"โกลด์แมนแซกส์"ชี้น้ำมันแตะ20ดอลล์ กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก-พาณิชย์รับกระทบส่งออก
updated: 21 ธ.ค. 2558 เวลา 11:36:38 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"โกลด์ แมน แซกส์" ประเมินราคาน้ำมันดิบมีสิทธิ์ลงต่ำสุด 20 ดอลลาร์/บาร์เรล จากล่าสุดราคาต่ำกว่า 35 ดอลลาร์ กดดันตลาดหุ้นสหรัฐและเอเชียร่วงหนัก ฟากตลาดหุ้นไทย "ทรง ๆ ทรุดๆ" ถึงปีหน้า อธิบดีกรมส่งเสริมฯยอมรับกระทบตลาดส่งออกไทยยากขึ้น
เอเอฟพี รายงานราคาน้ำมันในตลาดโลก ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส สำหรับการซื้อขายช่วงเดือนมกราคม 2559 อยู่ที่ราว 34.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับซื้อขายช่วงเดือนกุมภาพันธ์ อยู่ที่ราว 37.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดย
"โกลด์แมน แซกส์" วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง และน่าจะลดลงต่ำสุดอยู่ที่ราว 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งอาจมีผลให้ผู้ผลิตหลายรายต้องออกจากตลาด ขณะที่เทรดิชั่น เอเนอร์จี เชื่อว่า ดัชนีราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส น่าจะคงที่อยู่ที่ประมาณ 32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปัจจัยหลักที่ราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องนั้นเป็นผล จากการประชุมกลุ่มโอเปก ครั้งล่าสุดที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นโต้โผใหญ่ ยืนยันว่าจะไม่ลดกำลังการผลิต ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ราว 32 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่สหรัฐก็เพิ่งยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันดิบในรอบ 40 ปี พร้อมกับแนวโน้มที่น้ำมันดิบจากอิหร่านจะเข้าสู่ตลาดโลกในช่วงปีหน้า ทำให้ซัพพลายน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
รายงานข่าวระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลง โดยมีแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กต่ำกว่าระดับ 35 เหรียญต่อบาร์เรล ทำให้ตลาดกังวลอาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียก็ร่วงสู่แดนลบเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ตลาดหุ้นนิกเคอิของญี่ปุ่นปรับตัวลง 0.4% ส่งผลให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นเตรียมดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ตลาดหุ้นไต้หวันปรับตัวลง 0.4%
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ต่ำกว่า 37 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบ หรืออุตสาหกรรมที่มีการใช้วัตถุดิบที่มาจากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป, เคมีภัณฑ์, เม็ดพลาสติก ก็จะลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาสินค้าเกษตรเกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน เช่น น้ำตาล, มันสำปะหลัง และยางพารา มีแนวโน้มราคาลดลง และยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงกำลังซื้อของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ซึ่งจะมีรายได้ลดลงด้วย
รายงานจากหน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จากสาเหตุสำคัญ 1) ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล 2) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลให้นักลงทุนลดการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบ และ 3) ตัวแทนกลุ่มโอเปกให้ความเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบจะถูกกดดันต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากซัพพลายจะปรับเพิ่มขึ้น หลังจากที่อิหร่านเตรียมความพร้อมที่จะส่งออกน้ำมันดิบจากการยกเลิกการคว่ำ บาตร
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากแรงขายในกลุ่มพลังงานและกลุ่มสื่อสาร จากที่มีการแข่งประมูลใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 900 MHz ดุเดือดจนมูลค่าประมูลสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด ซึ่งจนถึงสิ้นปีดัชนีน่าอยู่ในกรอบ 1,250-1,300 จุด หากมีการดีดตัวขึ้นไปแรง ๆ คงไม่เกินระดับ 1,340-1,360 จุด และคาดว่าช่วงต้นปีหน้า ดัชนีจะอยู่ในลักษณะอ่อนตัวหรือซึมลง เพราะมีแรงกดดันจากการคาดการณ์ผลดำเนินงานช่วงไตรมาส 4/2558 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมาไม่ดีนัก รวมถึงตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ สนับสนุนบรรยากาศการลงทุน แต่ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยสะสมหุ้น เพราะคาดว่าสิ้นปีหน้า ดัชนีจะไต่ขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,589 จุดได้
