ขอกราบไหว้พระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
----------
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
สุตโสมจริยาที่ ๑๒
ว่าด้วยพระจริยาวัตรของพระเจ้าสุตโสม
[๓๒] อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลเมื่อเราเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระนามว่าสุตโสม
ถูกพระเจ้าโปริสาทจับไปได้ ระลึกถึงคำผัดเพี้ยนไว้กะพราหมณ์
พระยาโปริสาทเอาเชือกร้อยฝ่ามือกษัตริย์ ๑๐๑ ไว้แล้ว
ทำกษัตริย์เหล่านั้นให้ได้รับความลำบาก นำเราไปด้วยเพื่อต้องการทำพลีกรรม
พระยาโปริสาทได้ถามเราว่าท่านปรารถนาจะให้ปล่อยหรือ
เราจักทำตามชอบใจของท่าน ถ้าท่านจะกลับมาสู่สำนักเรา
เรารับคำพระยาโปริสาทนั้นว่าจะกล่าวใย ถึงการมาของเรา
แล้วเข้าไปยังพระนครอันรื่นรมย์มอบราชสมบัติแล้วในกาลนั้น
เพราะเราระลึกถึงธรรมของสัตบุรุษ เป็นของเก่า
อันพระพุทธเจ้า เป็นต้นเสพแล้วให้ทรัพย์แก่พราหมณ์แล้ว
จึงเข้าไปหาพระยาโปริสาท
ในการมาในสำนักพระยาโปริสาทนั้น เราไม่มีความสงสัยว่าจักฆ่าหรือไม่
เราตามรักษาสัจจวาจายอมสละชีวิตเข้าไปหาพระยาโปริสาท
ผู้เสมอด้วยความสัตย์ของเราไม่มี นี้เป็นสัจจบารมีของเรา ฉะนี้แล
---
พระโพธิสัตว์เมื่อเสวยพระชาติเป็นอลีนสัตตุกุมาร (ชัยทิศชาดก) ได้สละชีวิตแทนพระราชบิดา
---
พระโพธิสัตว์เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระเจ้ามหาสุตโสม (มหาสุตโสมชาดก) ได้สละชีวิตรักษาความสัตย์
----------
ชัยทิศชาดก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระศาสดา เมื่อเสด็จประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้เลี้ยงมารดารูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
ท่านพระองคุลิมาลเกิดเป็นโอรสของพระเจ้าอุตตรปัญจาลราช ถูกนางยักษณีจับไปเลี้ยงเป็นบุตร จึงมีนิสัยเป็นยักษ์ กินเนื้อมนุษย์
วันหนึ่งจับพระราชบิดาของพระโพธิสัตว์เพื่อจะนำไปกิน พระโพธิสัตว์ทูลต่อพระราชบิดาว่า พระองค์จะขอยอมตายแทน
ยักษ์นั้นเมื่อได้เห็นพระโพธิสัตว์ที่จะมาตายแทนพระราชบิดา ก็กล่าวว่า
การที่บุคคลยอมตายแทน เพื่อเปลื้องบิดาให้พ้นไปนี้เป็นกรรมที่ทำได้ยากทีเดียว แต่ท่านก็ทำได้
พระโพธิสัตว์ตอบว่า
มิใช่ของทำยากเลยในเรื่องนี้ เราไม่เห็นสำคัญอะไร ผู้ใดยอมตายแทนเพื่อเปลื้องบิดา หรือเพราะเหตุแห่งมารดา
ผู้นั้นไปสู่ปรโลกแล้ว ย่อมเป็นผู้เพรียบพร้อมด้วยสุข และอารมณ์อันงามเลิศ
เราระลึกไม่ได้เลยว่า เราจะกระทำความชั่วเพื่อตนเอง ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ
เพราะว่าเราเป็นผู้มีชาติและมรณะ อันกำหนดไว้แล้วว่า ในโลกนี้ของเราฉันใด โลกหน้าก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เชิญท่านกินเนื้อเราในวันนี้ เสียบัดนี้เถิด เชิญท่านทำกิจเถิด สรีระนี้เราสละแล้ว เราจะทำเป็นพลัดตกมาจากยอดไม้
ท่านชอบใจเนื้อส่วนใดๆ ก็เชิญท่านกินเนื้อส่วนนั้นๆ ของเราเถิด
ยักษ์ฟังถ้อยคำของพระกุมารแล้วตกใจกลัว คิดว่าเราไม่อาจที่จะกินเนื้อพระกุมารนี้ได้ กล่าวว่า
ผู้ที่ตั้งอยู่ในธรรม มีวาจาสัตย์ รู้ความประสงค์ของผู้ขอเช่นท่าน ใครจะนำมากินเป็นภักษาหารได้
ผู้ใดกินผู้มีวาจาสัตย์เช่นท่าน ศีรษะของผู้นั้น ก็จะพึงแตกออกเป็นเจ็ดเสี่ยง
ยักษ์กล่าวดังนี้แล้วปล่อยพระโพธิสัตว์กลับไป ก่อนพระโพธิสัตว์จะกลับ ทรงให้โอวาทและให้รักษาศีล ๕
ยักษ์ได้กลับใจแล้วบวชเป็นฤาษี
---
มหาสุตโสมชาดก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระปรารภพระอังคุลิมาลเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราผู้ได้บรรลุปรมาภิสมโพธิญาณ ทรมานพระองคุลิมาลได้ในบัดนี้ ไม่น่าอัศจรรย์เลย
เมื่อครั้งเรายังบำเพ็ญบุรพจริยาแม้ตั้งอยู่ในประเทศญาณก็ทรมานพระองคุลิมาลนี้ได้
ในอดีต ท่านพระองคุลิมาลเกิดเป็นพรหมทัตกุมาร เมื่อได้เสวยราชสมบัติแล้วติดใจเนื้อมนุษย์ ได้เสวยเนื้อมนุษย์
จนชาวเมืองเนรเทศออกจากราชสมบัติไปอยู่ป่า เมื่อไปอยู่ป่าก็เที่ยวดักจับคนไปกิน จนได้นามว่า โปริสาท (มนุษย์กินคน)
คราวหนึ่งรุกขเทวดาซึ่งสถิตอยู่ที่ต้นไทรที่เจ้าโปริสาทอาศัยอยู่ในป่าแปลงเพศเป็นบรรพชิตไปปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ
เพื่อจะออกอุบายให้เจ้าโปริสาทจับพระโพธิสัตว์มา (เพื่อพระโพธิสัตว์จะได้อบรมให้กลับตัว)
เจ้าโปริสาทคว้าดาบวิ่งไล่ติดตามรุกขเทวดาไปถึง ๓ โยชน์ ก็ไม่อาจจะไล่ทันได้
แม้วิ่งอยู่จนสุดกำลังก็ยังไม่อาจจะจับบรรพชิตผู้เดินไปอยู่โดยปกติได้ จึงร้องบอกไปว่า
รุกขเทวดาตอบว่า
เจ้าโปริสาทกล่าวว่า
ท่านเมื่อเรากล่าวว่า จงหยุด ก็ยังเดินไม่เหลียวหลัง ดูก่อนพรหมจารี ท่านไม่ได้หยุดกล่าวว่า หยุดแล้ว
ดูก่อนสมณะ ท่านประพฤติอย่างนี้สมควรแล้วหรือ ดาบของเรา ท่านเข้าใจว่าเป็นขนปีกนกตะกรุมหรือ
รุกขเทวดากล่าวว่า
ดูก่อนพระราชา อาตมภาพเป็นผู้หยุดก่อนแล้วในธรรมของตน ไม่ได้เปลี่ยนนามและโคตร
ส่วนโจร นักปราชญ์ท่านกล่าวว่า ไม่หยุดในโลก เพราะเคลื่อนจากโลกนี้แล้ว ต้องไปเกิดในอบาย หรือในนรกแน่
ดูก่อนพระราชา ถ้าพระองค์ทรงเชื่ออาตมภาพ ต้องจับพระเจ้าสุตโสม (พระโพธิสัตว์) ผู้เป็นกษัตริย์มาด้วย
พระองค์บูชายัญด้วยพระเจ้าสุตโสมนั่นแล จักไปสวรรค์แล
เจ้าโปริสาทจึงไปจับพระโพธิสัตว์มา
พระโพธิสัตว์ขอกลับไปฟังธรรมก่อน ตามวาจาที่ให้ไว้กับพราหมณ์ผู้หนึ่ง แล้ววันรุ่งขึ้นจะกลับมาให้โดนจับดังเดิม
