ตอนเก่า
ไขคดีหัวใจ...ใต้มนต์จันทร์
ตอนที่ 18
ตลอดชีวิตยี่สิบแปดปีบนโลกใบนี้สอนให้เกวลินเรียนรู้ว่า
ความรักเป็นสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อนเสมอ กว่าคนๆ หนึ่งจะเปิดใจรักใครสักคนได้นั้น...ไม่ง่าย ไม่นับว่าพอรักกันแล้วต้องคบหากันอย่างไรให้ราบรื่น...ยากยิ่งกว่า และสำคัญที่สุดคือจะรักษาความรักนั้นอย่างไรให้มั่นคงไปจนวันตาย...ยากที่สุด
ตรงกันข้ามกับการนอกใจซึ่งเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายจากความมักง่ายที่แทบจะไม่ต้องใช้เวลา
เมื่อบานประตูโรงแรมม่านรูดห้อง 103 ถูกเปิดออก เสียงร้องอุทานอย่างตกใจทั้งจากในห้องและนอกห้องก็ดังขึ้นพร้อมกัน เด็กหนุ่มพนักงานวิ่งหายออกไปพร้อมกับโทรศัพท์เรียกผู้จัดการ ขณะที่ผู้หมวดชงคมยืนค้างนิ่ง เกวลินเดินเข้าไปในห้องแล้วยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพอย่างคล่องแคล่ว สาวิตรีรีบวิ่งปรี่เขาไปซ่อนในห้องน้ำแล้วล็อคประตูด้วยความอับอาย ในขณะที่นายโกสินทร์กระวีกระวาดคว้าผ้ามาคลุมร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของตัวเอง
“หมวดโชม... นี่มันอะไรกัน!”
“คือ...คุณโกสินทร์...ผม...”
“หยุดถ่ายเดี๋ยวนี้นะ”
ท่ามกลางความอึดอัดงุนงงของนายโกสินทร์และผู้หมวดหนุ่ม เกวลินยังคงกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ เป็นเหตุให้นายโกสินทร์ถึงกับเลือดขึ้นหน้า พุ่งตรงเข้ามาหาหญิงสาวราวกับหมาป่าที่บ้าคลั่ง แต่ผู้หมวดชงคมพุ่งเข้าชาร์จไว้ได้ทันท่วงที
“คุณโกสินทร์ ใจเย็นก่อน”
“ปล่อยผมนะผู้หมวด นี่คิดจะแบล็คเมล์กันเหรอ”
เกวลินหันไปปิดประตูห้องพร้อมกับกดล็อคอย่างเรียบร้อย ก่อนจะหันไปพูดแสดงความรับผิดชอบอย่างรวดเร็ว
“เรื่องนี้ผู้หมวดไม่เกี่ยว ฉันทำของฉันเองคนเดียว”
“แล้วเธอเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้”
“ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่ขอบอกให้รู้ว่าฉันก็ไม่ได้มีเจตนาจะแบล็คเมล์คุณ”
คำพูดของเกวลินทำให้นายโกสินทร์ที่กำลังโมโหจัดถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ในขณะที่ผู้หมวดชงคมก็มองหญิงสาวด้วยสายตาจับจ้องว่าตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ แต่ทันใดนั้น สาวิตรีกลับยื่นหน้าออกมาจากประตูห้องน้ำแล้วถามแทรกอย่างร้อนรน
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน ทั้งๆ ที่ฉันพยายามจะทำให้คุณเข้าใจว่าเป็นแองจี้”
“ฉันเกือบคิดว่าเป็นคุณแองจี้แล้วล่ะ ถ้าจู่ๆ คุณไม่พูดออกมาเองเรื่องสาเหตุที่ไม่ยอมไปงานแต่งของคุณชนมน” เกวลินหันไปตอบทันควัน “ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อน ถึงจะไม่ชอบเจ้าบ่าวแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องยอมลดอัตตาของตัวเองเพื่อให้เพื่อนมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น ประเด็นคือคุณไม่ได้เป็นห่วงเพื่อนหรอก แต่คุณอิจฉาเพื่อนต่างหาก...ใช่ไหมล่ะ”
