เพื่อนร่วมเดินทาง...

สวัสดีจ้า กระทู้นี้เขียนมาเพื่อแชร์ เพื่อเล่าความประทับใจระหว่างทาง ที่เจอเพื่อนไหม่ จากคนไม่รู้จักกลายเป็นมิตรภาพที่ดี กลายเป็นเพื่อนที่ร่วมเดินทางกันต่อ

** เขียนผิด ถูก อย่างไรขออภัยด้วยนะคร้าบ **

ผมชื่อ ปาล์ม ครับ ^^" ...ขอย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 57 นะครับ ในช่วงระหว่างวันที่ 29 พ.ย. 2557 (โดยประมาณ เพราะจำไม่ได้) ซึ่งวันนั้นเพื่อนผม "ไอ่แม็ก" มันชวนผมไป ภูกระดึง ครับ ( ไอ่แม็กเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมด้วยกันครับ โย่ว! )

...และผมตกลงไปภูกระดึงกับมัน... ผมจะไม่สปอยเยอะนะครับ ผมตั้งใจจะเล่าความประทับใจ ...งั้นตอนนี้อยู่ภูกระดึงแล้วนะครับ!!

ในขณะกำลังเดินนั้นผมรู้สึกสดชื่นนน หายใจเข้าได้ลึกๆ มองซ้าย มองขวา ก็ผ่อนคลาย เวลานั้นก็แค่คิดถึงกีตาร์ตัวนึง กาแฟแก้วนึงวางข้างๆ
ซึ่งผมว่าผมชอบมัน... ระหว่างนั้นภูกระดึงมันจะมี "ซำ" ครับ มันเหมือนด่านพักอะ เขาเรียกว่าซำ เช่น ซำแฮก ซำกกโดน จำได้แค่นี้ประมาณนั้น!
ไอ่แม็กเพื่อนผมมันก็จะอัดคลิปตลอดทางเลย แบบอัดคลิปเซลฟี่คุยกับโทรศัพท์ "เอ่อ สวัสครับอะเฮื้ออ ซึ่งตอนนี้เราก็อยู่ซำแฮก" อะไรประมาณเนี่ย และมันก็อัธยาศัยดีครับ ไปทักพี่ผู้ชายคนนึงซึ่งเดินตามหลังพวกผมมา "เป็นไงบ้างคร้าบ ไหวป่าวพี่" พี่เขาก็ยิ้มให้ครับ และเดินหายไปเลย... 55 5

ในระหว่างทางที่เดินขึ้นเขาอีกครับ มีหญิงสาว 2 คน นำหน้าพวกผมอยู่ ตัวเล็กทั้งคู่ คนนึงผอมๆขาวๆ และคนนึงคล้ำๆหน่อย ผมจำได้ดีเลยครับเพราะคนผิวคล้ำๆนั่น เดินก้มหน้าครับและไปโหม่งเข้ากับลูกหาบ โหม่งน้ำครับ! เป็นแพ๊คเลย ลูกหาบถึงกับสั่นแต่เทอนี่ถึงกับทรุดเลยครับ ผมเดินมองผ่านไปแล้วก็ขำดิครับจะรออะไร

และถึงจุดหลังแปแห่งภูกระดึงครับ ซึ่งนั้นหมายความเราพิชิตภูกระดึงเรียบร้อยแล้ว อ่า!! จุดหลังแปนี่แหละครับ เราก็มาเจอกับพี่ผู้ชายคนนั้นครับ ที่ไอ่แม็กมันไปตะโกนทักเขาว่า "เป็นยางงายย ไหวม้าย" ไม่รู้ว่าใครถึงก่อนใครครับแต่หลังจากนั้น จากจุดพิชิตเราก็เดินไปจุดกางเต๊นด้วยกันครับ

!!!! ซึ่งตอนนี้เรามีเพื่อนร่วมทางทั้งหมด 3 คนแล้ว คือ ผม ไอ่แม๊ก และพี่ผู้ชายคนนั้น

