เริ่มเรื่องมาตอนเช้าที่ค่ายฝึกของห้อง 1B ซึ่งก็ดูสโลเสลกันไปตามสภาพ
อ.ประจำชั้นห้อง B "Blood Hero : Brad King" อธิบายเนื้อหาของการฝึกเพิ่มประสิทธิภาพของอัตลักษณ์ให้บรรดาเด็กห้อง B ฟัง
เช่นเดียวกับเวลาที่ใช้งานกล้ามเนื้อหนักๆเข้า กล้ามเนื้อก็จะแข็งแรงขึ้น และแน่นหนาขึ้น อัตลักษณ์นั้นยิ่งใช้งานมากก็จะยิ่งทรงพลังขึ้น แต่ถ้าไม่ยอมใช้งานเลยมันก็จะอ่อนพลังลง
ดังนั้นการฝึกฝนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอัตลักษณ์ก็คือการผลักดันอัตลักษณ์ของแต่ละคนจนถึงขีดสุด!!
ราวกับภาพของนรก...บรรดาเด็กห้อง 1-A ต่างก็ใช้งานอัตลักษณ์ของตนอย่างหนักหน่วงเพื่อเพิ่มขีดจำกัดของตนให้สูงขึ้น!
พวกที่อัตลักษณ์มีขีดจำกัดในการใช้งานก็ต้องใช้งานอัตลักษณ์ของตนเพื่อเพิ่มขีดจำกัดนั้นให้สูงขึ้นกว่าเดิม
ส่วนพวกที่มีอัตลักษณ์เป็นการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างฐาวรก็จะต้องฝึกฝนร่างกายส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษนั้นอย่างหนัก
ซึ่งปกติแล้วจะฝึกฝนโดยดูตามความเติบโตทางร่างกายเป็นหลัก แต่ในตอนนี้เวลาไม่คอยท่าจึงต้องใช้วิธีหักดิบอยู่สักหน่อย
และในการดูแลฝึกฝนเด็กนักเรียนถึง 40 คนจาก 2 ห้องเรียนก็จะเป็นหน้าที่ของ Wild & Wild Pussy Cats (ครั้งนี้มาครบทีมทั้ง 4 คน)
Ragdoll : อัตลักษณ์ Search สามารถตรวจตราดูคนได้พร้อมๆกันสูงสุดถึง 100 คน และยังสามารถตรวจดูที่อยู่และจุดอ่อนของแต่ละคนได้ด้วย
Pixiebob : อัตลักษณ์ Flowstone สามารถควบคุมดินหินสร้างสนามฝึกให้เหมาะสมกับแต่ละคนได้
Mandelei : อัตลักษณ์ Telepath สามารถใช้โทรจิตให้คำแนะนำและสั่งการคนหลายคนได้พร้อมๆกัน
Tiger : กะเทยควายถึกประจำทีม รับหน้าที่ฝึกฝนพวกที่มีอัตลักษณ์ประเภทเสริมพลังกาย รวมถึงการต่อสู้แบบประชิดตัวด้วย
แน่นอนว่าอิสึคุก็ตกอยู่ในข่ายที่ฝึกกับนาย Tiger กับเขาด้วย และโดนฝึกสู้จริงเพื่อขยายขีดจำกัดที่จะใช้ร่างกายรับพลัง One For All ได้ให้มากขึ้น
ตัดมาถึงในช่วง 4 โมงเย็น
มื้อนี้พวกนักเรียนต้องทำอาหารเย็นเอาเองโดยทางค่ายฝึกเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับทำแกงกะหรี่ไว้ให้
(อีดะวิเคราะห์แล้วดูออกว่านี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกด้วย โดยในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นการสามารถทำอาหารเลี้ยงผู้ที่หิวและสร้างขวัญกำลังใจก็เป็นส่วนสำคัญของการช่วยผู้ประสบภัยเช่นกัน)
บรรดาเด็กห้อง 1-A ร่วมมือกันทำอาหารกันอย่างสนุกสนาน และการทำเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น