“คุณลินครับ” ร้อยตำรวจโทชงคมเพิ่งนึกได้ว่าตนเผลอปล่อยเกียร์ว่างกับสถานการณ์ตรงหน้านี้นานเกินไปแล้ว หากทว่า เกวลินกลับไม่ยอมปล่อยจังหวะให้เขาแสดงบทบาทแต่อย่างใด หล่อนหันไปต่อว่าสาวิตรีด้วยอารมณ์ผิดหวัง
“เอาจริงๆ ดูคุณเองก็เป็นผู้หญิงที่มีทัศนคติ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอที่ต้องลดตัวลงมาทำเรื่องบัดซบแบบนี้”
“อย่ามาตัดสินฉันนะ” สาวิตรีกรีดร้องแก้ตัว “พอแก่ตัวไปคุณจะเข้าใจว่าไอ้ทัศนคติบ้าบอที่เราตั้งไว้ตอนสาวๆ มันไม่มีค่าอะไรเลย สุดท้ายมันก็ต้องพ่ายแพ้ความต้องการลึกๆ ในใจอยู่ดี คุณเองก็อาจจะเป็นอย่างฉันเข้าสักวัน”
เหตุผลโง่ๆ ที่สาวิตรีใช้ปกป้องตัวเองทำให้เกวลินรู้สึกโมโหราวกับถูกจี้เข้าที่กลางใจ
“ค่ะ! คนเราทำตามใจตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด แต่ปัญหาคือต่อหน้าฉันคุณวางท่าเหมือนตัวเองมีความคิด แต่ลับหลังทำอะไรที่สวนทางกับที่พูด ความปลิ้นปล้อนของคุณนี่เหนือชั้นยิ่งกว่ารางวัลทางการแสดงที่คุณเคยได้อีกนะ”
“พอได้แล้วคุณลิน!” ร้อยตำรวจโทชงคมตัดสินใจใช้น้ำเสียงที่ดุดันที่สุดเท่าที่เคยทำมาในชีวิต ยิ่งมารวมเข้ากับแววตาเอาจริงเอาจังอย่างถึงที่สุดของเขา เกวลินจึงตระหนักได้ว่าหล่อนชักจะล้ำเส้นมากไปจึงหุบปากเสีย ณ เวลานั้นนายโกสินทร์โกรธจนหน้าแดง ขณะที่สาวิตรีปิดประตูขังตัวเองในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อหนีปัญหา
“นี่ผู้หมวด ปล่อยผมได้ละ” พอเวลาผ่านไปสักพัก นายโกสินทร์ก็หันไปขอร้องผู้หมวดชงคมด้วยเสียงอ่อนๆ “หรือจะให้ผมรายงานผู้บังคับบัญชาคุณ”
ร้อยตำรวจโทชงคมมองหน้านายโกสินทร์ด้วยสายตาวัดใจ ตอนนั้นเกวลินเผลอลุ้นอยู่เหมือนกันว่าผู้หมวดหนุ่มจะทำอย่างไร แต่แล้วในที่สุด เขาก็ตัดสินใจปล่อยนายโกสินทร์ให้เป็นอิสระอยู่ดี นักสืบสาวบอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังผิดหวังอยู่หรือเปล่า แต่หล่อนจะไปหวังอะไรจากตำรวจอย่างเขาได้ล่ะ
“คุณเป็นนักสืบงั้นเหรอ ไหนว่ามาซิ คุณต้องการอะไรจากผม” นักการเมืองหนุ่มใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เกวลินหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถาม “คุณฆ่าคุณชนมนหรือเปล่า”
ร้อยตำรวจโทชงคมยกมือกุมขมับ ในขณะที่นายโกสินทร์อึ้งไปสักพักก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงคาดไม่ถึง
“นี่คุณคิดว่าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับชนมนบ้าง ถึงได้เชื่อมโยงไปถึงขนาดนั้น”
“ฉันรู้ว่าคุณกับคุณชนมนมีปัญหากัน คุณไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และตอนนี้ฉันก็มีหลักฐานแล้วว่าคุณนอกใจเธอ”
