ไขคดีหัวใจ...ใต้มนต์จันทร์ ตอนที่ ๑๘ - ตอนที่ ๑๙

ตอนเก่า



ไขคดีหัวใจ...ใต้มนต์จันทร์


ตอนที่ 18


    ตลอดชีวิตยี่สิบแปดปีบนโลกใบนี้สอนให้เกวลินเรียนรู้ว่า ความรักเป็นสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อนเสมอ กว่าคนๆ หนึ่งจะเปิดใจรักใครสักคนได้นั้น...ไม่ง่าย ไม่นับว่าพอรักกันแล้วต้องคบหากันอย่างไรให้ราบรื่น...ยากยิ่งกว่า และสำคัญที่สุดคือจะรักษาความรักนั้นอย่างไรให้มั่นคงไปจนวันตาย...ยากที่สุด

    ตรงกันข้ามกับการนอกใจซึ่งเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายจากความมักง่ายที่แทบจะไม่ต้องใช้เวลา

    เมื่อบานประตูโรงแรมม่านรูดห้อง 103 ถูกเปิดออก เสียงร้องอุทานอย่างตกใจทั้งจากในห้องและนอกห้องก็ดังขึ้นพร้อมกัน เด็กหนุ่มพนักงานวิ่งหายออกไปพร้อมกับโทรศัพท์เรียกผู้จัดการ ขณะที่ผู้หมวดชงคมยืนค้างนิ่ง เกวลินเดินเข้าไปในห้องแล้วยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพอย่างคล่องแคล่ว สาวิตรีรีบวิ่งปรี่เขาไปซ่อนในห้องน้ำแล้วล็อคประตูด้วยความอับอาย ในขณะที่นายโกสินทร์กระวีกระวาดคว้าผ้ามาคลุมร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของตัวเอง

    “หมวดโชม... นี่มันอะไรกัน!”

    “คือ...คุณโกสินทร์...ผม...”

    “หยุดถ่ายเดี๋ยวนี้นะ”

    ท่ามกลางความอึดอัดงุนงงของนายโกสินทร์และผู้หมวดหนุ่ม เกวลินยังคงกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ เป็นเหตุให้นายโกสินทร์ถึงกับเลือดขึ้นหน้า พุ่งตรงเข้ามาหาหญิงสาวราวกับหมาป่าที่บ้าคลั่ง แต่ผู้หมวดชงคมพุ่งเข้าชาร์จไว้ได้ทันท่วงที

    “คุณโกสินทร์ ใจเย็นก่อน”

    “ปล่อยผมนะผู้หมวด นี่คิดจะแบล็คเมล์กันเหรอ”

    เกวลินหันไปปิดประตูห้องพร้อมกับกดล็อคอย่างเรียบร้อย ก่อนจะหันไปพูดแสดงความรับผิดชอบอย่างรวดเร็ว

    “เรื่องนี้ผู้หมวดไม่เกี่ยว ฉันทำของฉันเองคนเดียว”

    “แล้วเธอเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้”

    “ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่ขอบอกให้รู้ว่าฉันก็ไม่ได้มีเจตนาจะแบล็คเมล์คุณ”

    คำพูดของเกวลินทำให้นายโกสินทร์ที่กำลังโมโหจัดถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ในขณะที่ผู้หมวดชงคมก็มองหญิงสาวด้วยสายตาจับจ้องว่าตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ แต่ทันใดนั้น สาวิตรีกลับยื่นหน้าออกมาจากประตูห้องน้ำแล้วถามแทรกอย่างร้อนรน

    “คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน ทั้งๆ ที่ฉันพยายามจะทำให้คุณเข้าใจว่าเป็นแองจี้”

