คุณตาเราเสียตั้งแต่เรายังเด็กมาก ร่วม 30 ปีได้แล้วค่ะ คุณตาเราชื่อบุญเลิศ ในความทรงจำเรากับพี่ชายชอบกระโดดเล่นบนพุงแก เด้งดึ๋งดั๋งสนุกดี
-ช่างซ่อมขี้เมา-
ตาเลิศเป็นช่างซ่อมเครื่องบินของกองทัพอากาศ ชุดประจำตัวแกคือชุดหมี (ชุดช่างที่เป็นเสื้อ กางเกงติดกันอ่ะคะ) ตาเลิศถือเป็นช่างฝีมือดีมากคนนึง เป็นคนที่เจ้านายรู้ว่าเมาหัวราน้ำตลอดเวลาแต่ไม่กล้าไล่ออกเพราะเก่งจริง ตาเลิศติดเหล้าเข้าขั้น alcoholism ถึงเวลาสิ้นเดือนคนที่ทำงานต้องโทรหายายเราให้ไปเก็บเงินเดือน ไม่งั้นลงขวดเหล้าหมดไม่มีเหลือ เวลาปกติแกจะหงุดหงิด ขี้โมโห เคยโมโหยายเราทำอะไรไม่ได้ก็เอามีดฟันต้นไม้ยายซะเละ ยายร้องห่มร้องไห้หนักมากเพราะแกเป็นคนรักต้นไม้มากค่ะ แต่พอเหล้าเข้าปากจะเป็นคนใจดี ทองคอ พระเครื่อง ใครขอถอดให้เลย มีกี่เส้นก็หายหมดจนยายไม่ยอมให้ใส่ของมีค่า วันดีคืนดีรถตุ๊กๆ ที่รู้จักกันก็พามาส่งบ้านในสภาพหัวแตกเลือดอาบ เมาหมดสภาพ ถามอะไรก็จำไม่ได้
-ผีที่โรงพยาบาล-
ดื่มหนักขนาดนี้ ไม่รอดตับแข็งแน่นอนค่ะ แต่ตาเลิศไม่ชอบนอนโรงพยาบาล หนีกลับบ้านทั้งๆ สายน้ำเกลือติดแขนเป็นประจำ ตาเลิศเข้า-ออกโรงพยาบาลบ่อยเป็นเรื่องปกติ มีครั้งนึงแกแอดมิท ห้องที่นอนเป็นห้องรวม 6 คน แต่มีคนไข้อยู่ 2 คน แกกับผู้ชายอีกคนนอนกันคนละมุม มุมที่แกนอนจะมีตู้เหล็กเหมือนล็อคเกอร์เก็บอุปกรณ์วางเรียงกัน ข้างหัวเตียงแต่ละเตียงก็มีตู้เก็บของเล็กๆ ของใครของมัน วันดีคืนดีตาเลิศก็เปรยๆ กับแม่ว่า "ซื้อพวงมาลัยมาให้หน่อย จะไหว้พระ" แล้วก็ไม่ได้บอกอะไรจนออกจากโรงพยาบาลถึงเล่าให้ฟังว่าโดนกวนจนนอนไม่ได้ แต่ที่ไม่ยอมบอกแต่แรกเพราะกลัวคุณยายกับแม่ไม่ยอมไปหาค่ะ
ผู้หญิงกับเด็กในห้องคนไข้ ผู้หญิงไม่พูดไม่จา เอาแต่ร้องไห้ แล้วก็รื้อตู้เก็บอุปกรณ์ รื้อตู้หัวเตียงทุกตู้ ไล่มาถึงเตียงแก ผู้หญิงคนนั้นนั่งหันหลังให้ เอาแต่รื้อตู้รื้อหัวเตียงคุณตาเอาเป็นเอาตายเหมือนพยายามหาอะไรสักอย่าง และร้องไห้ตลอดเวลา ส่วนเด็กผู้ชายก็วิ่งไปทั่วรอบห้อง แล้วมานั่งอยู่ปลายเตียงตาเลิศ แกก็ทำเป็นสะบัดๆ ผ้าห่ม เจอกวนแบบนี้อยู่หลายวันจนออกจากโรงพยาบาล
-นกแสกกับความฝัน-
วันที่ตาเลิศเสีย ป๊าเรารับหน้าที่ถ่ายวีดีโอและถ่ายภาพ ในงานศพแม่สังเกตเห็นว่าป๊าสีหน้าไม่ค่อยดี และช่วงตลอดสัปดาห์นั้นป๊าก็ไม่ยอมลุกมาเข้าห้องน้ำคนเดียว แต่ต้องปลุกแม่ให้มานั่งเป็นเพื่อนหน้าห้องน้ำตลอด จนแม่อดถามไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า ป๊าเลยเล่าให้ฟังและบอกว่าไม่อยากเล่าก่อนหน้าตาเลิศเสียเพราะกลัวจะหาว่าแช่งค่ะ
