มีใครเรียนคณะที่ไม่ใช่ค่านิยม แล้วพ่อแม่ออกแนวผิดหวัง ไม่ชื่นชมอะไรเลยบ้างคะ รู้สึกไร้ค่า

ตอนนี้เรารู้สึกแย่มาก เราเป็นเด็กเรียนเก่งมาโดยตลอด จนคนคิดว่าเราน่าจะได้เป็นหมอ หรือเป็นอาชีพอื่นๆที่มีหน้ามีตากว่านี้

แต่พอเข้ามหาลัยเราก็มาสอบเข้าคณะนึง ไม่ขอเอ่ย ซึ่งก็เป็นคณะที่พ่อแม่ไม่พอใจ อะไรๆก็ชอบพูดดูถูกเรา ไม่เคยเห็นค่าเราเลย พอเราเล่าเรื่องที่น่าภูมิใจสำหรับเราไป ก็เหมือนพ่อแม่ไม่ภูมิใจเลย แถมยังเอาไปเปรียบเทียบกับอีกอาชีพว่ายังไงเขาก็ดีกว่า

เรารู้สึกแย่มาก เราเข้าใจนะว่าเราเป็นลูกคนเดียว ความหวังอยู่ที่เรา แต่การที่เราสอบเข้าคณะเก่งๆนั้นไม่ได้เราผิดด้วยหรือ บางทีพ่อแม่ก็อยากให้เราทำ แต่ไม่เคยนึกถึงกำลังกาย กำลังสมองของเราเลย กลับหยิบยื่นแต่ความรู้สึกด้อยค่ามาให้เรา เราอยากฆ่าตัวตายมากเลย ไม่ว่าจะพิสูจน์ตัวเองยังไงก็ไม่มีใครเห็นค่า โคตรเข้าใจความรู้สึกออย ฮอร์โมน ที่ถูกพ่อแม่หมางเมิน และไม่เคยรับฟัง

ใครมีเรื่องราวคล้ายๆกันอยากแชร์ก็ได้นะคะ เผื่อเราจะได้รู้ว่าไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่ต้องทุกข์ทรมานกับการถูกมองข้าม และขาดกำลังใจในการเรียนและการใช้ชีวิตต่อๆไปมากขนาดนี้ มันโคตรแย่ ตอนนี้กำลังคิดว่าเราเป็นตัวถ่วงของบ้านอะ

เราไปเรียนไกลนะ แต่พ่อแม่ไม่เคยขับรถไปหา ไม่เคยขับไปส่ง ให้นั่งรถทัวร์ไปคนเดียวตลอด มันเดียวดายมากขนาดไหนไม่มีใครรู้ บางทีจะกลับบ้านมาตอนปิดเทอม เหมือนไม่มีใครต้อนรับ เราไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรนะ แต่มันอดคิดไม่ได้ คือแต่ก่อนแม่คงมั่นใจว่าเราจะติดหมอ พาไปกินแต่อะไรดีๆ ซื้อเสื้อผ้าดีๆให้นะ แต่ตอนนี้เหมือนแม่จะจ่ายอะไรก็กลัวจะเปลืองเพราะเราอ่ะ แม่ไม่ลงทุนอะไรกับเราเหมือนแต่ก่อนแล้ว TT
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
ไปบอกพ่อแม่ว่าหัวโบราณมากครับ 555+
**********
ผู้ใหญ่ถามเด็ก "โตขึ้นอยากเป็นอะไร"
เด็กตอบ "โดขึ้นผมจะสร้างสัตว์ประหลาดแบบก็อซซิล่า" เป็นผู้ปกครองในไทยคงบอกไร้สาระ
ครูญึ๋ปุ่นกลับตอบว่างั้นเธอต้องเรียนวิทยาศาสตร์เพื่อวันหนึ่งเธอจะสร้างก็อซซิล่าได้ และเธอต้องเก่งภาษาด้วยนะ เด็กคนนั้นก็ทำสำเร็จในการเป็นนักวิทยาศาสตร์แม้นเขาจะสร้างก็อซซิล่าไม่ได้ก็ตาม