    “ฉันเกือบคิดว่าเป็นคุณแองจี้แล้วล่ะ ถ้าจู่ๆ คุณไม่พูดออกมาเองเรื่องสาเหตุที่ไม่ยอมไปงานแต่งของคุณชนมน” เกวลินหันไปตอบทันควัน “ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อน ถึงจะไม่ชอบเจ้าบ่าวแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องยอมลดอัตตาของตัวเองเพื่อให้เพื่อนมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น ประเด็นคือคุณไม่ได้เป็นห่วงเพื่อนหรอก แต่คุณอิจฉาเพื่อนต่างหาก...ใช่ไหมล่ะ”  

    “คุณลินครับ” ร้อยตำรวจโทชงคมเพิ่งนึกได้ว่าตนเผลอปล่อยเกียร์ว่างกับสถานการณ์ตรงหน้านี้นานเกินไปแล้ว หากทว่า เกวลินกลับไม่ยอมปล่อยจังหวะให้เขาแสดงบทบาทแต่อย่างใด หล่อนหันไปต่อว่าสาวิตรีด้วยอารมณ์ผิดหวัง

    “เอาจริงๆ ดูคุณเองก็เป็นผู้หญิงที่มีทัศนคติ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอที่ต้องลดตัวลงมาทำเรื่องบัดซบแบบนี้”

    “อย่ามาตัดสินฉันนะ” สาวิตรีกรีดร้องแก้ตัว “พอแก่ตัวไปคุณจะเข้าใจว่าไอ้ทัศนคติบ้าบอที่เราตั้งไว้ตอนสาวๆ มันไม่มีค่าอะไรเลย สุดท้ายมันก็ต้องพ่ายแพ้ความต้องการลึกๆ ในใจอยู่ดี คุณเองก็อาจจะเป็นอย่างฉันเข้าสักวัน”

    เหตุผลโง่ๆ ที่สาวิตรีใช้ปกป้องตัวเองทำให้เกวลินรู้สึกโมโหราวกับถูกจี้เข้าที่กลางใจ

    “ค่ะ! คนเราทำตามใจตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด แต่ปัญหาคือต่อหน้าฉันคุณวางท่าเหมือนตัวเองมีความคิด แต่ลับหลังทำอะไรที่สวนทางกับที่พูด ความปลิ้นปล้อนของคุณนี่เหนือชั้นยิ่งกว่ารางวัลทางการแสดงที่คุณเคยได้อีกนะ”

    “พอได้แล้วคุณลิน!” ร้อยตำรวจโทชงคมตัดสินใจใช้น้ำเสียงที่ดุดันที่สุดเท่าที่เคยทำมาในชีวิต ยิ่งมารวมเข้ากับแววตาเอาจริงเอาจังอย่างถึงที่สุดของเขา เกวลินจึงตระหนักได้ว่าหล่อนชักจะล้ำเส้นมากไปจึงหุบปากเสีย ณ เวลานั้นนายโกสินทร์โกรธจนหน้าแดง ขณะที่สาวิตรีปิดประตูขังตัวเองในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อหนีปัญหา

    “นี่ผู้หมวด ปล่อยผมได้ละ” พอเวลาผ่านไปสักพัก นายโกสินทร์ก็หันไปขอร้องผู้หมวดชงคมด้วยเสียงอ่อนๆ  “หรือจะให้ผมรายงานผู้บังคับบัญชาคุณ”

    ร้อยตำรวจโทชงคมมองหน้านายโกสินทร์ด้วยสายตาวัดใจ ตอนนั้นเกวลินเผลอลุ้นอยู่เหมือนกันว่าผู้หมวดหนุ่มจะทำอย่างไร แต่แล้วในที่สุด เขาก็ตัดสินใจปล่อยนายโกสินทร์ให้เป็นอิสระอยู่ดี นักสืบสาวบอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังผิดหวังอยู่หรือเปล่า แต่หล่อนจะไปหวังอะไรจากตำรวจอย่างเขาได้ล่ะ

    “คุณเป็นนักสืบงั้นเหรอ ไหนว่ามาซิ คุณต้องการอะไรจากผม” นักการเมืองหนุ่มใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

    เกวลินหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถาม “คุณฆ่าคุณชนมนหรือเปล่า”

    ร้อยตำรวจโทชงคมยกมือกุมขมับ ในขณะที่นายโกสินทร์อึ้งไปสักพักก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงคาดไม่ถึง

      “นี่คุณคิดว่าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับชนมนบ้าง ถึงได้เชื่อมโยงไปถึงขนาดนั้น”

    “ฉันรู้ว่าคุณกับคุณชนมนมีปัญหากัน คุณไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และตอนนี้ฉันก็มีหลักฐานแล้วว่าคุณนอกใจเธอ”

    “ใช่! ผมไม่ยอมให้เธอหย่าเพราะไม่อยากแบ่งสินสมรสให้เธอ และเธอก็อาจจะเกลียดผมในเรื่องนั้น แต่มันก็เป็นคนละเรื่องกับความตายของเธออยู่ดี” นายโกสินทร์ยักไหล่อย่างไม่แยแส วางท่าจองหองเหมือนตัวเองกำลังใส่สูท ทั้งๆ ที่เวลานี้มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวห่อร่างกายส่วนล่างไว้เท่านั้น

    “งั้นเดี๋ยวฉันปล่อยภาพอุจาดของคุณให้ว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต แล้วให้ประชาชนตัดสินเอาเองว่ามันเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่อง...ดีไหม”

    “แบบนี้แหละ เรียกแบล็คเมล์!” นายโกสินทร์ตวาดด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะหันไปพูดกับผู้หมวดชงคมที่ยืนนิ่งราวกับเป็นวอลเปเปอร์ด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “คุณเป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย คุณต้องทำอะไรสักอย่าง จะปล่อยให้คนเลวๆ อย่างยายนี่มาละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผมไม่ได้”

    “คุณเกวลินครับ ฟังผมนะ”  ร้อยตำรวจโทชงคมถอนใจเบาๆ อย่างยุ่งยากใจ “เรื่องการตายของคุณชนมนไม่เกี่ยวกับอะไรกับคุณโกสินทร์หรอก”

    “นี่ถามจริงเถอะผู้หมวด ตำรวจอย่างคุณมีหน้าที่ต้องคอยแก้ต่างให้คนแบบนี้ด้วยเหรอ”

    “ไม่ใช่หรอกครับ” ร้อยตำรวจโทชงคมหัวเสียเล็กน้อยกับการกล่าวหาของหล่อน “ประเด็นอยู่ที่ว่าขณะนี้ทางตำรวจมีข้อมูลที่คืบหน้าไปกว่านั้นแล้ว เพียงแต่ว่าเราจำเป็นต้องปกปิดไว้เพราะไม่อยากให้รูปคดีเสียหาย”

    “ข้อมูลอะไร ทำไมต้องปกปิด” แม้ว่าผู้หมวดชงคมอธิบายอย่างใจเย็น แต่ฉันก็ยังรู้สึกโมโหกับท่าทีของเขาอยู่ดี “แล้วทำไมฉันถึงต้องเชื่อข้อมูลที่คุณอ้างด้วยว่าผู้ชายปลิ้นปล้อนคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับการตายของเมียตัวเอง”

    “คุณจำเรื่องข้อความในโทรศัพท์ของชนมนได้ใช่ไหม” โดยไม่รอให้เกวลินตอบ ร้อยตำรวจโทชงคมพูดต่อทันที “ตอนนี้ทางตำรวจตรวจสอบได้แล้วว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ชนมนส่งข้อความไปให้ก่อนเสียชีวิต ถูกจดทะเบียนด้วยชื่อของคุณอรอุมา แต่หลังจากที่ชนมนเสียชีวิต เบอร์นี้ก็ถูกปิดไป และอาจเป็นไปได้ว่าเธอใช้อิทธิพลของพ่อที่เป็นนายทหารในการขอความช่วยเหลือจากบริษัทเครือข่ายในการปกปิดข้อมูล แต่ทางเราก็เพิ่งล้วงลูกออกมาได้”

    เกวลินอึ้งกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ

    “หมายความว่า...”