พอถึงจุดกางเต๊น...ก็กางเต๊นดิครับ!! พี่ผู้ชายคนนั้นเขาไม่กางครับเขาเช่าเต๊นอุทยานมันกางรออยู่แล้ว พี่เขาเลยมานั่งกับพวกผม คุยกันมันส์คอเลยทราบชื่อ เขาคือ พี่น๊อตแห่งภูเก็ตโตะ!! อายุ29ปี เป็นคนใต้นิ! กางเต๊นเสร็จก็ชวนกันไปกินข้าว กินเบียร์ครับ แต่อุทยานเขาห้ามขายเบียร์นะครับ ถ้าจะกินต้องเรียกชื่อนั้นว่า "เอสเปรสโซ่เย็นแก้วนึงลุง!!!!" เขาก็จะใส่แก้วพลาสติกทึบๆอะนะมองไม่เห็นข้างในนี่ฟองเยิ้มเลยพระเจ้า!! เริ่มเย็นแล้วครับแต่หน้าเริ่มร้อนเพราะเอสเปรสโซ่เข้าไป เริ่มคุยกันถูกคอมากขึ้นจากนั้นก็จัดกีตาร์กันหน้าเต๊นเลยครับ(ผมเอากีตาร์มาด้วย) ไม่นานครับ ไม่นานจริงๆ มีเจ้าหน้าที่ประกาศออกไมค์ "ห้ามส่งเสียงดังนะครับ งดใช้เสียงคร้าบ" ผมได้แต่นั่งทำปริบๆ เก็บกีตาร์เข้าซอง แล้วกุจะแบกมาทำจอบขุดดินทำไม ...ไม่มีเสียงเพลงแล้ว หันไปรอบๆ ก็มีแต่เต๊นเราที่นั่งตากน้ำค้างอยู่ครับ จุดเทียนเล่มนึงเล่มเบอเร่อ นั่งคุยกันไป 3 คนเรื่อยเปื่อย จนแยกย้ายกันนอน ผมนอนกับไอ่แม๊ก พี่น๊อตก็ไปนอนเต๊นเขา กลายเป็นสนิทกันมากขึ้นแล้ว...

เช้าแล้วครับ!! ไฮไลท์ของภูกระดึงก็คือเกมส์ครับ!! (ผมมองว่ามันเป็นเกมส์อะนะเพราะต้องทำเวลาและผมตื่นเต้นมาก) จะมีจุดที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ไกล้เต๊นเราไม่ห่างมากและจุดชมพระอาทิตย์ตกซึ่งอยู่คนละซีกโลกมันไกลมาก แต่ก็จะมีทางให้เลือก 2 ทาง คือทางผ่านน้ำตกป่าดิบชื้นครับ ซึ่งมันเป็นทางอ้อมแต่โคดลุย โคดมันส์ และทางเลาะหน้าผาครับ ซึ่งเป็นทางราบตรงดิ่งไปยังจุดชมพระอาทิตย์ตกเลย และเขาก็มีจักรยานให้เช่าอีกสำหรับคนที่ขึ้เกียจเดิน

เอาหล่ะ ผมตื่นเช้ามาปลุกพี่น๊อต (ไม่รุ้ใครปลุกใครจำไม่ได้แล้ว) เดินไปดูจุดพระอาทิตย์ขึ้นแม้งโคดสวยงามอร่ามสุดลูกหูลูกตาทั้งซ้ายทั้งขวาไม่มีอะไรยิ้มวทัศน์เลย พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นเป็นสีส้มจางๆสว่างโผล่ขึ้นเหนือหมอกแสงทอดลงกลางสายตาหมอกขาวจั้วเป็นน้ำทะเลไปเลย อยากโทรหาแม่แล้วบอกว่ามันเดอะเบสท์มากแต่ไม่มีสัญญาณ ชมกันพอแล้วจากนั้นไปหาอะไรกินแปป กินเสร็จปั๊บออกเดินทางทันทีไปยังจุดพระอาทิตย์ตกครับ และพวกผม 3 คน เลือกทางอ้อมเข้าป่าหาชีวิต