**********
เด็กคนหนึ่งมีอาการสมาธิสั้นเรียนตามเพื่อนไม่ทัน แม่พาไปหาหมอหลายคนหมอส่วนใหญ่ให้ทานยาแต่ทานเท่าไรก็ไม่หาย
จนไปถึงหมอคนนึง หมอบอกเด็กว่า "หนูอยู่ในห้องนี้ก่อนน่ะหมอขอคุยธุระกับแม่หนูหน่อยนึง" แล้วหมอกับแม่ออกไปนอกห้อง
ออกไปเพื่อแอบดูว่าเด็กอยู่คนเดียวแล้วทำอะไร เสียงวิทยุคลอเด็กลุกจากที่นั่งแล้วเต้นรำ หมอบอกแม่เด็กทันทีว่า "ดูซิเธอไม่ได้สมาธิสั้นหรอก เธอแค่เป็นนักเต้นตั้งหาก คุณควรส่งเธอไปโรงเรียนเต้นรำ" เด็กคนนั้นก็เปิดโรงเรียนสอนเต้นรำที่มีชื่อเสียงในอนาคต

**********
ผู้ปกครองส่วนมากไม่ได้เข้าใจลูกตัวเองเลย ส่วนใหญ่มีค่านิยมฝั่งมาตั้งแต่สมัยยุคอุสาหกรรมสมัยนั้นมีความจำเป็นของมนุษย์ในการพัฒนา อาชีที่จำเป็น เช่น หมอ วิศวกร นักคณิต นักวิทย์ และอื่นๆ ความเชื่อนั้นมีมาถึงยุคปัจจบัน

พอมีลูกก็คาดหวังไปตามลำดับ เรียนเก่งมากก็อยากให้เรียนหมอ ไม่ได้ก็เลือกคณะรองอื่นๆไปเรื่อยๆ แต่ถ้ารู้ว่าทำได้แล้วไม่ยอมทำตามก็ผิดหวัง
นี้มันช่างยอดเยี่ยมงี่เง่ามากเลย
มีพ่อแม่น้อยคนมากที่ลูกเรียนเก่งๆบอกว่า อยากเรียนดนตรี อยากเรียนวาดภาพ แล้วจะยอมสนับสนุนลูกอย่างเต็มที่ แต่ส่วนใหญ่คำถามแรกๆคือจบมาจะไปทำอะไร ไม่มีหน้ามีตา อวดโชว์เพื่อนข้างบ้านไม่ได้ สรุปลูกหรือเครื่องประดับก็ไม่รู้

"ยามแก่เฒ่า หมายเจ้าเฝ้ารับใช้ ยามเจ็บไข้ หมายเจ้าเฝ้ารักษา
ยามเมื่อถึงวันตายวายชีวา หวังลูกยา ช่วยปิดตา ยามสิ้นใจ"
อาชีพไรก็ดูแลแม่ตัวเองได้ทั้งนั้นไม่ต้องเป็นหมอ กตัญญูรู้คุณก็ไม่เกี่ยวกับทางเดินชีวิตของเราแค่ไม่เดินทางผิด พ่อแม่ไม่ควรเอาเรื่องนี้มาผูก

สมัยผมแม่ผม แม่ผมบอกให้เรียนคณะ A
ผมก็สวนแม่ไปว่า แม่อยากเรียนแม่ก็เรียนเองดิ แม่ผมงงไปเลย 555+

เราควรจะล้างค่านิยมเก่าๆแบบนี้ได้แล้ว หมอไม่ได้ดีกว่านางพยาบาล วิศวกรไม่ได้ดีกว่านักดนตรี ถึงแม้นระบบทุนนิยมจะไม่ตอบแบบนี้
ถ้าพรุ่งนี้จะมีอัจฉริยะเกิดขึ้นมาหลายคนผมคงไม่อยากได้ ไอสไตน์ 5 คนหรอก ผมอยากได้ ไอสไตน์คน ไมเคิลแจ็กสันคน คานธีคน ปิกัสโซ่ซักคน เจิงกิสข่านอีกคนก็ยังได้

........เริ่มมั่วล่ะไปดีกว่า

**********

Above all, be yourself.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่