เรามิได้คิดถึงตัวเอง มิได้คิดถึงลูกเมีย มิได้คิดถึงทรัพย์สมบัติ มิได้คิดถึงบ้านเมือง
แต่ธรรมของสัตบุรุษที่ท่านประพฤติกันครั้งโบราณ เราผลัดต่อพราหมณ์ไว้ คิดถึงเรื่องธรรมข้อนั้นแล
การนัดหมายอันใด ที่ข้าพเจ้าผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ได้ทำไว้กับพราหมณ์ในแคว้นของตน
การนัดหมายอันนั้นต่อพราหมณ์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจักเป็นผู้รักษาความสัตย์กลับมา
คนที่มีศีลบริสุทธิ์ มุ่งปรารถนาความตาย คนผู้มีธรรมลามกที่นักปราชญ์ติเตียน ไม่พึงปรารถนาชีวิต
นรชนคนใดพึงกล่าวคำเท็จ เพราะเหตุแม้แห่งของรักอันใด ของรักอันนั้น ไม่รักษานรชนคนนั้นจากทุคติได้เลย
แม้ถึงลมจะพึงพัดภูเขามาได้ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จะพึงตกในแผ่นดินได้
แม่น้ำทั้งหมดจะพึงไหลทวนกระแสได้ ถึงอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็พูดเท็จไม่ได้จริงๆ นะพระราชา
ฟ้าจะพึงแตกได้ ทะเลจะพึงแห้งได้ แผ่นดินอันทรงไว้ซึ่งภูตจะพึงพลิกได้ เมรุบรรพตจะพึงเพิกถอนได้ตลอดราก
ข้าพเจ้าก็พูดเท็จไม่ได้เลยนะราชา
ข้าพเจ้าจักจับดาบและหอก จะทำแม้ซึ่งการสาบานแก่ท่านก็ได้นะสหาย
ข้าพเจ้าพ้นจากท่านไปแล้ว เป็นผู้หาหนี้มิได้ จักเป็นผู้รักษาความสัตย์กลับมา
เจ้าโปริสาทจึงปล่อยพระโพธิสัตว์กลับไป เมื่อพราหมณ์ได้เข้าเฝ้าพระโพธิสัตว์ ก็ทูลว่า
บัดนี้ ขอมหาบพิตรจงทรงสดับคาถา ชื่อว่าสตารหา ๔ คาถา ตามที่
พระกัสสปพุทธเจ้าทรงแสดงไว้
อันจะถอนความเมามีความเมาด้วยราคะเป็นต้นให้สร่าง ให้สำเร็จอมตมหานิพพานนี้
แล้วดูคัมภีร์ กล่าวคาถาว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระโพธิสัตว์เมื่อได้กลับไปให้เจ้าโปริสาทจับ เจ้าโปริสาทได้ถามว่า
พระองค์ทรงเห็นอานิสงส์อะไรด้วยความสัตย์
พระโพธิสัตว์ตรัสตอบว่า
รสเหล่าใดบรรดาที่มีอยู่ในแผ่นดิน ความสัตย์ย่อมดีกว่ารสเหล่านั้น
เพราะสมณพราหมณ์ที่ตั้งอยู่ในความสัตย์ ย่อมข้ามฝั่งแห่งชาติและมรณะเสียได้
เจ้าโปริสาทถามต่อว่า ท่านไม่กลัวตายหรือ พระโพธิสัตว์ตรัสตอบว่า
กัลยาณธรรมหลายอย่าง เราได้ทำแล้ว ยัญที่ไพบูลย์ บัณฑิตสรรเสริญ เราก็ได้บูชาแล้ว
ทางปรโลกเราก็ได้ชำระให้บริสุทธิ์แล้ว ผู้ที่ตั้งอยู่ในธรรม ใครเล่าจะกลัวตาย
...
พระชนกและพระชนนี เราก็ได้บำรุงแล้ว ความเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เราก็ได้ปกครองแล้วโดยธรรม
...
อุปการกิจในพวกญาติและมิตร เราก็ได้กระทำแล้ว ความเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เราก็ได้ปกครองแล้วโดยธรรม
...
ทานเราก็ได้ให้แล้วเป็นอันมากแก่คนจำนวนมาก สมณพราหมณ์ เราก็ได้อุปถัมภ์ให้อิ่มหนำแล้ว
...