ย้อนไปช่วงก่อนตาเลิศเสียประมาณ 1 สัปดาห์ แกบอกว่าไม่อยากตายที่โรงพยาบาลและขอกลับบ้าน ที่บ้านจัดให้แกนอนที่ห้องพระ วันนั้นป๊าเรากลับบ้านประมาณตี 2 ก็มายืนแปรงฟันอยู่ข้างบ้าน เค้าได้ยินเสียงนกแสกร้องอยู่เหนือหัว เลยเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นนกแสกเกาะอยู่บนหลังคาบ้าน และคืนเดียวกันป๊าก็ฝันว่า เห็นทหารใส่เครื่องแบบเต็มยศ เดินเรียงขบวนเป็นแถวทอดยาว หน้าสุดเป็นคุณยายเราเดินถือรูปตาเลิศเดินนำขบวนวนรอบอะไรสักอย่างถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้สวยงาม แล้วนำเดินขึ้นบันไดไป หัวบันไดถูกสลักเป็นลวดลาย เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊ามาถามแม่ว่า "พ่อจะปรับเลื่อนขั้นเมื่อไหร่?" แม่บอกว่า "ประมาณธันวาฯ (ช่วงนั้นเดือนตุลาฯค่ะ)"
งานศพตาเลิศไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากในฝันป๊า ตั้งแต่คุณยายถือรูปตาเลิศเดินนำขบวนทหารในเครื่องแบบเต็มยศ เดินวนรอบเมรุที่ประดับไปด้วยดอกไม้ แล้วเดินขึ้นบันไดไป เหมือนแม้กระทั่งลายสลักหัวบันได
-ตายครบ 7 วัน-
คุณยายเราเป็นคนตื่นเช้ามาก แกจะไปจ่ายตลาดประมาณตี 5 เป็นเรื่องปกติ วันนี้ครบรอบวันตายตาเลิศ 7 วันพอดี แกก็ตื่นไปตลาดตามปกติ แต่พอไปถึงตลาดกลับมีร้านเปิดน้อยมาก เลยถามแม่ค้าว่า "ทำไมวันนี้ร้านค้าไม่ค่อยเปิด" แม่ค้าก็บอกว่า "ยังไม่เปิดหรอก เพิ่งจะตี 3 เอง" นาฬิกาบ้านเราเป็นนาฬิกาโบราณแบบไขลาน วันนั้นนาฬิกาตาย ยายเลยเข้าใจผิดว่าเป็นตี 5 แกเลยกลับบ้านมาก่อน ลุงเรากำลังอาบน้ำเตรียมไปทำงานพอดี ยายกลับมาก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แกใส่เป็นกระโปรงยาวสวมหัว
จังหวะที่กำลังจะดึงกระโปรงสวมหัว หางตาก็เหลือบไปเห็นตาเลิศใส่ชุดหมี ยืนเอาแขนเกาะขื่อประตูชะเง้อมองยายอยู่ ซึ่งเป็นท่าประจำเวลาแกเมา ด้วยความเคยชิน ยายก็ทักไปว่า "อ้าวเลิศ...กลับมาแล้วหรอ" ตาเลิศก็พยักหน้ารับ แล้วแกก็นึกได้ว่า "เลิศมันตายไปแล้วนี่หว่า" คุณยายวิ่งไม่คิดชีวิตพุ่งไปหาลุงเราแล้วเคาะประตูอย่างบ้าคลั่งว่า "พ่อแกมาหาชั้นๆ" ซ้ำไปซ้ำมา แกเล่าให้ฟังทีหลังว่าเข้าใจเลยที่เค้าว่ากันว่า จับไข้หัวโกร๋นมันเป็นยังไง จะรู้สึกเหมือนบนหัวไม่มีผมสักเส้น มันโล่งและเย็นวาบไปหมด
ปล.1 ยายเราห้อยพระ 3 วันติด ไม่ยอมถอดแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ แต่พอคิดได้ว่าจะกลัวทำไมนั่นก็สามีนาง แกก็ถอดออกค่ะ พร้อมบ่นเสียดายว่าไม่ได้ขอหวย
ปล.2 หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเจอตาเราอีกเลย มีแต่ยายเคยฝันอีกหลายปีให้หลังว่า เจอตาเราใส่ชุดขาว พอยายถามว่าสบายดีไม๊ แกก็ตอบว่า "ตอนนี้อยู่กับคนโน้น" พลางชี้ไปที่ชายชุดขาวอีกคนที่กำลังนั่งวิปัสนาอยู่บนเนินเขาไม่ห่างออกไปเท่าไหร่ค่ะ