และเวลาเนี่ยแหละครับ!! ผมเจอกับผู้สาว 2 คน ที่เขาเอาหัวไปโหม่งกับน้ำลูกหาบ เขาก็เลือกทางอ้อมเหมือนพวกเราแต่เขาออกสตาร์ทก่อนพวกเราครับ เพราะเขาไม่ได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นครับเขาเลือกไปดูพระอาทิตย์ตกก่อน ผมเห็นพวกหล่อนลิบๆ กำลังเซลฟี่กันอยู่ที่น้ำตก "ว่าไงสองสาว ไปด้วยกันมั้ยย!!!" พระเจ้า!!พี่น๊อตคนใต้แกพูดเสียงดังมาก พวกผมอะจะฮาแต่สองสาวผมว่าน่าจะกลัว เพราะทางอ้อมนี้คนน้อยมากครับ ได้ยินพูดว่า "คะๆ" หรืออะไรสักอย่าง พวกผมก็เลยถ่ายรูปที่น้ำตกบ้าง แต่หันไปอีกทีพวกเทอเดินไปแล้วครับ 55 5  พวกผมถ่ายรูปเสร็จก็เดินๆตามทางไปแหละครับ ก็เจอพวกเทอ 2 คน กำลังเดินอยู่เหมือนกัน พี่น๊อตแกตัวเปิดเดินเข้าไปคุยแหละครับ แต่คุยไม่มากหรอกเพราะพวกเทอไม่คุย 555 บรรยากาศอึมขรึมมากกว่า ไอ่แม๊กแม้งก็ถ่ายคลิปอยู่นั้นแหละ พูดไรคนเดียวไม่รู้ เดินไปคุยไป ก็ได้ชื่อสองสาวมา คนที่ขาวๆ ชื่อ " ติ๊ก " ส่วนคนผิวคล้ำที่เอาหัวไปโหม่งลูกหาบเทอ ชื่อ " เปา " ครับ ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มแล้วมั้งครับ จาก 3 ก็กลายเป็น 5...

และในระหว่างทางนั้น ก็ยังเจอ 2 สาวอีก คนนึงเป็นทอม คนนึงเป็นผู้หญิง ก็เข้ามารวมกลุ่มกันอีกครับ ได้ชื่อมาว่า คนเป็นทอมชื่อ "ต้อง" และผู้หญิง ชื่อ "ครีม" ครับ ตอนนี้เป็น 7 คนแล้ว งว่อออ.. แต่ว่า ต้องกับครีมเขาจะเดินนำเสมอครับและเดินเร็วมาก เหมือนว่าเดินกันอยู่ 2 คนอะครับ แต่ถ้าพวกผมขอพัก ต้องกับครีมก็จะหยุดเหมือนกันครับ กินน้ำ สเบียงกลางทาง เขาก็นั่งกินด้วยกัน นั่งคุยหัวเราะด้วยกัน แต่เวลาเดินนี่ไม่เคยรอ จะรีบจ้ำไปไหนก็ไม่รู้

เอาละ ถึงจุดพระอาทิตย์ตกก็เดินดู ถ่ายรูปกันพอสมควร ถึงเวลาเดินกลับเต๊นแค่เวลาผ่านไปแปปเดียวมันก็มืดมากแล้วครับ ต้องหยิบไฟฉายขึ้นมา ถ้าไม่ได้เอาไฟฉายมานี่ถือว่าพลาดอย่างแรง ขากลับพวกผมเลาะหน้าผากลับครับเพราะมันเร็วและเป็นที่โล่งไม่ผ่านป่า คงไม่มีใครบ้าเดินกลับทางอ้อมผ่านป่าชื้นมืดๆ หนาวๆ แน่นอนครับ

ถึงจุดกางเต๊นแล้ว พวกเรา 7 คน ผม ไอ่แม๊ก พี่น๊อต ติ๊ก เปา ต้อง ครีม ก็เหมือนเดิมครับ เอสเปรสโซ่!!!! คืนนั้นก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย แลกเฟสบุ๊คกัน แต่จาก 3 คน กลายเป็น 7 คน ทำให้เสียงมันเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมา แต่ก็อบอุ่นครับ สนุก และเป็นเรื่องราวที่ดี

ครบ 3 วัน 2 คืน แล้วครับ พวกเราเก็บข้าวของกันกลับบ้านเรา แต่ว่าต้องกับครีมนี่หายไปไหนไม่รู้ผมจำไม่ได้อะครับ ส่วนพี่น๊อตนี่เขาอยู่ต่ออีก 1 คืน ขากลับเลยมีแค่ ผม ไอ่แม๊ก ติ๊ก เปา 4 คน แล้วผมก็มาแยกกันอีกทีตอนลงจากภู เพราะผมเดินทางไปหาแม่ที่พิษณุโลกต่อคนเดียว... จบปิ๊ง!!