ฮาซิพี่น้อง น้ำม้นจะเหลือ 20
updated: 21 ธ.ค. 2558 เวลา 11:36:38 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"โกลด์ แมน แซกส์" ประเมินราคาน้ำมันดิบมีสิทธิ์ลงต่ำสุด 20 ดอลลาร์/บาร์เรล จากล่าสุดราคาต่ำกว่า 35 ดอลลาร์ กดดันตลาดหุ้นสหรัฐและเอเชียร่วงหนัก ฟากตลาดหุ้นไทย "ทรง ๆ ทรุดๆ" ถึงปีหน้า อธิบดีกรมส่งเสริมฯยอมรับกระทบตลาดส่งออกไทยยากขึ้น
เอเอฟพี รายงานราคาน้ำมันในตลาดโลก ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส สำหรับการซื้อขายช่วงเดือนมกราคม 2559 อยู่ที่ราว 34.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับซื้อขายช่วงเดือนกุมภาพันธ์ อยู่ที่ราว 37.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดย
"โกลด์แมน แซกส์" วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง และน่าจะลดลงต่ำสุดอยู่ที่ราว 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งอาจมีผลให้ผู้ผลิตหลายรายต้องออกจากตลาด ขณะที่เทรดิชั่น เอเนอร์จี เชื่อว่า ดัชนีราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส น่าจะคงที่อยู่ที่ประมาณ 32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปัจจัยหลักที่ราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่องนั้นเป็นผล จากการประชุมกลุ่มโอเปก ครั้งล่าสุดที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นโต้โผใหญ่ ยืนยันว่าจะไม่ลดกำลังการผลิต ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ราว 32 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่สหรัฐก็เพิ่งยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันดิบในรอบ 40 ปี พร้อมกับแนวโน้มที่น้ำมันดิบจากอิหร่านจะเข้าสู่ตลาดโลกในช่วงปีหน้า ทำให้ซัพพลายน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
รายงานข่าวระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับลง โดยมีแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กต่ำกว่าระดับ 35 เหรียญต่อบาร์เรล ทำให้ตลาดกังวลอาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียก็ร่วงสู่แดนลบเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ตลาดหุ้นนิกเคอิของญี่ปุ่นปรับตัวลง 0.4% ส่งผลให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นเตรียมดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ตลาดหุ้นไต้หวันปรับตัวลง 0.4%
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ต่ำกว่า 37 เหรียญ/บาร์เรล ส่งผลต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบ หรืออุตสาหกรรมที่มีการใช้วัตถุดิบที่มาจากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป, เคมีภัณฑ์, เม็ดพลาสติก ก็จะลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาสินค้าเกษตรเกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน เช่น น้ำตาล, มันสำปะหลัง และยางพารา มีแนวโน้มราคาลดลง และยังส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงกำลังซื้อของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ซึ่งจะมีรายได้ลดลงด้วย
รายงานจากหน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จากสาเหตุสำคัญ 1) ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล 2) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลให้นักลงทุนลดการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบ และ 3) ตัวแทนกลุ่มโอเปกให้ความเห็นว่า ราคาน้ำมันดิบจะถูกกดดันต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากซัพพลายจะปรับเพิ่มขึ้น หลังจากที่อิหร่านเตรียมความพร้อมที่จะส่งออกน้ำมันดิบจากการยกเลิกการคว่ำ บาตร
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากแรงขายในกลุ่มพลังงานและกลุ่มสื่อสาร จากที่มีการแข่งประมูลใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 900 MHz ดุเดือดจนมูลค่าประมูลสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด ซึ่งจนถึงสิ้นปีดัชนีน่าอยู่ในกรอบ 1,250-1,300 จุด หากมีการดีดตัวขึ้นไปแรง ๆ คงไม่เกินระดับ 1,340-1,360 จุด และคาดว่าช่วงต้นปีหน้า ดัชนีจะอยู่ในลักษณะอ่อนตัวหรือซึมลง เพราะมีแรงกดดันจากการคาดการณ์ผลดำเนินงานช่วงไตรมาส 4/2558 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมาไม่ดีนัก รวมถึงตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ สนับสนุนบรรยากาศการลงทุน แต่ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยสะสมหุ้น เพราะคาดว่าสิ้นปีหน้า ดัชนีจะไต่ขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,589 จุดได้