“ใช่! ผมไม่ยอมให้เธอหย่าเพราะไม่อยากแบ่งสินสมรสให้เธอ และเธอก็อาจจะเกลียดผมในเรื่องนั้น แต่มันก็เป็นคนละเรื่องกับความตายของเธออยู่ดี” นายโกสินทร์ยักไหล่อย่างไม่แยแส วางท่าจองหองเหมือนตัวเองกำลังใส่สูท ทั้งๆ ที่เวลานี้มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวห่อร่างกายส่วนล่างไว้เท่านั้น
“งั้นเดี๋ยวฉันปล่อยภาพอุจาดของคุณให้ว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต แล้วให้ประชาชนตัดสินเอาเองว่ามันเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่อง...ดีไหม”
“แบบนี้แหละ เรียกแบล็คเมล์!” นายโกสินทร์ตวาดด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะหันไปพูดกับผู้หมวดชงคมที่ยืนนิ่งราวกับเป็นวอลเปเปอร์ด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “คุณเป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย คุณต้องทำอะไรสักอย่าง จะปล่อยให้คนเลวๆ อย่างยายนี่มาละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผมไม่ได้”
“คุณเกวลินครับ ฟังผมนะ” ร้อยตำรวจโทชงคมถอนใจเบาๆ อย่างยุ่งยากใจ “เรื่องการตายของคุณชนมนไม่เกี่ยวกับอะไรกับคุณโกสินทร์หรอก”
“นี่ถามจริงเถอะผู้หมวด ตำรวจอย่างคุณมีหน้าที่ต้องคอยแก้ต่างให้คนแบบนี้ด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกครับ” ร้อยตำรวจโทชงคมหัวเสียเล็กน้อยกับการกล่าวหาของหล่อน “ประเด็นอยู่ที่ว่าขณะนี้ทางตำรวจมีข้อมูลที่คืบหน้าไปกว่านั้นแล้ว เพียงแต่ว่าเราจำเป็นต้องปกปิดไว้เพราะไม่อยากให้รูปคดีเสียหาย”
“ข้อมูลอะไร ทำไมต้องปกปิด” แม้ว่าผู้หมวดชงคมอธิบายอย่างใจเย็น แต่ฉันก็ยังรู้สึกโมโหกับท่าทีของเขาอยู่ดี “แล้วทำไมฉันถึงต้องเชื่อข้อมูลที่คุณอ้างด้วยว่าผู้ชายปลิ้นปล้อนคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับการตายของเมียตัวเอง”
“คุณจำเรื่องข้อความในโทรศัพท์ของชนมนได้ใช่ไหม” โดยไม่รอให้เกวลินตอบ ร้อยตำรวจโทชงคมพูดต่อทันที “ตอนนี้ทางตำรวจตรวจสอบได้แล้วว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ชนมนส่งข้อความไปให้ก่อนเสียชีวิต ถูกจดทะเบียนด้วยชื่อของคุณอรอุมา แต่หลังจากที่ชนมนเสียชีวิต เบอร์นี้ก็ถูกปิดไป และอาจเป็นไปได้ว่าเธอใช้อิทธิพลของพ่อที่เป็นนายทหารในการขอความช่วยเหลือจากบริษัทเครือข่ายในการปกปิดข้อมูล แต่ทางเราก็เพิ่งล้วงลูกออกมาได้”
เกวลินอึ้งกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ
“หมายความว่า...”
“ในข้อความระบุว่าชนมนกำลังจะเดินทางไปหาคุณอรด้วยอารมณ์โมโห นั่นแสดงว่าคนสุดท้ายที่อาจจะอยู่กับชนมนก่อนตายก็คือคุณอรอุมา”
“ตอนแรกที่ฉันไม่พูดก็เพราะไม่อยากเดือดร้อน” สาวิตรีตะโกนออกมาจากในห้องน้ำ “แต่ Belle คือฉายาที่ชนมนตั้งให้กับอร เพราะช่วงแรกๆ ที่อรถูกนายราพณ์มาตามจีบ ชนมนเห็นว่านายราพณ์ร่ำรวยแต่หน้าตาอัปลักษณ์ แม้ว่าตอนนั้นอรมันจะไม่สนใจหมอนั่นเลย แต่พวกเราก็ร้ายกาจใส่กันอย่างนี้แหละ ชนมนตั้งฉายาเพื่อล้อเลียนว่าสักวันอรจะต้องเสียท่าเจ้าชายอสูร”