(มีการอธิบายความสามารถของโมโมะด้วยว่าสิ่งที่ใช้อัตลักษณ์สร้างขึ้นจากร่างกายเธอนั้นคือไขมันในร่างกายของเธอที่ถูกแปรสภาพในระดับอะตอม ดังนั้นยิ่งเธอกินอาหารมากเธอก็สามารถสร้างของได้มากไปด้วย)
ในตอนนั้นเองอิสึคุก็เห็นโคตะเดินออกไป เขาจึงเดินตามไปด้วยเพื่อเอาแกงกะหรี่ไปแบ่งให้ ซึ่งก็ตามคาด เด็กน้อยยังคงแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน
จากที่อิสึคุได้ยินเรื่องของโคตะมาจาก Mandelei เขาก็สามารถสืบค้นได้ไม่ยากว่าพ่อแม่ของโคตะคือฮีโร่ที่ใช้อัตลักษณ์น้ำ "Water Horses"
และหลังจากที่คุยกับโคตะ อิสึคุก็รู้ว่าเขาไม่ได้แค่เกลียดฮีโร่เท่านั้น แต่เขายังเกลียดไปถึง "อัตลักษณ์" และสังคมฮีโร่ทั้งหมดด้วย เพราะสำหรับโคตะแล้วนั้นถ้าพ่อแม่ของเขาไม่ใช่ฮีโร่ที่ใช้อัตลักษณ์ในการต่อสู้กับวายร้าย พวกเขาก็คงไม่ตาย ดังนั้นทั้งฮีโร่และวายร้ายที่ใช้อัตลักษณ์มาต่อสู้กันนั้นมันก็งี่เง่าห่วยแตกพอๆกัน
แต่อิสึคุก็นึกถึงตัวเองและบอกกับโคตะว่า ในยุคสมัยนี้ที่อัตลักษณ์เป็นสิ่งที่ยอมรับกันทั่วไปนั้น หากว่าโคตะเอาแต่ปฏิเสธ "อัตลักษณ์" อย่างไม่ลืมหูลืมตาอย่างนั้น สุดท้ายคนที่จะต้องเจ็บตัวก็คือตัวโคตะเองนั่นแหละ
(อิสึคุเกิดมาโดยไม่มีอัตลักษณ์ เมื่อตอนเด็กนั้นเขาอยากที่จะมีอัตลักษณ์อย่างเอาเป็นเอาตายแต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ใช้อัตลักษ์ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทนดูคนที่เกิดมามีอัตลักษณ์อย่างโคตะกลับเกลียดชังอัตลักษณ์แบบนี้ได้)
อิสึคุที่พูดไม่เก่งก็ไม่สามารถบอกเล่าเรื่องให้เป็นเหตุเป็นผลให้โคตะเข้าใจได้ ดังนั้นเขาจึงเพียงวางอาหารไว้ให้โคตะ ก่อนจะเดินกลับไป
(ตรงนี้มีแสดงภาพของก้อนหินใหญ่ด้านหลังโคตะที่เหมือนถูกน้ำยิงจนแตกเป็นรู หรือจะเป็นการสื่อว่าจริงๆแล้วตัวโคตะเองก็พยายามฝึกฝนอัตลักษณ์พลังน้ำที่ได้รับมาจากพ่อแม่เช่นกัน?)
ตัดไปบนหน้าผาที่อยู่ห่างออกไป แต่ก็สามารถมองเห็นค่ายพักแรมได้ สมาชิกใหม่ 4 คนของ Villian Alliance กำลังเตรียมการโจมตีค่ายที่บรรดานักเรียนยูเอย์อยู่กันแล้ว!!
Spoil Boku no Hero Academia 72 : วันที่ 2
อ.ประจำชั้นห้อง B "Blood Hero : Brad King" อธิบายเนื้อหาของการฝึกเพิ่มประสิทธิภาพของอัตลักษณ์ให้บรรดาเด็กห้อง B ฟัง
เช่นเดียวกับเวลาที่ใช้งานกล้ามเนื้อหนักๆเข้า กล้ามเนื้อก็จะแข็งแรงขึ้น และแน่นหนาขึ้น อัตลักษณ์นั้นยิ่งใช้งานมากก็จะยิ่งทรงพลังขึ้น แต่ถ้าไม่ยอมใช้งานเลยมันก็จะอ่อนพลังลง
ดังนั้นการฝึกฝนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอัตลักษณ์ก็คือการผลักดันอัตลักษณ์ของแต่ละคนจนถึงขีดสุด!!
ราวกับภาพของนรก...บรรดาเด็กห้อง 1-A ต่างก็ใช้งานอัตลักษณ์ของตนอย่างหนักหน่วงเพื่อเพิ่มขีดจำกัดของตนให้สูงขึ้น!