ดูก่อนท่านโปริสาท ท่านจงบูชายัญกินเราเสียเถิด
เจ้าโปริสาทได้สดับดังนั้น ตกใจกลัวว่า พระเจ้าสุตโสมมหาราชนี้เป็นสัตบุรุษ มีความรู้ แสดงธรรมอันไพเราะ
ถ้าเราจะกินเธอเสีย แม้ศีรษะของเราก็จะต้องแตกออกเป็น ๗ เสี่ยง หรือถูกแผ่นดินสูบ
เจ้าโปริสาทคิดว่า คงเป็นเพราะพระเจ้าสุตโสมได้ฟังธรรม จึงมีจิตใจเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ จึงขอให้พระโพธิสัตว์ตรัสพระคาถานั้นให้ฟัง
ในที่สุดเจ้าโปริสาทก็กลับตัวได้ รับศีล ๕ และได้กลับมาครองกรุงพาราณสีดังเดิม
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=28.0&i=315&p=3
สังเกตว่า : คำพูดที่ว่า “เราหยุดแล้ว เธอจงหยุดเถิด” นั้น เป็นคำที่ท่านพระองคุลิมาลเคยได้ฟังมาแล้วในอดีตชาติ
เมื่อได้มาฟังในชาตินี้อีกจึงอาจมีส่วนทำให้สะดุดใจและฉุกคิดได้เร็ว
------
เช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์
(In The Same Way As Bodhisattva)
๛ ... นรชนเมื่อระลึกถึงธรรม พึงสละทั้งอวัยวะ ทั้งทรัพย์ และแม้ชีวิตทั้งหมด ๛
----------
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
ถูกพระเจ้าโปริสาทจับไปได้ ระลึกถึงคำผัดเพี้ยนไว้กะพราหมณ์
พระยาโปริสาทเอาเชือกร้อยฝ่ามือกษัตริย์ ๑๐๑ ไว้แล้ว
ทำกษัตริย์เหล่านั้นให้ได้รับความลำบาก นำเราไปด้วยเพื่อต้องการทำพลีกรรม
พระยาโปริสาทได้ถามเราว่าท่านปรารถนาจะให้ปล่อยหรือ
เราจักทำตามชอบใจของท่าน ถ้าท่านจะกลับมาสู่สำนักเรา
เรารับคำพระยาโปริสาทนั้นว่าจะกล่าวใย ถึงการมาของเรา
แล้วเข้าไปยังพระนครอันรื่นรมย์มอบราชสมบัติแล้วในกาลนั้น
เพราะเราระลึกถึงธรรมของสัตบุรุษ เป็นของเก่า
อันพระพุทธเจ้า เป็นต้นเสพแล้วให้ทรัพย์แก่พราหมณ์แล้ว
จึงเข้าไปหาพระยาโปริสาท
ในการมาในสำนักพระยาโปริสาทนั้น เราไม่มีความสงสัยว่าจักฆ่าหรือไม่
เราตามรักษาสัจจวาจายอมสละชีวิตเข้าไปหาพระยาโปริสาท
ผู้เสมอด้วยความสัตย์ของเราไม่มี นี้เป็นสัจจบารมีของเรา ฉะนี้แล
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=33&A=9396&Z=9411&pagebreak=0
พระโพธิสัตว์เมื่อเสวยพระชาติเป็นอลีนสัตตุกุมาร (ชัยทิศชาดก) ได้สละชีวิตแทนพระราชบิดา
พระองค์อย่าเสด็จไปในสำนักของยักษ์เลย
ข้าพระพุทธเจ้าจะขอเอาชีวิตของข้าพระพุทธเจ้า แลกพระชนมชีพของพระองค์นี้แหละไว้
เพราะฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าขอยอมตายแทนพระองค์
พระโพธิสัตว์เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระเจ้ามหาสุตโสม (มหาสุตโสมชาดก) ได้สละชีวิตรักษาความสัตย์
นั่นเป็นสัจจบารมีของเรา ดังนี้
----------
ชัยทิศชาดก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บัดนี้ ขอมหาบพิตรจงทรงสดับคาถา ชื่อว่าสตารหา ๔ คาถา ตามที่พระกัสสปพุทธเจ้าทรงแสดงไว้
อันจะถอนความเมามีความเมาด้วยราคะเป็นต้นให้สร่าง ให้สำเร็จอมตมหานิพพานนี้
แล้วดูคัมภีร์ กล่าวคาถาว่า
การสมาคมกับอสัตบุรุษแม้มากก็รักษาไม่ได้
พึงคบกับสัตบุรุษ พึงกระทำความสนิทสนมกับสัตบุรุษ เพราะรู้สัทธรรมของสัตบุรุษ ย่อมมีความเจริญ ไม่มีความเสื่อม
ราชรถที่เขาให้วิจิตรเป็นอันดี ยังคร่ำคร่าได้แล แม้สรีระ ก็เข้าถึงความชราได้เหมือนกัน
ส่วนธรรมของสัตบุรุษ ย่อมไม่เข้าถึงความชรา
สัตบุรุษกับสัตบุรุษด้วยกัน ย่อมรู้กันได้
ฟ้าและแผ่นดินไกลกัน ฝั่งข้างโน้นของมหาสมุทร เขาก็กล่าวกันว่าไกล
ธรรมของสัตบุรุษและธรรมของอสัตบุรุษทั้งสองนี้ ท่านกล่าวว่า ไกลกันยิ่งกว่านั้นแล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สังเกตว่า : คำพูดที่ว่า “เราหยุดแล้ว เธอจงหยุดเถิด” นั้น เป็นคำที่ท่านพระองคุลิมาลเคยได้ฟังมาแล้วในอดีตชาติ
เมื่อได้มาฟังในชาตินี้อีกจึงอาจมีส่วนทำให้สะดุดใจและฉุกคิดได้เร็ว