“หมายความว่าตอนนี้คุณอรอุมาก็เป็นชู้กับคุณด้วยเหมือนกันงั้นเหรอ” เกวลินปะติดปะต่อเรื่องราวแล้วหันไปถามนายโกสินทร์
“ไม่ใช่” นักการเมืองหนุ่มใหญ่รีบปฏิเสธทันที “ตั้งแต่อรกับผมตัดขาดกัน อรไปแต่งกับไอ้ราพณ์ ส่วนผมแต่งกับชนมน จากนั้น เราสองคนไม่เคยติดต่อกันอีกเลย”
“แต่ในข้อความที่ชนมนส่งหาคุณอรอุมามันเหมือนมีคำพูดที่แสดงอารมณ์หึงหวง”
“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่ที่แน่ๆ มันไม่เกี่ยวกับผม”
“จริงหรือที่คุณไม่รู้” เกวลินถามออกไปอีกครั้ง ทำให้นายโกสินทร์ยิ่งรำคาญมากขึ้น ตวาดออกมาดังลั่น
“ก็ไม่รู้จริงๆ แล้วจะให้ตอบว่าไงวะ”
เกวลินเงียบแล้วมองนักการเมืองหนุ่มใหญ่อย่างจับผิด คำพูดของเขามันขัดแย้งกับที่รัมภาบอกไว้อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนั้นยืนยันอย่างหนักแน่นว่าชนมนมีปัญหาอย่างรุนแรงกับนายโกสินทร์ ซึ่งเกวลินก็เชื่อไปแล้วอย่างสุดใจจนกระทั่งผลักดันให้หล่อนมายืนอยู่ในจุดนี้ แต่ในขณะนี้นายโกสินทร์กลับปฏิเสธว่าการตายของชนมนไม่เกี่ยวกับเขา แถมยังมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีก นักสืบสาวหันหน้ามองผู้หมวดหนุ่มราวกับต้องการคำยืนยัน ขณะที่ร้อยตำรวจโทชงคมตอบออกมาอย่างเป็นกลาง
“ตอนนี้คุณอรอุมาอ้างว่ากำลังเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล แต่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทางตำรวจจะสอบสวนเธอ แล้วเราก็จะได้คำตอบ”
แม้ไม่ได้พูดออกมา แต่สายตาของผู้หมวดหนุ่มสะท้อนออกมาชัดเจนว่าต้องการให้นักสืบสาวหยุด นายโกสินทร์อาศัยจังหวะที่เกวลินกำลังปะติดปะต่อเรื่องอย่างงุนงงพูดข่มขวัญขึ้นมาด้วยสำเนียงเหนือกว่า
ไขคดีหัวใจ...ใต้มนต์จันทร์ ตอนที่ ๑๘ - ตอนที่ ๑๙
ตลอดชีวิตยี่สิบแปดปีบนโลกใบนี้สอนให้เกวลินเรียนรู้ว่า ความรักเป็นสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อนเสมอ กว่าคนๆ หนึ่งจะเปิดใจรักใครสักคนได้นั้น...ไม่ง่าย ไม่นับว่าพอรักกันแล้วต้องคบหากันอย่างไรให้ราบรื่น...ยากยิ่งกว่า และสำคัญที่สุดคือจะรักษาความรักนั้นอย่างไรให้มั่นคงไปจนวันตาย...ยากที่สุด
ตรงกันข้ามกับการนอกใจซึ่งเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายจากความมักง่ายที่แทบจะไม่ต้องใช้เวลา
เมื่อบานประตูโรงแรมม่านรูดห้อง 103 ถูกเปิดออก เสียงร้องอุทานอย่างตกใจทั้งจากในห้องและนอกห้องก็ดังขึ้นพร้อมกัน เด็กหนุ่มพนักงานวิ่งหายออกไปพร้อมกับโทรศัพท์เรียกผู้จัดการ ขณะที่ผู้หมวดชงคมยืนค้างนิ่ง เกวลินเดินเข้าไปในห้องแล้วยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพอย่างคล่องแคล่ว สาวิตรีรีบวิ่งปรี่เขาไปซ่อนในห้องน้ำแล้วล็อคประตูด้วยความอับอาย ในขณะที่นายโกสินทร์กระวีกระวาดคว้าผ้ามาคลุมร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของตัวเอง
“หมวดโชม... นี่มันอะไรกัน!”
“คือ...คุณโกสินทร์...ผม...”
