(ขอบคุณ..ภาพจากอินเตอร์เนต)
กลางห้วงอวกาศกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมายนับแสนนับล้านดวง ยามเมื่อเงยขึ้นมองจากดาวทอร์เรียส เห็นบนพื้นฟ้าสีน้ำเงินเข้มสูงไกลสุดสายตามีดวงดาวสุกใสดวงหนึ่ง เปล่งแสงสว่างนิ่งสงบอยู่บนห้วงนภา สวยงามยิ่งกว่ามวลหมู่ดาวใดในละแวกใกล้เคียงนั้น
หากมีใครสักคน ใช้กล้องส่องดาวมองดูดาวดวงนั้น อาจเห็นมันเป็นกลุ่มหมอกขาวที่อัดแน่นเป็นกระจุกตรงกลาง และกระจายละอองเลือนลางอยู่รอบนอก…
มันอยู่ไกลออกไปมาก…
ไกล..ไกลออกไปนอกขอบระบบดาว ที่ดาวเคราะห์ทอร์เรียสเป็นดาวบริวารอยู่
ถึงแม้มันจะสุดไกลเกินกว่าสายตาจะมองเห็นได้ชัด แต่จะอย่างไร..สิ่งนั้นก็ยังคงเป็นสิ่งที่มีอยู่อย่างแน่นอน
มันคืออะไรกันแน่ ?
◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕►
หากใครสักคนเดินทางออกสู่ห้วงอวกาศ ออกนอกระบบดาวไปไกลโพ้น
เข้าไปใกล้กระจุกหมอกสีขาวเหล่านั้น จะพบว่านั่นแท้ที่จริงเป็นกองทัพอวกาศยานอันยิ่งใหญ่มโหฬาร ซึ่งประกอบด้วยยานอวกาศขนาดใหญ่เล็กนับหมื่นนับแสนลำ ยานแม่ที่อยู่ตรงกลาง ขนาดราวๆดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ สร้างด้วยวิทยาการเทคโนโลยีชั้นสูงของจักรวาล ยานบริวารที่รายล้อมรอบทิศทางแต่ละลำ ขนาดประมาณๆสถานีอวกาศขนาดใหญ่ จัดเรียงกระจายตัวทิ้งระยะห่างกันเป็นช่วงไกลกว้างอย่างเป็นระเบียบ และรอบๆยานบริวารที่จอดนิ่ง จะมียานเล็กลาดตระเวณบินรักษาการณ์ กับยานขนส่งที่ติดต่อกันไปมาระหว่างยานบริวารลำต่างๆและยานแม่
ที่แท้…นี่เป็นกองกำลังของฝ่ายใด ?
ไฉนถึงมีขุมกำลังอันยิ่งใหญ่ปานนี้ ?
◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕►
หอประชุมขนาดใหญ่รูปทรงกลมของยานแม่ ซึ่งจัดที่นั่งของแม่ทัพนายกองคนสำคัญและเหล่าเสนาองคมนตรี ห้อมล้อมหันหน้าเข้าหากันเป็นรูปกลม ที่นั่งของแต่ละคนแยกเป็นสัดส่วนอยู่ในแคปซูลใส มีแผงควบคุมและจอมอนิเตอร์อยู่ตรงหน้า เหมือนอยู่บนยานขนาดเล็กที่สามารถเคลื่อนที่ออกมาข้างหน้าได้ และขยับถอยหลังกลับไปที่เดิม
พื้นที่ว่างตรงกลางของหอประชุม เป็นก้อนพลาสม่าทรงกลมขนาดใหญ่สีน้ำทะเล ซึ่งลอยตัวนิ่งอยู่กับที่ ..บางครั้งทึบแสง พื้นผิวฉายเป็นภาพต่างๆขึ้นให้ทุกคนภายในหอประชุมมองเห็นอย่างทั่วถึง บางครั้งก็โปร่งแสง เห็นร่างเงางามสง่าน่าเกรงขามเลือนลางของบุรุษหนึ่งประทับนั่งอยู่ตรงกลางนั้น
และคนผู้นี้ย่อมเป็นประมุขสูงสุดในที่ประชุม..องค์จักรพรรดิผู้นำจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่แห่งกองทัพอวกาศยานทั้งหมดนี้นั่นเอง !
◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕►
ก้อนพลาสม่าทรงกลมคืนสู่สภาพโปร่งแสงอีกครั้ง ร่างเงางามสง่าทรงอำนาจที่ประทับอยู่ตรงกลางนั้น ราวนั่งอยู่ใต้น้ำทะเลลึก กำแพงวารีสีฟ้าเขียวสดใสสวยงาม บดบังจนไม่อาจเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นี้ได้ชัดเจน
วันนี้เป็นการประชุมใหญ่ประจำเดือนต่อหน้าพระที่นั่งของเหล่าแม่ทัพและเสนาองคมนตรีทั้งหลาย ซึ่งต่างทะยอยกันออกมาแจกแจงผลคืบหน้าการทำงานและการสู้รบในรอบสองเดือนที่ผ่านมาต่อองค์จักรพรรดิ
ผ่านไปคนแล้วคนเล่า.. จนถึงช่วงท้ายของการประชุม
“ ยังมีใครมีอะไรรายงานอีกไหม ? “
สุรเสียงสงบเรียบนิ่ง หากปลายเสียงสะท้อนกังวานทรงอำนาจ..ดังถามขึ้นจากองค์พระประมุขผู้ประทับนั่งอยู่กลางก้อนพลาสม่าสีน้ำทะเล
ขาดคำ….แสงสีเหลืองทองจากแคปซูลตัวหนึ่งกะพริบขึ้น จากนั้นค่อยลอยเคลื่อนออกมายังพื้นที่ว่างกลางหอประชุม ชายสูงวัยรูปร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบนายทหารเต็มยศสีแดงม่วงยืดกายยืนขึ้นจากที่เบาะนั่ง ค้อมกายถวายบังคมองค์จักรพรรดิ ก่อนจะเอ่ยด้วยสุ้มเสียงกังวาน
“ ขอเดชะ.. กระหม่อม นายพลโฟซาร์ ผู้บัญชาการแห่งกองพลที่ 275 มีของขวัญขอนำขึ้นทูลเกล้าถวาย…”
“ ของขวัญอะไร…”
“ นั่นเป็นลายแทงของวิเศษแห่งจักรวาล ที่มีนามเรียกหาว่า ขลุ่ยแห่งไอย์ …”
“ ขลุ่ยแห่งไอย์ ?…หนึ่งในเก้าของวิเศษแห่งเอกภพ ที่เป็นดั่งตำนานเล่าขานมานาน.. หากแต่หายสาปสูญไปหลายพันปีแล้ว ฟังว่า..พลังแห่งเสียงขลุ่ยสามารถก่อตัวเป็นคอสโมพลังมหาศาลที่เพียงพอสามารถระเบิดดาวทั้งดวงให้กลายเป็นจุณได้ในพริบตา หากของสิ่งนี้มีจริง ก็นับว่าจะเป็นประโยชน์ที่จะช่วยในการสร้างเสริมพลานุภาพแห่งกองทัพของเราได้อย่างมากทีเดียว.. “
“ ด้วยพระบุญญาบารมีและพระราชอำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งพระองค์.. ขลุ่ยแห่งไอย์จึงคู่ควรยิ่งที่จะได้เป็นสิ่งวิเศษคู่พระบารมี…”
“ ตกลง..จงเข้ามา…”
สิ้นพระสุรเสียงราชานุญาต ยานแคปซูลของนายพลโฟร์ซาค่อยขับเคลื่อนเข้าใกล้ก้อนพลาสม่าทรงกลม แล้วถูกดูดเข้าไปภายในนั้นอย่างช้าๆ…..
◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕►
ภายในห้องก้อนพลาสม่าที่ประทับ… นายพลโฟร์ซาคุกเข่าข้างเดียว ก้มศีรษะต่ำอยู่บนแผ่นพรมหนานุ่มสีเขียวอ่อน ที่ดั่งลอยอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าพระที่นั่ง ห่างจากบัลลังก์ที่ประทับเพียงราวสิบกว่าก้าว
“ ลายแทงล่ะ ? “
“ อยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ…”
นายพลเฒ่าประคองตลับโลหะแวววาวทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวสี่นิ้วชูขึ้นเหนือเกล้า องค์จักรพรรดิโบกพระหัตถ์ลงมา ตลับอันนั้นก็ลอยหวือขึ้นช้าๆ เคลื่อนเข้าสู่พระหัตถ์ดั่งกับถูกดึงดูดเข้าไป
เมื่อเปิดผากล่องขึ้น… ละอองสีทองก็พวยพุ่งออกมาฉายเป็นภาพโฮโลแกรมของแผนที่ดวงดาวอันสวยงามของระบบดาวแห่งหนึ่ง ปรากฏขึ้นต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ และท่ามกลางกลุ่มดาวน้อยใหญ่นั้น.. มีอยู่ดวงหนึ่งซึ่งเปล่งแสงสีแดงชัดเจนที่สุดราวกับจงใจแต้มสีไว้เพื่อให้สะดุดตา
“ ที่นั่นเป็นที่ไหน ? “
“ ขอเดชะ.. นั่นคือที่ตั้งของดาวทอร์เรียส ซึ่งอยู่บนระบบดาวไกลโพ้นนอกขอบจักรวาล เป็นถิ่นชนบทที่ยังล้าหลังห่างไกลจากวิทยาการเทคโนโลยีของเราเป็นอย่างมาก เพียงแต่ด้วยเป็นเพราะอารยธรรมโบราณ จึงยังคงไว้ซึ่งพลังอำนาจลี้ลับคอยปกป้องอยู่ …บางที.. นี่อาจเป็นพลังจากขลุ่ยแห่งไอย์ด้วยก็ได้…”
“ ท่านได้ลายแทงนี้มากจากไหน ? “
“ กระหม่อมได้มันมาอย่างบังเอิญจากการปราบปรามโจรสลัดกลุ่มหนึ่ง..หากแต่คนพวกนั้นหารู้ไม่ว่ามันคือขุมทรัพย์ยิ่งใหญ่ของเอกภพ..”
“ หรือว่าขลุ่ยแห่งไอย์จะถูกเก็บซ่อนอยู่ที่ดาวทอร์เรียสจริงๆ “ ทรงพึมพำอย่างพึงพอพระทัย “ ถ้าหากลายแทงนี้เป็นของจริง.. ของขวัญชิ้นนี้ของท่านนับว่าถูกใจเราอย่างยิ่ง..โฟร์ซา… ขอบใจท่านมาก ”
“ ด้วยความยินดียิ่งพ่ะย่ะค่ะ…ความจริงกระหม่อมปรารถนาจะเดินทางไปนำขลุ่ยแห่งไอย์มาถวายด้วยตนเอง เพียงแต่.. ดาวทอร์เรียสอยู่นอกเส้นทางแผนการแผ่ขยายอาณานิคมของจักรวรรดิเรา .. จึงใคร่ขอพระราชทานอนุญาตเคลื่อนกำลังพลไปค้นหาขลุ่ยแห่งไอย์ที่ทอร์เรียส…”
“ ตกลง..เราอนุญาต.. จงนำกองพลของท่านเดินทางไปได้…”
สุรเสียงหยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อนเอ่ยต่อไปอย่างกังวาน
“ แล้วถ้างานนี้สำเร็จ…เราจะมีรางวัลแก่ท่านอย่างงาม..”
◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕►
☼ ☼.... ตำนานสงคราม..ฝนดาวตก ... ☼ ☼
กลางห้วงอวกาศกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เต็มไปด้วยหมู่ดาวมากมายนับแสนนับล้านดวง ยามเมื่อเงยขึ้นมองจากดาวทอร์เรียส เห็นบนพื้นฟ้าสีน้ำเงินเข้มสูงไกลสุดสายตามีดวงดาวสุกใสดวงหนึ่ง เปล่งแสงสว่างนิ่งสงบอยู่บนห้วงนภา สวยงามยิ่งกว่ามวลหมู่ดาวใดในละแวกใกล้เคียงนั้น
หากมีใครสักคน ใช้กล้องส่องดาวมองดูดาวดวงนั้น อาจเห็นมันเป็นกลุ่มหมอกขาวที่อัดแน่นเป็นกระจุกตรงกลาง และกระจายละอองเลือนลางอยู่รอบนอก…
มันอยู่ไกลออกไปมาก…
ไกล..ไกลออกไปนอกขอบระบบดาว ที่ดาวเคราะห์ทอร์เรียสเป็นดาวบริวารอยู่
ถึงแม้มันจะสุดไกลเกินกว่าสายตาจะมองเห็นได้ชัด แต่จะอย่างไร..สิ่งนั้นก็ยังคงเป็นสิ่งที่มีอยู่อย่างแน่นอน
มันคืออะไรกันแน่ ?
◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕►
หากใครสักคนเดินทางออกสู่ห้วงอวกาศ ออกนอกระบบดาวไปไกลโพ้น
เข้าไปใกล้กระจุกหมอกสีขาวเหล่านั้น จะพบว่านั่นแท้ที่จริงเป็นกองทัพอวกาศยานอันยิ่งใหญ่มโหฬาร ซึ่งประกอบด้วยยานอวกาศขนาดใหญ่เล็กนับหมื่นนับแสนลำ ยานแม่ที่อยู่ตรงกลาง ขนาดราวๆดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ สร้างด้วยวิทยาการเทคโนโลยีชั้นสูงของจักรวาล ยานบริวารที่รายล้อมรอบทิศทางแต่ละลำ ขนาดประมาณๆสถานีอวกาศขนาดใหญ่ จัดเรียงกระจายตัวทิ้งระยะห่างกันเป็นช่วงไกลกว้างอย่างเป็นระเบียบ และรอบๆยานบริวารที่จอดนิ่ง จะมียานเล็กลาดตระเวณบินรักษาการณ์ กับยานขนส่งที่ติดต่อกันไปมาระหว่างยานบริวารลำต่างๆและยานแม่
ที่แท้…นี่เป็นกองกำลังของฝ่ายใด ?
ไฉนถึงมีขุมกำลังอันยิ่งใหญ่ปานนี้ ?
◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕►
หอประชุมขนาดใหญ่รูปทรงกลมของยานแม่ ซึ่งจัดที่นั่งของแม่ทัพนายกองคนสำคัญและเหล่าเสนาองคมนตรี ห้อมล้อมหันหน้าเข้าหากันเป็นรูปกลม ที่นั่งของแต่ละคนแยกเป็นสัดส่วนอยู่ในแคปซูลใส มีแผงควบคุมและจอมอนิเตอร์อยู่ตรงหน้า เหมือนอยู่บนยานขนาดเล็กที่สามารถเคลื่อนที่ออกมาข้างหน้าได้ และขยับถอยหลังกลับไปที่เดิม
พื้นที่ว่างตรงกลางของหอประชุม เป็นก้อนพลาสม่าทรงกลมขนาดใหญ่สีน้ำทะเล ซึ่งลอยตัวนิ่งอยู่กับที่ ..บางครั้งทึบแสง พื้นผิวฉายเป็นภาพต่างๆขึ้นให้ทุกคนภายในหอประชุมมองเห็นอย่างทั่วถึง บางครั้งก็โปร่งแสง เห็นร่างเงางามสง่าน่าเกรงขามเลือนลางของบุรุษหนึ่งประทับนั่งอยู่ตรงกลางนั้น
และคนผู้นี้ย่อมเป็นประมุขสูงสุดในที่ประชุม..องค์จักรพรรดิผู้นำจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่แห่งกองทัพอวกาศยานทั้งหมดนี้นั่นเอง !
◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕►
ก้อนพลาสม่าทรงกลมคืนสู่สภาพโปร่งแสงอีกครั้ง ร่างเงางามสง่าทรงอำนาจที่ประทับอยู่ตรงกลางนั้น ราวนั่งอยู่ใต้น้ำทะเลลึก กำแพงวารีสีฟ้าเขียวสดใสสวยงาม บดบังจนไม่อาจเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นี้ได้ชัดเจน
วันนี้เป็นการประชุมใหญ่ประจำเดือนต่อหน้าพระที่นั่งของเหล่าแม่ทัพและเสนาองคมนตรีทั้งหลาย ซึ่งต่างทะยอยกันออกมาแจกแจงผลคืบหน้าการทำงานและการสู้รบในรอบสองเดือนที่ผ่านมาต่อองค์จักรพรรดิ
ผ่านไปคนแล้วคนเล่า.. จนถึงช่วงท้ายของการประชุม
“ ยังมีใครมีอะไรรายงานอีกไหม ? “
สุรเสียงสงบเรียบนิ่ง หากปลายเสียงสะท้อนกังวานทรงอำนาจ..ดังถามขึ้นจากองค์พระประมุขผู้ประทับนั่งอยู่กลางก้อนพลาสม่าสีน้ำทะเล
ขาดคำ….แสงสีเหลืองทองจากแคปซูลตัวหนึ่งกะพริบขึ้น จากนั้นค่อยลอยเคลื่อนออกมายังพื้นที่ว่างกลางหอประชุม ชายสูงวัยรูปร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบนายทหารเต็มยศสีแดงม่วงยืดกายยืนขึ้นจากที่เบาะนั่ง ค้อมกายถวายบังคมองค์จักรพรรดิ ก่อนจะเอ่ยด้วยสุ้มเสียงกังวาน
“ ขอเดชะ.. กระหม่อม นายพลโฟซาร์ ผู้บัญชาการแห่งกองพลที่ 275 มีของขวัญขอนำขึ้นทูลเกล้าถวาย…”
“ ของขวัญอะไร…”
“ นั่นเป็นลายแทงของวิเศษแห่งจักรวาล ที่มีนามเรียกหาว่า ขลุ่ยแห่งไอย์ …”
“ ขลุ่ยแห่งไอย์ ?…หนึ่งในเก้าของวิเศษแห่งเอกภพ ที่เป็นดั่งตำนานเล่าขานมานาน.. หากแต่หายสาปสูญไปหลายพันปีแล้ว ฟังว่า..พลังแห่งเสียงขลุ่ยสามารถก่อตัวเป็นคอสโมพลังมหาศาลที่เพียงพอสามารถระเบิดดาวทั้งดวงให้กลายเป็นจุณได้ในพริบตา หากของสิ่งนี้มีจริง ก็นับว่าจะเป็นประโยชน์ที่จะช่วยในการสร้างเสริมพลานุภาพแห่งกองทัพของเราได้อย่างมากทีเดียว.. “
“ ด้วยพระบุญญาบารมีและพระราชอำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งพระองค์.. ขลุ่ยแห่งไอย์จึงคู่ควรยิ่งที่จะได้เป็นสิ่งวิเศษคู่พระบารมี…”
“ ตกลง..จงเข้ามา…”
สิ้นพระสุรเสียงราชานุญาต ยานแคปซูลของนายพลโฟร์ซาค่อยขับเคลื่อนเข้าใกล้ก้อนพลาสม่าทรงกลม แล้วถูกดูดเข้าไปภายในนั้นอย่างช้าๆ…..
◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕►
ภายในห้องก้อนพลาสม่าที่ประทับ… นายพลโฟร์ซาคุกเข่าข้างเดียว ก้มศีรษะต่ำอยู่บนแผ่นพรมหนานุ่มสีเขียวอ่อน ที่ดั่งลอยอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าพระที่นั่ง ห่างจากบัลลังก์ที่ประทับเพียงราวสิบกว่าก้าว
“ ลายแทงล่ะ ? “
“ อยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ…”
นายพลเฒ่าประคองตลับโลหะแวววาวทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวสี่นิ้วชูขึ้นเหนือเกล้า องค์จักรพรรดิโบกพระหัตถ์ลงมา ตลับอันนั้นก็ลอยหวือขึ้นช้าๆ เคลื่อนเข้าสู่พระหัตถ์ดั่งกับถูกดึงดูดเข้าไป
เมื่อเปิดผากล่องขึ้น… ละอองสีทองก็พวยพุ่งออกมาฉายเป็นภาพโฮโลแกรมของแผนที่ดวงดาวอันสวยงามของระบบดาวแห่งหนึ่ง ปรากฏขึ้นต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ และท่ามกลางกลุ่มดาวน้อยใหญ่นั้น.. มีอยู่ดวงหนึ่งซึ่งเปล่งแสงสีแดงชัดเจนที่สุดราวกับจงใจแต้มสีไว้เพื่อให้สะดุดตา
“ ที่นั่นเป็นที่ไหน ? “
“ ขอเดชะ.. นั่นคือที่ตั้งของดาวทอร์เรียส ซึ่งอยู่บนระบบดาวไกลโพ้นนอกขอบจักรวาล เป็นถิ่นชนบทที่ยังล้าหลังห่างไกลจากวิทยาการเทคโนโลยีของเราเป็นอย่างมาก เพียงแต่ด้วยเป็นเพราะอารยธรรมโบราณ จึงยังคงไว้ซึ่งพลังอำนาจลี้ลับคอยปกป้องอยู่ …บางที.. นี่อาจเป็นพลังจากขลุ่ยแห่งไอย์ด้วยก็ได้…”
“ ท่านได้ลายแทงนี้มากจากไหน ? “
“ กระหม่อมได้มันมาอย่างบังเอิญจากการปราบปรามโจรสลัดกลุ่มหนึ่ง..หากแต่คนพวกนั้นหารู้ไม่ว่ามันคือขุมทรัพย์ยิ่งใหญ่ของเอกภพ..”
“ หรือว่าขลุ่ยแห่งไอย์จะถูกเก็บซ่อนอยู่ที่ดาวทอร์เรียสจริงๆ “ ทรงพึมพำอย่างพึงพอพระทัย “ ถ้าหากลายแทงนี้เป็นของจริง.. ของขวัญชิ้นนี้ของท่านนับว่าถูกใจเราอย่างยิ่ง..โฟร์ซา… ขอบใจท่านมาก ”
“ ด้วยความยินดียิ่งพ่ะย่ะค่ะ…ความจริงกระหม่อมปรารถนาจะเดินทางไปนำขลุ่ยแห่งไอย์มาถวายด้วยตนเอง เพียงแต่.. ดาวทอร์เรียสอยู่นอกเส้นทางแผนการแผ่ขยายอาณานิคมของจักรวรรดิเรา .. จึงใคร่ขอพระราชทานอนุญาตเคลื่อนกำลังพลไปค้นหาขลุ่ยแห่งไอย์ที่ทอร์เรียส…”
“ ตกลง..เราอนุญาต.. จงนำกองพลของท่านเดินทางไปได้…”
สุรเสียงหยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อนเอ่ยต่อไปอย่างกังวาน
“ แล้วถ้างานนี้สำเร็จ…เราจะมีรางวัลแก่ท่านอย่างงาม..”
◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕► ◄↕►