน้ำ อีกสองบาน รวมเป็นสี่ เรากลับบ้านหลังปิดเทอมมาเห็นสภาพนั้นอึ้งมาก พังชนิดที่ตอนทำคงต้องใช้ค้อนปอนด์ทุบประตูไม้สักหนาๆ ที่เราตั้งใจไปหาซื้อมาอย่างดีเพื่อจะทำห้องให้แม่กับย่า มันทะลุเป็นรูทั้งบาน เหลือไว้แต่ซากโครงที่ยังพอเปิดเปิดได้

มันสุดจะทน ความโกรธ ความเกลียด ผิดหวัง เสียใจ มันถูกระบายออกมาผ่านแม่ ผ่านย่า แต่นั้นแหละ ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ควรที่ต้องเจออะไรแบบนี้ หรือมาทนฟังให้คนเป็นลูก เป็นหลานนั่งว่าให้พ่อแบบนี้ ซึ่งก็ได้ขอโทษแม่ในภายหลังแล้วว่าจริงๆ ควรจะให้กำลังใจแม่มากกว่า แต่เพราะรู้ว่าถ้าคุยกับพ่อ เราต้องได้ทะเลาะกันบ้านแตกอีกแน่นอน

สอบถามเรื่องราวจากแม่ แม่บอกว่า พ่อโมโหที่แม่ห้ามไม่ให้มาเอากุญแจรถ เพื่อไปเมาต่อกับเพื่อน และอาจจะเสียหน้าที่แม่ต่อว่าพ่อ ต่อหน้าลูกน้อง

แต่เราไม่คิดว่าพ่อจะมีสิทธิทำลายข้าวของแบบนี้ ซึ่งเดือนที่แล้ว พฤศจิกายน พ่อก็พังตู้เก็บเครื่องมือ เพราะแม่แค่บอกว่าให้เก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย พ่อไม่ฟังไม่ยอมรับ ตอนนั้นฉันทนฟังพ่อแก้ตัวไม่ไหว เลยไปสมทบย้ำให้พ่อเก็บของให้เข้าที่ และพ่อก็ทำตัวเหมือนเด็ก ไม่สนใจ ไม่เก็บ โมโห ที่เรากับแม่ว่าให้จนพังตู้ทั้งหลัง สุดท้ายย่าก็ต้องมาเก็บซาก เราทั้งโกรธพ่อ และไม่เข้าใจว่าย่าทำไมต้องตามใจ เราบอกให้ย่าหยุดตามใจพ่อ ย่าก็ไม่ทำ บอกแล้วว่า พ่อไม่โตสักทีก็เพราะแบบนี้ ต้องมีคนมีคอยแก้ปัญหาให้ สุดท้ายยังไง เราไม่อยากให้ย่าเหนื่อย เพราะของเครื่องมือมันหนัก เราต้องช่วยย่าเก็บ

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเราไม่คิดว่าพ่อจะทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก เพราะ วันที่ 5 ธันวา  เรารวบรวมสติ พิมพ์ข้อความในไลน์อธิบายเหตุผล คุยกับพ่อดีทุกอย่าง ให้พ่อรู้จักใช้เหตุผล มีสติ อย่าใช้อารมณ์นำหน้า บอกรักแก เข้าใจแก แต่แล้วยังไง ไม่ถึงเดือน วันที่ 10 ธันวา พังประตูไปอีกสี่บาน  เรากลับมาเห็นเตรียมประตูบานใหม่มาติดตั้ง แต่ก็ยังไม่ทำไม่แก้ไข จนเราทัก พ่อก็โมโห ทั้งที่เราไม่อยากแม้จะคุย จะรอให้น้องกลับมาคุย แต่ทนไม่ไหวเราพูดไปว่าทำไมไม่รู้จักซ่อมแซมให้ดีขึ้น มีแต่ทำลาย พ่อสวนกลับอย่างหยาบคาย ว่าเค้าไม่ทำ เค้าจะทำลาย เรามันคนทำให้ยิ้ม ไม่ใช่เค้า เราสวนกลับไปอย่างที่ถ้าพูดไป คำว่าลูกทรพีคงน้อยไป และคงพิมพ์ในนี้ไม่ได้ เรารู้ตัวดีเรื่องบาปบุญ ผลกรรม แต่ถ้าใครมาเจอพ่อแบบเรา เรายอมตกนรกขุมที่ 18 อย่างที่สวนกลับพ่อไป เพราะชีวิตจริงตอนนี้เราตกนรกมาเป็นยี่สิบกว่าปีแล้ว เราสงสารแม่ สงสารย่าที่จะต้องมาทนเจออะไรแบบนี้อีก

และสุดท้ายเป็นข้อความที่เราพิมพ์ในไลน์ ส่งให้คนในครอบครัวที่มีพ่อ แม่ และน้อง รวมอยู่มีข้อความว่า

"พ่อที่อ้างศาสนามากดขี่ลูกให้เชื่อเรื่องบาปบุญ แต่ตัวเองทำตัวตรงข้ามกับเกือบทุกคำสอนในศาสนาพุทธ มันจะอยู่กันได้อย่างไร มันถูกต้องสมควรแล้วหรือ ใครกันแน่ที่สมควรเข้าหาศาสนามากกว่ากัน

สำหรับฉันถ้าจะแช่งให้ฉันตกนรก ฉันบอกเลยฉันตกมา 28 ปี ตั้งแต่เกิดมาเจอพ่อแบบนี้ ฉันไม่กลัวการตกนรกอีกต่อไป แต่คนที่อยู่รอบข้างพ่อ
อย่างย่ากับแม่ฉันจะอยู่อย่างไรให้มีความสุข เขาจะต้องมาคอยผวาว่ามันจะทำห่าอะไรเสียหาย หรือ พูดอะไรกระทบจิตใจอีก

ฉันจะไม่ยอมให้พวกเขาตกนรกทั้งเป็นอีกต่อไปเพราะคนเส็งเคร็งที่อ้างกรรมดีกรรมชั่วแต่ตัวเองมือถือสากปากถือศีล ประพฤติชั่วช้าสร้างแต่ความเดือดร้อน ทำร้ายจิตใจคนในครอบครัว แก่มาจะ 58 ปี ยังไม่สำนึก ถ้าคุณไม่เคยเจอรู้ว่าพวกเราต้องทนกับคนประเภทบ้าอำนาจ จอมโวยวาย ไร้ความรับผิดชอบ งี่เง่า ไร้ความเป็นนำ เรียกร้องความสนใจ ปากหมา ดีแต่แถ ไม่สำนึก ไม่ยอมรับผิด ทำห่าอะไรไม่ได้ก็ทำลายไม่เคยคิดก่อนทำ สร้างแต่ความเสียหาย ใจร้อน บุ่มบ่าม ชอบทำลายข้าวของ ทำลายชีวิต ถ้าคุณไม่เคยเจอคนประเภทนี้ ขอให้หุบปาก ฉันเจอมา 28 ปี แล้วจะไม่ขอทนอีกต่อไป!"


ครั้งนี้เป็นการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวครั้งแรกในที่สาธารณะ อย่างน้อยเราก็ได้ระบายมันออกมาบ้าง  สำหรับคำตอบเราไม่ได้คาดหวังว่าจะมีสูตรสำเร็จ เพราะความคิดและประสบการณ์ในชีวิตของแต่ละคนนั้นแตกต่าง มันอยู่ที่ว่าเราจะจัดการกับเรื่องราวพวกนี้ได้อย่างไรบนเงื่อนไขของชีวิตที่มันยาก โดยเฉพาะ เรื่องของเราที่มันเกี่ยวข้องกับ คนที่เป็น "พ่อ"  และศีลธรรม ศาสนา ความดี ความชั่ว บุญ กรรม มันจัดการเรื่องพวกนี้ได้จริงหรือ ?