“หยุดถ่ายเดี๋ยวนี้นะ”
ท่ามกลางความอึดอัดงุนงงของนายโกสินทร์และผู้หมวดหนุ่ม เกวลินยังคงกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ เป็นเหตุให้นายโกสินทร์ถึงกับเลือดขึ้นหน้า พุ่งตรงเข้ามาหาหญิงสาวราวกับหมาป่าที่บ้าคลั่ง แต่ผู้หมวดชงคมพุ่งเข้าชาร์จไว้ได้ทันท่วงที
“คุณโกสินทร์ ใจเย็นก่อน”
“ปล่อยผมนะผู้หมวด นี่คิดจะแบล็คเมล์กันเหรอ”
เกวลินหันไปปิดประตูห้องพร้อมกับกดล็อคอย่างเรียบร้อย ก่อนจะหันไปพูดแสดงความรับผิดชอบอย่างรวดเร็ว
“เรื่องนี้ผู้หมวดไม่เกี่ยว ฉันทำของฉันเองคนเดียว”
“แล้วเธอเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้”
“ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่ขอบอกให้รู้ว่าฉันก็ไม่ได้มีเจตนาจะแบล็คเมล์คุณ”
คำพูดของเกวลินทำให้นายโกสินทร์ที่กำลังโมโหจัดถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ในขณะที่ผู้หมวดชงคมก็มองหญิงสาวด้วยสายตาจับจ้องว่าตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ แต่ทันใดนั้น สาวิตรีกลับยื่นหน้าออกมาจากประตูห้องน้ำแล้วถามแทรกอย่างร้อนรน
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน ทั้งๆ ที่ฉันพยายามจะทำให้คุณเข้าใจว่าเป็นแองจี้”
“ฉันเกือบคิดว่าเป็นคุณแองจี้แล้วล่ะ ถ้าจู่ๆ คุณไม่พูดออกมาเองเรื่องสาเหตุที่ไม่ยอมไปงานแต่งของคุณชนมน” เกวลินหันไปตอบทันควัน “ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อน ถึงจะไม่ชอบเจ้าบ่าวแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องยอมลดอัตตาของตัวเองเพื่อให้เพื่อนมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น ประเด็นคือคุณไม่ได้เป็นห่วงเพื่อนหรอก แต่คุณอิจฉาเพื่อนต่างหาก...ใช่ไหมล่ะ”
“คุณลินครับ” ร้อยตำรวจโทชงคมเพิ่งนึกได้ว่าตนเผลอปล่อยเกียร์ว่างกับสถานการณ์ตรงหน้านี้นานเกินไปแล้ว หากทว่า เกวลินกลับไม่ยอมปล่อยจังหวะให้เขาแสดงบทบาทแต่อย่างใด หล่อนหันไปต่อว่าสาวิตรีด้วยอารมณ์ผิดหวัง
“เอาจริงๆ ดูคุณเองก็เป็นผู้หญิงที่มีทัศนคติ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอที่ต้องลดตัวลงมาทำเรื่องบัดซบแบบนี้”
“อย่ามาตัดสินฉันนะ” สาวิตรีกรีดร้องแก้ตัว “พอแก่ตัวไปคุณจะเข้าใจว่าไอ้ทัศนคติบ้าบอที่เราตั้งไว้ตอนสาวๆ มันไม่มีค่าอะไรเลย สุดท้ายมันก็ต้องพ่ายแพ้ความต้องการลึกๆ ในใจอยู่ดี คุณเองก็อาจจะเป็นอย่างฉันเข้าสักวัน”
เหตุผลโง่ๆ ที่สาวิตรีใช้ปกป้องตัวเองทำให้เกวลินรู้สึกโมโหราวกับถูกจี้เข้าที่กลางใจ
“ค่ะ! คนเราทำตามใจตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด แต่ปัญหาคือต่อหน้าฉันคุณวางท่าเหมือนตัวเองมีความคิด แต่ลับหลังทำอะไรที่สวนทางกับที่พูด ความปลิ้นปล้อนของคุณนี่เหนือชั้นยิ่งกว่ารางวัลทางการแสดงที่คุณเคยได้อีกนะ”
“พอได้แล้วคุณลิน!” ร้อยตำรวจโทชงคมตัดสินใจใช้น้ำเสียงที่ดุดันที่สุดเท่าที่เคยทำมาในชีวิต ยิ่งมารวมเข้ากับแววตาเอาจริงเอาจังอย่างถึงที่สุดของเขา เกวลินจึงตระหนักได้ว่าหล่อนชักจะล้ำเส้นมากไปจึงหุบปากเสีย ณ เวลานั้นนายโกสินทร์โกรธจนหน้าแดง ขณะที่สาวิตรีปิดประตูขังตัวเองในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อหนีปัญหา
“นี่ผู้หมวด ปล่อยผมได้ละ” พอเวลาผ่านไปสักพัก นายโกสินทร์ก็หันไปขอร้องผู้หมวดชงคมด้วยเสียงอ่อนๆ “หรือจะให้ผมรายงานผู้บังคับบัญชาคุณ”
