ผมเคยได้ชมผลงานของคุณวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง มาแล้ว 3 เรื่อง คือ หมานคร เป็นชู้กับผี และ อินทรีแดง ซึ่งผมชอบ หมานคร มากๆ มันเป็นหนังที่สื่อสารแมสเซจได้เท่ห์สุดๆ แต่ผมก็กลับมาผิดหวังกับ เป็นชู้กับผี อาจเพราะผมเข้าไม่ถึงการสื่อสารประเด็นของหนัง แต่กลับมาประทับใจสุดๆอีกครั้งกับ อินทรีแดง เวอร์ชั่นของคุณวิศิษฏ์ ตอนดูจบ ผมรู้สึกว่าถึงขนาดว่า นี่เป็นหนังไทยที่สมบูรณ์แบบที่สุดตั้งแต่ดูหนังไทยมา (ไม่ได้ชอบที่สุด แต่รู้สึกว่ามันสมบูรณ์ที่สุด)
หลังจากได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องรุ่นพี่ ผมกลับไม่รู้สึกอยากดูหนังเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ แต่ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ก็กลับทำให้ผมอยากรู้เช่นกันว่า งานของคุณวิศิษฏ์ น่าจะมีทีเด็ดบางอย่างที่เราไม่ได้เห็นจากในหนังตัวอย่าง แล้วเมื่อผมชมหนังเรื่องนี้จบ ผมก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
หนังเดินเรื่องด้วยการสืบสวนคดีฆาตกรรมในอดีต ซึ่งผมว่าหนังเล่าเรื่องได้สนุกมาก จังหวะการเล่าเรื่องลงตัว ไม่ขาดไม่เกิน การแบ่งการเล่าเรื่องในแต่ประเด็นทำได้ยอดเยี่ยมมาก เราได้ครบทุกรสที่หนังเล่าเลย
งานด้านภาพ ก็เป็นสิ่งที่ทำดีไม่แพ้กัน มีหลายอารมณ์ไปหมด บางฉากก็ให้อารมณ์หลอนน่ากลัว บางฉากก็ให้อารมณ์โรแมนติค บางฉากก็ให้อารมณ์หดหู่ ส่วนตัวผมชอบภาพในช่วงที่เล่าเรื่องการไปเที่ยวด้วยกันของม่อนและแอ้นในตอนต้นเรื่อง โดยใช้เพลง “เธอเดินเข้ามา” เป็นตัวช่วยในการเล่าเรื่อง ภาพช่วงนี้อบอุ่นสวยงามมากๆ
ดนตรีประกอบ เป็นสิ่งที่ผมรักมากในหนังเรื่องนี้ ทุกครั้งที่เพลง “เธอเดินเข้ามา” ดังขึ้น มันมาพร้อมกับอารมณ์ของหนังในตอนนั้น มันช่วยเล่าเรื่องได้ดียิ่งขึ้น และเพลงก็เพราะและมีเนื้อหาที่ดีมาก หลังดูจบผมเปิดเพลงนี้ฟังมาหลายสิบรอบมากๆ ผมชอบทั้งเวอร์ชั่นปกติและ acoustic เลย
สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างในหนังเรื่องนี้ คือ การแสดงของพลอยชมพู ตัวละครตัวนี้ไม่ได้แสดงง่ายนัก เพราะเป็นตัวละครที่แข็งนอก อ่อนใน การเล่นให้เราเห็นคาแรคเตอร์ที่แข็งๆตรงๆ ไม่กลัวอะไร ไม่แคร์ใคร แต่ด้านในของตัวละครกลับต้องการใครซักคนที่เข้าใจเค้าจริงๆ ทำได้ไม่ง่ายนัก ฉากที่ม่อนร้องไห้ หลังทราบข่าวการฆ่าตัวตายของแอ้น มันทำให้ผมขนลุกมากๆ เพราะเหมือนกับม่อนพยายามซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ภายในมาตลอด จนถึงจุดที่ม่อนต้องปล่อยมันออกมา มันทำได้ถึงมากๆ
แม้หนังจะดำเนินเรื่องโดยการสืบสวนคดีฆาตกรรมเป็นเส้นเรื่องหลัก แต่ผมกลับชอบการเล่าเรื่องของความสัมพันธ์มากกว่า ทั้งคู่ของม่อน-แอ้น และคู่ของรุ่นพี่-ม่อน