ขอบคุณทุกคนที่รับฟังจนกระทั่งอ่านมาถึงตรงนี้ เราขอให้ทุกคนมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข...
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เป็นกระทู้ยาวๆ ที่ผมอ่านได้จนจบ เพราะการเว้นวรรค การจัดย่อหน้า ขอบคุณครับ

ผมเคยต้องคลุกคลีกับ คนจำนวนมาก ผมเห็นมาเยอะนะ เลยอยากออกความเห็นนิด ในมุมมมองของผมเอง

คำว่าพ่อ หรือแม่ มันเป็นคำศักดิ์สิทธิ มันเป็นอะไรที่สูงส่ง ความหมาย ความรู้สึกมันสูงมาก จนเราละเลยความจริงเรื่องหนึ่ง
คือ คนที่มีตำแหน่งพ่อ หรือแม่ ก็คือคนธรรมดาทั่วไปที่เราเห็นในสังคม มีดี มีเลว บางคนเลวมาก บางคนเลวน้อย ก็เขาเป็นคนไงครับ
ผมเคยเห็น พ่อบางคน ตบตีเมีย บางรายล่วงเกินทางเพศกับลูกสาว มีเมียรอบสะเอว มันมีจริงครับ ไม่ใช่นิยาย ผมว่าโทษตายยังไม่พอพวกนี้
แต่ เมื่อสืบกันลึกจริงๆ ทุกคนมีที่มาที่ไป ทุกคนล้วนเคยถูกกระทำ ทำให้พฤติกรรม มันออกมาอย่างนั้น มันมีที่มา
บางคนก็ มีอาการป่วยทางจิต สารพัด ที่จะสร้างเรื่องราว

ตามที่คุณตะวันกับดวงดาว ในคคห.ที่1 ว่านั่นแหละครับ
ผลสุดท้ายจริงๆ ใครทำอย่างไรก็จะได้อย่างนั้นกับตัวเอง
ปลูกมะม่วง มันไม่ออกลูกเป็นมะละกอ แน่นอน
ผลลัพท์ มันจะออกมาช่วงบั้นปลายชีวิต ที่ตัวเองอ่อนแรงลง

พ่อแม่ ที่ลูกไม่เอาน่ะ ใครก็ด่า ก็ว่าลูก สืบย้อนไปเถอะ มันมีเรื่องราว ที่ทำให้เป็นอย่างนั้น
เมื่อปีที่แล้ว ผมเห็นครอบครัวหนึ่ง โดยบังเอืญ เป็นครอบครัวที่มีฐานะดีมาก
คยเป็นพ่อ มายืนอยู่หน้าตึกแถว ร้องไห้ ขอเข้าบ้าน คนเป็นลูกออกมาด่า ไล่ให้ไป ไม่ให้เข้าบ้าน
ผมรู้เรื่องราว ว่ามันมาจาก ตัวพ่อ หักหลังแม่เขา ไปมีเมียน้อย ทิ้งไปพร้อมทำเรื่องเจ็บแสบไว้ให้
ตัวแม่ เครียด ฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย ทิ้งความพิการบางอย่างไว้ ลูกเขาก็ทิ้งทุกอย่างมาอยู่กับแม่เขา
ไล่พ่อมัน อย่างกับหมา ผมว่าสมควรแล้ว ทำได้ถูกต้อง

ส่วนคุณจขกท.
มุมมองผมนะ อาจผิดก็ได้ ผมมองว่า คุณคิดแทนแม่ แทนย่า มากเกินไปหรือเปล่า ทำให้ต้องมาแบก
เรื่องราวมากมายมาไว้บนบ่า จนคุณก็เครียด และคุณต้องใช้ความก้าวร้าว ตอบโต้ ความก้าวร้าวของพ่อคุณ
บางทีผมไม่รู้ว่า คุณอาจกำลังทำสงคราม กับคนทีมีความผิดปกติทางจิตอยู่หรือเปล่า
เพราคนที่มีพฤติกรรม ตามที่คุณเล่า มันผิดปกตินะ เขาควบคุมอารมณ์เขาไม่ได้

คนจะแก้เรื่องนี้ได้ คุณต้องทิ้ง ความเครียดแค้น ชิงชัง ทิ้งคำว่าพ่อโยนมันไว้บนหิ้งก่อน
เหมือนกำลังแก้ปัญหา ญาติผู้ใหญ่ที่คุณรู้จัก ต้องใจนิ่งๆ สงบ มีสติ อย่างใช้อารมณ์เพียงอย่างเดียว
และให้ดีที่สุด ทำเป็นทีม อย่าเอาเหตุผล ผิด ถูก  วางแผนให้เป็น ตั้งเกมส์เล่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่