ร้อยตำรวจโทชงคมมองหน้านายโกสินทร์ด้วยสายตาวัดใจ ตอนนั้นเกวลินเผลอลุ้นอยู่เหมือนกันว่าผู้หมวดหนุ่มจะทำอย่างไร แต่แล้วในที่สุด เขาก็ตัดสินใจปล่อยนายโกสินทร์ให้เป็นอิสระอยู่ดี นักสืบสาวบอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังผิดหวังอยู่หรือเปล่า แต่หล่อนจะไปหวังอะไรจากตำรวจอย่างเขาได้ล่ะ
“คุณเป็นนักสืบงั้นเหรอ ไหนว่ามาซิ คุณต้องการอะไรจากผม” นักการเมืองหนุ่มใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เกวลินหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถาม “คุณฆ่าคุณชนมนหรือเปล่า”
ร้อยตำรวจโทชงคมยกมือกุมขมับ ในขณะที่นายโกสินทร์อึ้งไปสักพักก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงคาดไม่ถึง
“นี่คุณคิดว่าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับชนมนบ้าง ถึงได้เชื่อมโยงไปถึงขนาดนั้น”
“ฉันรู้ว่าคุณกับคุณชนมนมีปัญหากัน คุณไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และตอนนี้ฉันก็มีหลักฐานแล้วว่าคุณนอกใจเธอ”
“ใช่! ผมไม่ยอมให้เธอหย่าเพราะไม่อยากแบ่งสินสมรสให้เธอ และเธอก็อาจจะเกลียดผมในเรื่องนั้น แต่มันก็เป็นคนละเรื่องกับความตายของเธออยู่ดี” นายโกสินทร์ยักไหล่อย่างไม่แยแส วางท่าจองหองเหมือนตัวเองกำลังใส่สูท ทั้งๆ ที่เวลานี้มีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวห่อร่างกายส่วนล่างไว้เท่านั้น
“งั้นเดี๋ยวฉันปล่อยภาพอุจาดของคุณให้ว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต แล้วให้ประชาชนตัดสินเอาเองว่ามันเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่อง...ดีไหม”
“แบบนี้แหละ เรียกแบล็คเมล์!” นายโกสินทร์ตวาดด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะหันไปพูดกับผู้หมวดชงคมที่ยืนนิ่งราวกับเป็นวอลเปเปอร์ด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “คุณเป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย คุณต้องทำอะไรสักอย่าง จะปล่อยให้คนเลวๆ อย่างยายนี่มาละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผมไม่ได้”
“คุณเกวลินครับ ฟังผมนะ” ร้อยตำรวจโทชงคมถอนใจเบาๆ อย่างยุ่งยากใจ “เรื่องการตายของคุณชนมนไม่เกี่ยวกับอะไรกับคุณโกสินทร์หรอก”
“นี่ถามจริงเถอะผู้หมวด ตำรวจอย่างคุณมีหน้าที่ต้องคอยแก้ต่างให้คนแบบนี้ด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกครับ” ร้อยตำรวจโทชงคมหัวเสียเล็กน้อยกับการกล่าวหาของหล่อน “ประเด็นอยู่ที่ว่าขณะนี้ทางตำรวจมีข้อมูลที่คืบหน้าไปกว่านั้นแล้ว เพียงแต่ว่าเราจำเป็นต้องปกปิดไว้เพราะไม่อยากให้รูปคดีเสียหาย”
“ข้อมูลอะไร ทำไมต้องปกปิด” แม้ว่าผู้หมวดชงคมอธิบายอย่างใจเย็น แต่ฉันก็ยังรู้สึกโมโหกับท่าทีของเขาอยู่ดี “แล้วทำไมฉันถึงต้องเชื่อข้อมูลที่คุณอ้างด้วยว่าผู้ชายปลิ้นปล้อนคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับการตายของเมียตัวเอง”
“คุณจำเรื่องข้อความในโทรศัพท์ของชนมนได้ใช่ไหม” โดยไม่รอให้เกวลินตอบ ร้อยตำรวจโทชงคมพูดต่อทันที “ตอนนี้ทางตำรวจตรวจสอบได้แล้วว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ชนมนส่งข้อความไปให้ก่อนเสียชีวิต ถูกจดทะเบียนด้วยชื่อของคุณอรอุมา แต่หลังจากที่ชนมนเสียชีวิต เบอร์นี้ก็ถูกปิดไป และอาจเป็นไปได้ว่าเธอใช้อิทธิพลของพ่อที่เป็นนายทหารในการขอความช่วยเหลือจากบริษัทเครือข่ายในการปกปิดข้อมูล แต่ทางเราก็เพิ่งล้วงลูกออกมาได้”
เกวลินอึ้งกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ
“หมายความว่า...”