ผมชอบความสัมพันธ์ของคู่เพื่อนอย่าง ม่อน-แอ้นมากที่สุด หนังเล่าความสัมพันธ์ได้เยี่ยมมากๆ แม้จะมีฉากไม่มากที่เล่าเรื่องของทั้งคู่ ผมชอบทุกฉากที่ทั้งคู่นั่งคุยกันที่ม้านั่งบนด่านฟ้า ชอบฉากเรื่องถามที่มาของชื่อม่อน มันน่ารักมากๆ ม่อนก็ตอบโต้ได้มีเสน่ห์สุดๆ
ช่วงชีวิตของเด็กนักเรียนหญิงในวัยมัธยม เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้รับรู้มากนัก เนื่องจากผมอยู่ในกลุ่มผู้ชายมาตลอด แต่ก็เชื่อมาตลอดเช่นกันว่า มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนหญิงในชีวิตจริงแน่ๆ แอ้นเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนเลย ซึ่งม่อนคือคนเดียวที่ยอมคุยกับแอ้น สำหรับผม เราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะ ขอแค่มีใครซักคนที่เข้าใจและยอมรับเราได้จริงๆ นั่นก็เพียงพอแล้ว และม่อนคือคนๆนั้นของแอ้น ฉากที่ม่อนโกรธที่แอ้นโกหก แล้วแอ้นพยายามจะมาง้อม่อนในห้องนอน แต่ม่อนนอนอยู่บนเตียงไม่ยอมหันไปคุยด้วย ผมเห็นสายตาของม่อนเจ็บปวดมากๆ แม้จะเห็นแค่ 2-3 วินาทีก็ตาม
วันที่แอ้นเจอปัญหา ต้องการกำลังใจจากม่อน แต่ไม่สามารถติดต่อม่อนได้ เลยทำให้แอ้นต้องเลือกตัดสินใจแบบนั้น คนที่ปวดร้าวไม่ใช่แอ้น แต่คือคนที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างม่อนต่างหาก ความรู้สึกผิดที่เราไม่ได้ไปอยู่ข้างเค้าในวันที่เค้าต้องการเรา มันเจ็บปวดมากๆ
การเข้ามาของใครบางคน มันควรเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ การพบเจอกันของม่อนกับรุ่นพี่ เกิดขึ้นเพียงเพราะรุ่นพี่ต้องการที่จะสืบคดีฆาตกรรมในอดีต แต่เหมือนทั้งคู่ได้เข้ามาเติมเต็มชีวิตของกันและกัน มันไม่ได้หวานโรแมนติค แต่ผมกลับเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ผมว่ามันไม่ใช่ความรักอะไรทั้งนั้น มันคือความรู้สึกดีต่อกัน มันเกิดขึ้นได้เองโดยไม่ต้องไปปรุงแต่ง (เปรียบเทียบกับกรณีของหมอโน เราไม่รู้สึกอะไรเลยในความสัมพันธ์ เพราะมันปรุงแต่งสุดๆ)
ฉากที่แสนน่ารักของเรื่อง คือ ฉากแกล้งดับไฟในร้านอาหาร เพื่อให้ม่อนแยกจากหมอโน แล้วฉากต่อมา ม่อนเดินมาหารุ่นพี่ข้างถนน และเดินพูดคุยกันไปจนถึงบ้าน ฉากนี้มันน่ารักมากๆ ม่อนเดินจูงจักรยาน พูดคุยกับรุ่นพี่ เราเห็นสีหน้าของม่อนที่เราแทบไม่ได้เห็นก่อนหน้านี้ เรารู้สึกว่าเป็นช่วงที่ม่อนมีความสุขมากๆ
รุ่นพี่กับม่อน คือการมาพบกันในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต บางทีเราอาจจะคาดหวังว่า ในชีวิตเราจะเจอใครซักคนที่พร้อมอยู่เคียงข้างและเดินร่วมกันไปตลอดชีวิต แต่ในชีวิตจริงแล้ว ก็อย่างที่หนังบอก คนเราเกิดมาเพื่อพบเจอกันในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายเราทุกคนก็ต้องแยกจากกัน บางคู่อาจจะอยู่ร่วมกันอย่างยาวนาน บางคู่อาจจะเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมคิดว่ามันคงไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้นานแค่ไหน ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ร่วมกันต่างหากที่มันสำคัญที่สุด