    “ในข้อความระบุว่าชนมนกำลังจะเดินทางไปหาคุณอรด้วยอารมณ์โมโห นั่นแสดงว่าคนสุดท้ายที่อาจจะอยู่กับชนมนก่อนตายก็คือคุณอรอุมา”

    “ตอนแรกที่ฉันไม่พูดก็เพราะไม่อยากเดือดร้อน” สาวิตรีตะโกนออกมาจากในห้องน้ำ “แต่ Belle คือฉายาที่ชนมนตั้งให้กับอร เพราะช่วงแรกๆ ที่อรถูกนายราพณ์มาตามจีบ ชนมนเห็นว่านายราพณ์ร่ำรวยแต่หน้าตาอัปลักษณ์ แม้ว่าตอนนั้นอรมันจะไม่สนใจหมอนั่นเลย แต่พวกเราก็ร้ายกาจใส่กันอย่างนี้แหละ ชนมนตั้งฉายาเพื่อล้อเลียนว่าสักวันอรจะต้องเสียท่าเจ้าชายอสูร”

    “หมายความว่าตอนนี้คุณอรอุมาก็เป็นชู้กับคุณด้วยเหมือนกันงั้นเหรอ” เกวลินปะติดปะต่อเรื่องราวแล้วหันไปถามนายโกสินทร์

    “ไม่ใช่” นักการเมืองหนุ่มใหญ่รีบปฏิเสธทันที “ตั้งแต่อรกับผมตัดขาดกัน อรไปแต่งกับไอ้ราพณ์ ส่วนผมแต่งกับชนมน จากนั้น เราสองคนไม่เคยติดต่อกันอีกเลย”

    “แต่ในข้อความที่ชนมนส่งหาคุณอรอุมามันเหมือนมีคำพูดที่แสดงอารมณ์หึงหวง”

    “ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่ที่แน่ๆ มันไม่เกี่ยวกับผม”

    “จริงหรือที่คุณไม่รู้” เกวลินถามออกไปอีกครั้ง ทำให้นายโกสินทร์ยิ่งรำคาญมากขึ้น ตวาดออกมาดังลั่น

    “ก็ไม่รู้จริงๆ แล้วจะให้ตอบว่าไงวะ”  

      เกวลินเงียบแล้วมองนักการเมืองหนุ่มใหญ่อย่างจับผิด คำพูดของเขามันขัดแย้งกับที่รัมภาบอกไว้อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนั้นยืนยันอย่างหนักแน่นว่าชนมนมีปัญหาอย่างรุนแรงกับนายโกสินทร์ ซึ่งเกวลินก็เชื่อไปแล้วอย่างสุดใจจนกระทั่งผลักดันให้หล่อนมายืนอยู่ในจุดนี้ แต่ในขณะนี้นายโกสินทร์กลับปฏิเสธว่าการตายของชนมนไม่เกี่ยวกับเขา แถมยังมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีก นักสืบสาวหันหน้ามองผู้หมวดหนุ่มราวกับต้องการคำยืนยัน ขณะที่ร้อยตำรวจโทชงคมตอบออกมาอย่างเป็นกลาง

    “ตอนนี้คุณอรอุมาอ้างว่ากำลังเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล แต่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทางตำรวจจะสอบสวนเธอ แล้วเราก็จะได้คำตอบ”

    แม้ไม่ได้พูดออกมา แต่สายตาของผู้หมวดหนุ่มสะท้อนออกมาชัดเจนว่าต้องการให้นักสืบสาวหยุด นายโกสินทร์อาศัยจังหวะที่เกวลินกำลังปะติดปะต่อเรื่องอย่างงุนงงพูดข่มขวัญขึ้นมาด้วยสำเนียงเหนือกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่