“ในข้อความระบุว่าชนมนกำลังจะเดินทางไปหาคุณอรด้วยอารมณ์โมโห นั่นแสดงว่าคนสุดท้ายที่อาจจะอยู่กับชนมนก่อนตายก็คือคุณอรอุมา”
“ตอนแรกที่ฉันไม่พูดก็เพราะไม่อยากเดือดร้อน” สาวิตรีตะโกนออกมาจากในห้องน้ำ “แต่ Belle คือฉายาที่ชนมนตั้งให้กับอร เพราะช่วงแรกๆ ที่อรถูกนายราพณ์มาตามจีบ ชนมนเห็นว่านายราพณ์ร่ำรวยแต่หน้าตาอัปลักษณ์ แม้ว่าตอนนั้นอรมันจะไม่สนใจหมอนั่นเลย แต่พวกเราก็ร้ายกาจใส่กันอย่างนี้แหละ ชนมนตั้งฉายาเพื่อล้อเลียนว่าสักวันอรจะต้องเสียท่าเจ้าชายอสูร”
“หมายความว่าตอนนี้คุณอรอุมาก็เป็นชู้กับคุณด้วยเหมือนกันงั้นเหรอ” เกวลินปะติดปะต่อเรื่องราวแล้วหันไปถามนายโกสินทร์
“ไม่ใช่” นักการเมืองหนุ่มใหญ่รีบปฏิเสธทันที “ตั้งแต่อรกับผมตัดขาดกัน อรไปแต่งกับไอ้ราพณ์ ส่วนผมแต่งกับชนมน จากนั้น เราสองคนไม่เคยติดต่อกันอีกเลย”
“แต่ในข้อความที่ชนมนส่งหาคุณอรอุมามันเหมือนมีคำพูดที่แสดงอารมณ์หึงหวง”
“ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่ที่แน่ๆ มันไม่เกี่ยวกับผม”
“จริงหรือที่คุณไม่รู้” เกวลินถามออกไปอีกครั้ง ทำให้นายโกสินทร์ยิ่งรำคาญมากขึ้น ตวาดออกมาดังลั่น
“ก็ไม่รู้จริงๆ แล้วจะให้ตอบว่าไงวะ”
เกวลินเงียบแล้วมองนักการเมืองหนุ่มใหญ่อย่างจับผิด คำพูดของเขามันขัดแย้งกับที่รัมภาบอกไว้อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนั้นยืนยันอย่างหนักแน่นว่าชนมนมีปัญหาอย่างรุนแรงกับนายโกสินทร์ ซึ่งเกวลินก็เชื่อไปแล้วอย่างสุดใจจนกระทั่งผลักดันให้หล่อนมายืนอยู่ในจุดนี้ แต่ในขณะนี้นายโกสินทร์กลับปฏิเสธว่าการตายของชนมนไม่เกี่ยวกับเขา แถมยังมีตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีก นักสืบสาวหันหน้ามองผู้หมวดหนุ่มราวกับต้องการคำยืนยัน ขณะที่ร้อยตำรวจโทชงคมตอบออกมาอย่างเป็นกลาง
“ตอนนี้คุณอรอุมาอ้างว่ากำลังเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาล แต่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทางตำรวจจะสอบสวนเธอ แล้วเราก็จะได้คำตอบ”
แม้ไม่ได้พูดออกมา แต่สายตาของผู้หมวดหนุ่มสะท้อนออกมาชัดเจนว่าต้องการให้นักสืบสาวหยุด นายโกสินทร์อาศัยจังหวะที่เกวลินกำลังปะติดปะต่อเรื่องอย่างงุนงงพูดข่มขวัญขึ้นมาด้วยสำเนียงเหนือกว่า