พวกที่อัตลักษณ์มีขีดจำกัดในการใช้งานก็ต้องใช้งานอัตลักษณ์ของตนเพื่อเพิ่มขีดจำกัดนั้นให้สูงขึ้นกว่าเดิม
ส่วนพวกที่มีอัตลักษณ์เป็นการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างฐาวรก็จะต้องฝึกฝนร่างกายส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษนั้นอย่างหนัก
ซึ่งปกติแล้วจะฝึกฝนโดยดูตามความเติบโตทางร่างกายเป็นหลัก แต่ในตอนนี้เวลาไม่คอยท่าจึงต้องใช้วิธีหักดิบอยู่สักหน่อย
และในการดูแลฝึกฝนเด็กนักเรียนถึง 40 คนจาก 2 ห้องเรียนก็จะเป็นหน้าที่ของ Wild & Wild Pussy Cats (ครั้งนี้มาครบทีมทั้ง 4 คน)
Ragdoll : อัตลักษณ์ Search สามารถตรวจตราดูคนได้พร้อมๆกันสูงสุดถึง 100 คน และยังสามารถตรวจดูที่อยู่และจุดอ่อนของแต่ละคนได้ด้วย
Pixiebob : อัตลักษณ์ Flowstone สามารถควบคุมดินหินสร้างสนามฝึกให้เหมาะสมกับแต่ละคนได้
Mandelei : อัตลักษณ์ Telepath สามารถใช้โทรจิตให้คำแนะนำและสั่งการคนหลายคนได้พร้อมๆกัน
Tiger : กะเทยควายถึกประจำทีม รับหน้าที่ฝึกฝนพวกที่มีอัตลักษณ์ประเภทเสริมพลังกาย รวมถึงการต่อสู้แบบประชิดตัวด้วย
แน่นอนว่าอิสึคุก็ตกอยู่ในข่ายที่ฝึกกับนาย Tiger กับเขาด้วย และโดนฝึกสู้จริงเพื่อขยายขีดจำกัดที่จะใช้ร่างกายรับพลัง One For All ได้ให้มากขึ้น
ตัดมาถึงในช่วง 4 โมงเย็น
มื้อนี้พวกนักเรียนต้องทำอาหารเย็นเอาเองโดยทางค่ายฝึกเตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับทำแกงกะหรี่ไว้ให้
(อีดะวิเคราะห์แล้วดูออกว่านี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกด้วย โดยในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นการสามารถทำอาหารเลี้ยงผู้ที่หิวและสร้างขวัญกำลังใจก็เป็นส่วนสำคัญของการช่วยผู้ประสบภัยเช่นกัน)
บรรดาเด็กห้อง 1-A ร่วมมือกันทำอาหารกันอย่างสนุกสนาน และการทำเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น
(มีการอธิบายความสามารถของโมโมะด้วยว่าสิ่งที่ใช้อัตลักษณ์สร้างขึ้นจากร่างกายเธอนั้นคือไขมันในร่างกายของเธอที่ถูกแปรสภาพในระดับอะตอม ดังนั้นยิ่งเธอกินอาหารมากเธอก็สามารถสร้างของได้มากไปด้วย)
ในตอนนั้นเองอิสึคุก็เห็นโคตะเดินออกไป เขาจึงเดินตามไปด้วยเพื่อเอาแกงกะหรี่ไปแบ่งให้ ซึ่งก็ตามคาด เด็กน้อยยังคงแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน
จากที่อิสึคุได้ยินเรื่องของโคตะมาจาก Mandelei เขาก็สามารถสืบค้นได้ไม่ยากว่าพ่อแม่ของโคตะคือฮีโร่ที่ใช้อัตลักษณ์น้ำ "Water Horses"
และหลังจากที่คุยกับโคตะ อิสึคุก็รู้ว่าเขาไม่ได้แค่เกลียดฮีโร่เท่านั้น แต่เขายังเกลียดไปถึง "อัตลักษณ์" และสังคมฮีโร่ทั้งหมดด้วย เพราะสำหรับโคตะแล้วนั้นถ้าพ่อแม่ของเขาไม่ใช่ฮีโร่ที่ใช้อัตลักษณ์ในการต่อสู้กับวายร้าย พวกเขาก็คงไม่ตาย ดังนั้นทั้งฮีโร่และวายร้ายที่ใช้อัตลักษณ์มาต่อสู้กันนั้นมันก็งี่เง่าห่วยแตกพอๆกัน
แต่อิสึคุก็นึกถึงตัวเองและบอกกับโคตะว่า ในยุคสมัยนี้ที่อัตลักษณ์เป็นสิ่งที่ยอมรับกันทั่วไปนั้น หากว่าโคตะเอาแต่ปฏิเสธ "อัตลักษณ์" อย่างไม่ลืมหูลืมตาอย่างนั้น สุดท้ายคนที่จะต้องเจ็บตัวก็คือตัวโคตะเองนั่นแหละ
(อิสึคุเกิดมาโดยไม่มีอัตลักษณ์ เมื่อตอนเด็กนั้นเขาอยากที่จะมีอัตลักษณ์อย่างเอาเป็นเอาตายแต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ใช้อัตลักษ์ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทนดูคนที่เกิดมามีอัตลักษณ์อย่างโคตะกลับเกลียดชังอัตลักษณ์แบบนี้ได้)
อิสึคุที่พูดไม่เก่งก็ไม่สามารถบอกเล่าเรื่องให้เป็นเหตุเป็นผลให้โคตะเข้าใจได้ ดังนั้นเขาจึงเพียงวางอาหารไว้ให้โคตะ ก่อนจะเดินกลับไป
(ตรงนี้มีแสดงภาพของก้อนหินใหญ่ด้านหลังโคตะที่เหมือนถูกน้ำยิงจนแตกเป็นรู หรือจะเป็นการสื่อว่าจริงๆแล้วตัวโคตะเองก็พยายามฝึกฝนอัตลักษณ์พลังน้ำที่ได้รับมาจากพ่อแม่เช่นกัน?)
ตัดไปบนหน้าผาที่อยู่ห่างออกไป แต่ก็สามารถมองเห็นค่ายพักแรมได้ สมาชิกใหม่ 4 คนของ Villian Alliance กำลังเตรียมการโจมตีค่ายที่บรรดานักเรียนยูเอย์อยู่กันแล้ว!!