แชร์ประสบการ์หลอน คุณตาเสียในบ้าน
-ช่างซ่อมขี้เมา-
ตาเลิศเป็นช่างซ่อมเครื่องบินของกองทัพอากาศ ชุดประจำตัวแกคือชุดหมี (ชุดช่างที่เป็นเสื้อ กางเกงติดกันอ่ะคะ) ตาเลิศถือเป็นช่างฝีมือดีมากคนนึง เป็นคนที่เจ้านายรู้ว่าเมาหัวราน้ำตลอดเวลาแต่ไม่กล้าไล่ออกเพราะเก่งจริง ตาเลิศติดเหล้าเข้าขั้น alcoholism ถึงเวลาสิ้นเดือนคนที่ทำงานต้องโทรหายายเราให้ไปเก็บเงินเดือน ไม่งั้นลงขวดเหล้าหมดไม่มีเหลือ เวลาปกติแกจะหงุดหงิด ขี้โมโห เคยโมโหยายเราทำอะไรไม่ได้ก็เอามีดฟันต้นไม้ยายซะเละ ยายร้องห่มร้องไห้หนักมากเพราะแกเป็นคนรักต้นไม้มากค่ะ แต่พอเหล้าเข้าปากจะเป็นคนใจดี ทองคอ พระเครื่อง ใครขอถอดให้เลย มีกี่เส้นก็หายหมดจนยายไม่ยอมให้ใส่ของมีค่า วันดีคืนดีรถตุ๊กๆ ที่รู้จักกันก็พามาส่งบ้านในสภาพหัวแตกเลือดอาบ เมาหมดสภาพ ถามอะไรก็จำไม่ได้
-ผีที่โรงพยาบาล-
ดื่มหนักขนาดนี้ ไม่รอดตับแข็งแน่นอนค่ะ แต่ตาเลิศไม่ชอบนอนโรงพยาบาล หนีกลับบ้านทั้งๆ สายน้ำเกลือติดแขนเป็นประจำ ตาเลิศเข้า-ออกโรงพยาบาลบ่อยเป็นเรื่องปกติ มีครั้งนึงแกแอดมิท ห้องที่นอนเป็นห้องรวม 6 คน แต่มีคนไข้อยู่ 2 คน แกกับผู้ชายอีกคนนอนกันคนละมุม มุมที่แกนอนจะมีตู้เหล็กเหมือนล็อคเกอร์เก็บอุปกรณ์วางเรียงกัน ข้างหัวเตียงแต่ละเตียงก็มีตู้เก็บของเล็กๆ ของใครของมัน วันดีคืนดีตาเลิศก็เปรยๆ กับแม่ว่า "ซื้อพวงมาลัยมาให้หน่อย จะไหว้พระ" แล้วก็ไม่ได้บอกอะไรจนออกจากโรงพยาบาลถึงเล่าให้ฟังว่าโดนกวนจนนอนไม่ได้ แต่ที่ไม่ยอมบอกแต่แรกเพราะกลัวคุณยายกับแม่ไม่ยอมไปหาค่ะ
ผู้หญิงกับเด็กในห้องคนไข้ ผู้หญิงไม่พูดไม่จา เอาแต่ร้องไห้ แล้วก็รื้อตู้เก็บอุปกรณ์ รื้อตู้หัวเตียงทุกตู้ ไล่มาถึงเตียงแก ผู้หญิงคนนั้นนั่งหันหลังให้ เอาแต่รื้อตู้รื้อหัวเตียงคุณตาเอาเป็นเอาตายเหมือนพยายามหาอะไรสักอย่าง และร้องไห้ตลอดเวลา ส่วนเด็กผู้ชายก็วิ่งไปทั่วรอบห้อง แล้วมานั่งอยู่ปลายเตียงตาเลิศ แกก็ทำเป็นสะบัดๆ ผ้าห่ม เจอกวนแบบนี้อยู่หลายวันจนออกจากโรงพยาบาล
-นกแสกกับความฝัน-
วันที่ตาเลิศเสีย ป๊าเรารับหน้าที่ถ่ายวีดีโอและถ่ายภาพ ในงานศพแม่สังเกตเห็นว่าป๊าสีหน้าไม่ค่อยดี และช่วงตลอดสัปดาห์นั้นป๊าก็ไม่ยอมลุกมาเข้าห้องน้ำคนเดียว แต่ต้องปลุกแม่ให้มานั่งเป็นเพื่อนหน้าห้องน้ำตลอด จนแม่อดถามไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า ป๊าเลยเล่าให้ฟังและบอกว่าไม่อยากเล่าก่อนหน้าตาเลิศเสียเพราะกลัวจะหาว่าแช่งค่ะ