หลังจากที่แยกย้ายกันกลับบ้าน พวกเรา 7 คนก็ติดต่อกันทางเฟสบุ๊คครับ ผมกลับมากรุงเทพแล้วหลังจากที่ไปหาแม่มา วันนั้นวันที่ 5 ธันวาพอดีครับ พี่น๊อตเขาลางานมา 10 วัน!! เลยไม่รู้จะทำอะไรมาหาพักโรงแรมที่กรุงเทพ และก็เลยไปดูไฟที่ลานพระรูป ทุกคนอยู่กรุงเทพหมดยกเว้นพี่น๊อตอยู่ภูเก็ต แต่ต้องกับครีมไม่ได้มา พวกผม 5 คน เลยมาเจอกันอีกครั้ง และคืนนั้นดูไฟเสร็จก็พากันไปเลี้ยงส่งพี่น๊อตที่ข้าวสารก่อนจะกลับภูเก็ต แต่ผมไม่ได้ไปเพราะตอนนั้นผมอินดี้อยากอยู่คนเดียว ไม่รู้เป็นห่าอะไร 555 5 คืนนั้นก็จบลง กลับสู่ช่วงเวลาปกติ ทำงานๆๆๆๆๆๆ

แล้วก็วนมาครบปีครับ!!! หลังจากที่ห่างหายกันไปพวกเราคุยกันในเฟสบุ๊ค วันที่ 29 พ.ย. 2558 ทริปที่2 เลยกลาย เป็นภูสอยดาว ดาว ดาว ดาว แต่ว่าทริปนี้พี่น๊อตไม่ได้มาเพราะติดงานหนักมาก อดครับ เหลือ 6 คน ผม ไอ่แม๊ก ติ๊ก เปา ต้อง ครีม กับสิ่งที่ทุกคนยังเหมือนเดิมก็คือ
1.ผมเอากีตาร์มา แต่ก็ไม่ได้เล่น!!
2.ไอแม๊กแม้งอัดคลิปตลอดทาง
3.ติ๊กยืมของจากเพื่อนที่ทำงานมาอีกแล้ว!! (ปี 57 ติ๊กยืมไม้เซลฟี่ และปีนี้ติ๊กยืมกล้องโกโปร) 5555555 5
4.เปาต้องใช้ไม้ยันตลอดระหว่างการเดินทาง ทั้งขาขึ้นและขาลง 5555555 5
5.ต้องกับครีม เดินไม่เคยรอ!!

แต่ที่เปลี่ยนไปก็คือ
1.ผมกลิ่นตีนรุนแรงกว่าเดิมมากทั้งๆที่ใช้รองเท้าคู่เดียวกันกับตอนไปภูกระดึง
2.ไอ่แม๊กแม้งมาธีมทหารอากาศ สาสกุนึกว่าเจ้าหน้าที่อุทยาน!! (ปี57 ไอ่แม๊กแต่งตัวเด็กช่างผมยาวประบ่า ปีนี้หัวเกรียนชุดทหารครบตั้งแต่หัวยันเท้า)
3.ติ๊กตีนกาเยอะขึ้น 55 5
4.เปาน้ำหนักเพิ่มขึ้น 55 5
5.ต้อง ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย
6.ครีม ก็ไม่มี

ไม่น่าเชื่อ เรากลับมาเจอกันอีกครั้งพร้อมจุดหมายที่เปลี่ยนไป ความสนิทเรามากขึ้นๆเรื่อยๆ จากคนที่ไม่รู้จักกันกลายเป็นสนิทกันและเริ่มเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง ติ๊กบอกกับผมว่า ตอนไปภูกระดึงติ๊กกับเปานินทาผมว่า "ต่อให้กูเล่นกีตาร์เป็นกูก็จะไม่แบกมา" และบอกอีกว่า ตอนที่เจอพวกผม 3 คน พวกผมน่ากลัวมาก 555 ต้องกับครีมยังบอกต่อว่าถ้าไม่มีติ๊กกับเปาเขาก็จะไม่เดินกับพวกผมแน่นอน 555 กลายเป็นว่าเริ่มด่ากันแบบขำๆ เริ่มพูด กุ มืง แบบเพื่อนกัน เริ่มแสดงท่าทางตลกแบบไม่อาย

เป็นความประทับใจมากเท่านี้แหละครับ...

เพื่อนร่วมทางของผม...

ง่วงตั้งแต่ ตี2 กว่าๆแล้วครับ ตอนนี้ 05.20

อาจจะมีเหตุการณ์ตกหล่นที่ผมเล่าความประทับใจไม่หมด เพราะตอนนี้ผมก็จะหล่นแล้วครับ...

ขอบคุณครับ เพื่อนๆ พี่ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่