เธอ เดินเข้ามาในวันที่ฉันไม่มีใคร
เธอ เดินเข้ามาในวันที่ฉันร้องไห้
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/
รุ่นพี่ - เธอ เดินเข้ามาในวันที่ฉันไม่มีใคร (Spoil)
หลังจากได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องรุ่นพี่ ผมกลับไม่รู้สึกอยากดูหนังเรื่องนี้ซักเท่าไหร่ แต่ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ก็กลับทำให้ผมอยากรู้เช่นกันว่า งานของคุณวิศิษฏ์ น่าจะมีทีเด็ดบางอย่างที่เราไม่ได้เห็นจากในหนังตัวอย่าง แล้วเมื่อผมชมหนังเรื่องนี้จบ ผมก็ไม่ผิดหวังจริงๆ
หนังเดินเรื่องด้วยการสืบสวนคดีฆาตกรรมในอดีต ซึ่งผมว่าหนังเล่าเรื่องได้สนุกมาก จังหวะการเล่าเรื่องลงตัว ไม่ขาดไม่เกิน การแบ่งการเล่าเรื่องในแต่ประเด็นทำได้ยอดเยี่ยมมาก เราได้ครบทุกรสที่หนังเล่าเลย
งานด้านภาพ ก็เป็นสิ่งที่ทำดีไม่แพ้กัน มีหลายอารมณ์ไปหมด บางฉากก็ให้อารมณ์หลอนน่ากลัว บางฉากก็ให้อารมณ์โรแมนติค บางฉากก็ให้อารมณ์หดหู่ ส่วนตัวผมชอบภาพในช่วงที่เล่าเรื่องการไปเที่ยวด้วยกันของม่อนและแอ้นในตอนต้นเรื่อง โดยใช้เพลง “เธอเดินเข้ามา” เป็นตัวช่วยในการเล่าเรื่อง ภาพช่วงนี้อบอุ่นสวยงามมากๆ
ดนตรีประกอบ เป็นสิ่งที่ผมรักมากในหนังเรื่องนี้ ทุกครั้งที่เพลง “เธอเดินเข้ามา” ดังขึ้น มันมาพร้อมกับอารมณ์ของหนังในตอนนั้น มันช่วยเล่าเรื่องได้ดียิ่งขึ้น และเพลงก็เพราะและมีเนื้อหาที่ดีมาก หลังดูจบผมเปิดเพลงนี้ฟังมาหลายสิบรอบมากๆ ผมชอบทั้งเวอร์ชั่นปกติและ acoustic เลย
สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างในหนังเรื่องนี้ คือ การแสดงของพลอยชมพู ตัวละครตัวนี้ไม่ได้แสดงง่ายนัก เพราะเป็นตัวละครที่แข็งนอก อ่อนใน การเล่นให้เราเห็นคาแรคเตอร์ที่แข็งๆตรงๆ ไม่กลัวอะไร ไม่แคร์ใคร แต่ด้านในของตัวละครกลับต้องการใครซักคนที่เข้าใจเค้าจริงๆ ทำได้ไม่ง่ายนัก ฉากที่ม่อนร้องไห้ หลังทราบข่าวการฆ่าตัวตายของแอ้น มันทำให้ผมขนลุกมากๆ เพราะเหมือนกับม่อนพยายามซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ภายในมาตลอด จนถึงจุดที่ม่อนต้องปล่อยมันออกมา มันทำได้ถึงมากๆ
แม้หนังจะดำเนินเรื่องโดยการสืบสวนคดีฆาตกรรมเป็นเส้นเรื่องหลัก แต่ผมกลับชอบการเล่าเรื่องของความสัมพันธ์มากกว่า ทั้งคู่ของม่อน-แอ้น และคู่ของรุ่นพี่-ม่อน
ผมชอบความสัมพันธ์ของคู่เพื่อนอย่าง ม่อน-แอ้นมากที่สุด หนังเล่าความสัมพันธ์ได้เยี่ยมมากๆ แม้จะมีฉากไม่มากที่เล่าเรื่องของทั้งคู่ ผมชอบทุกฉากที่ทั้งคู่นั่งคุยกันที่ม้านั่งบนด่านฟ้า ชอบฉากเรื่องถามที่มาของชื่อม่อน มันน่ารักมากๆ ม่อนก็ตอบโต้ได้มีเสน่ห์สุดๆ
ช่วงชีวิตของเด็กนักเรียนหญิงในวัยมัธยม เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้รับรู้มากนัก เนื่องจากผมอยู่ในกลุ่มผู้ชายมาตลอด แต่ก็เชื่อมาตลอดเช่นกันว่า มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนหญิงในชีวิตจริงแน่ๆ แอ้นเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนเลย ซึ่งม่อนคือคนเดียวที่ยอมคุยกับแอ้น สำหรับผม เราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะ ขอแค่มีใครซักคนที่เข้าใจและยอมรับเราได้จริงๆ นั่นก็เพียงพอแล้ว และม่อนคือคนๆนั้นของแอ้น ฉากที่ม่อนโกรธที่แอ้นโกหก แล้วแอ้นพยายามจะมาง้อม่อนในห้องนอน แต่ม่อนนอนอยู่บนเตียงไม่ยอมหันไปคุยด้วย ผมเห็นสายตาของม่อนเจ็บปวดมากๆ แม้จะเห็นแค่ 2-3 วินาทีก็ตาม
วันที่แอ้นเจอปัญหา ต้องการกำลังใจจากม่อน แต่ไม่สามารถติดต่อม่อนได้ เลยทำให้แอ้นต้องเลือกตัดสินใจแบบนั้น คนที่ปวดร้าวไม่ใช่แอ้น แต่คือคนที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างม่อนต่างหาก ความรู้สึกผิดที่เราไม่ได้ไปอยู่ข้างเค้าในวันที่เค้าต้องการเรา มันเจ็บปวดมากๆ
การเข้ามาของใครบางคน มันควรเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ การพบเจอกันของม่อนกับรุ่นพี่ เกิดขึ้นเพียงเพราะรุ่นพี่ต้องการที่จะสืบคดีฆาตกรรมในอดีต แต่เหมือนทั้งคู่ได้เข้ามาเติมเต็มชีวิตของกันและกัน มันไม่ได้หวานโรแมนติค แต่ผมกลับเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ผมว่ามันไม่ใช่ความรักอะไรทั้งนั้น มันคือความรู้สึกดีต่อกัน มันเกิดขึ้นได้เองโดยไม่ต้องไปปรุงแต่ง (เปรียบเทียบกับกรณีของหมอโน เราไม่รู้สึกอะไรเลยในความสัมพันธ์ เพราะมันปรุงแต่งสุดๆ)
ฉากที่แสนน่ารักของเรื่อง คือ ฉากแกล้งดับไฟในร้านอาหาร เพื่อให้ม่อนแยกจากหมอโน แล้วฉากต่อมา ม่อนเดินมาหารุ่นพี่ข้างถนน และเดินพูดคุยกันไปจนถึงบ้าน ฉากนี้มันน่ารักมากๆ ม่อนเดินจูงจักรยาน พูดคุยกับรุ่นพี่ เราเห็นสีหน้าของม่อนที่เราแทบไม่ได้เห็นก่อนหน้านี้ เรารู้สึกว่าเป็นช่วงที่ม่อนมีความสุขมากๆ
รุ่นพี่กับม่อน คือการมาพบกันในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต บางทีเราอาจจะคาดหวังว่า ในชีวิตเราจะเจอใครซักคนที่พร้อมอยู่เคียงข้างและเดินร่วมกันไปตลอดชีวิต แต่ในชีวิตจริงแล้ว ก็อย่างที่หนังบอก คนเราเกิดมาเพื่อพบเจอกันในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายเราทุกคนก็ต้องแยกจากกัน บางคู่อาจจะอยู่ร่วมกันอย่างยาวนาน บางคู่อาจจะเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมคิดว่ามันคงไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้นานแค่ไหน ช่วงเวลาที่เราได้อยู่ร่วมกันต่างหากที่มันสำคัญที่สุด
เธอ เดินเข้ามาในวันที่ฉันไม่มีใคร
เธอ เดินเข้ามาในวันที่ฉันร้องไห้
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/