ย้อนไปช่วงก่อนตาเลิศเสียประมาณ 1 สัปดาห์ แกบอกว่าไม่อยากตายที่โรงพยาบาลและขอกลับบ้าน ที่บ้านจัดให้แกนอนที่ห้องพระ วันนั้นป๊าเรากลับบ้านประมาณตี 2 ก็มายืนแปรงฟันอยู่ข้างบ้าน เค้าได้ยินเสียงนกแสกร้องอยู่เหนือหัว เลยเงยหน้ามองขึ้นไปก็เห็นนกแสกเกาะอยู่บนหลังคาบ้าน และคืนเดียวกันป๊าก็ฝันว่า เห็นทหารใส่เครื่องแบบเต็มยศ เดินเรียงขบวนเป็นแถวทอดยาว หน้าสุดเป็นคุณยายเราเดินถือรูปตาเลิศเดินนำขบวนวนรอบอะไรสักอย่างถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้สวยงาม แล้วนำเดินขึ้นบันไดไป หัวบันไดถูกสลักเป็นลวดลาย เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊ามาถามแม่ว่า "พ่อจะปรับเลื่อนขั้นเมื่อไหร่?" แม่บอกว่า "ประมาณธันวาฯ (ช่วงนั้นเดือนตุลาฯค่ะ)"
งานศพตาเลิศไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากในฝันป๊า ตั้งแต่คุณยายถือรูปตาเลิศเดินนำขบวนทหารในเครื่องแบบเต็มยศ เดินวนรอบเมรุที่ประดับไปด้วยดอกไม้ แล้วเดินขึ้นบันไดไป เหมือนแม้กระทั่งลายสลักหัวบันได
-ตายครบ 7 วัน-
คุณยายเราเป็นคนตื่นเช้ามาก แกจะไปจ่ายตลาดประมาณตี 5 เป็นเรื่องปกติ วันนี้ครบรอบวันตายตาเลิศ 7 วันพอดี แกก็ตื่นไปตลาดตามปกติ แต่พอไปถึงตลาดกลับมีร้านเปิดน้อยมาก เลยถามแม่ค้าว่า "ทำไมวันนี้ร้านค้าไม่ค่อยเปิด" แม่ค้าก็บอกว่า "ยังไม่เปิดหรอก เพิ่งจะตี 3 เอง" นาฬิกาบ้านเราเป็นนาฬิกาโบราณแบบไขลาน วันนั้นนาฬิกาตาย ยายเลยเข้าใจผิดว่าเป็นตี 5 แกเลยกลับบ้านมาก่อน ลุงเรากำลังอาบน้ำเตรียมไปทำงานพอดี ยายกลับมาก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แกใส่เป็นกระโปรงยาวสวมหัว
จังหวะที่กำลังจะดึงกระโปรงสวมหัว หางตาก็เหลือบไปเห็นตาเลิศใส่ชุดหมี ยืนเอาแขนเกาะขื่อประตูชะเง้อมองยายอยู่ ซึ่งเป็นท่าประจำเวลาแกเมา ด้วยความเคยชิน ยายก็ทักไปว่า "อ้าวเลิศ...กลับมาแล้วหรอ" ตาเลิศก็พยักหน้ารับ แล้วแกก็นึกได้ว่า "เลิศมันตายไปแล้วนี่หว่า" คุณยายวิ่งไม่คิดชีวิตพุ่งไปหาลุงเราแล้วเคาะประตูอย่างบ้าคลั่งว่า "พ่อแกมาหาชั้นๆ" ซ้ำไปซ้ำมา แกเล่าให้ฟังทีหลังว่าเข้าใจเลยที่เค้าว่ากันว่า จับไข้หัวโกร๋นมันเป็นยังไง จะรู้สึกเหมือนบนหัวไม่มีผมสักเส้น มันโล่งและเย็นวาบไปหมด
ปล.1 ยายเราห้อยพระ 3 วันติด ไม่ยอมถอดแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ แต่พอคิดได้ว่าจะกลัวทำไมนั่นก็สามีนาง แกก็ถอดออกค่ะ พร้อมบ่นเสียดายว่าไม่ได้ขอหวย
ปล.2 หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเจอตาเราอีกเลย มีแต่ยายเคยฝันอีกหลายปีให้หลังว่า เจอตาเราใส่ชุดขาว พอยายถามว่าสบายดีไม๊ แกก็ตอบว่า "ตอนนี้อยู่กับคนโน้น" พลางชี้ไปที่ชายชุดขาวอีกคนที่กำลังนั่งวิปัสนาอยู่บนเนินเขาไม่ห่างออกไปเท่าไหร่ค่ะ