M I N I N O V E L
-1-
คานทองวิลลา
4
ผ่านไปสามวัน...
“อ่ะ ตรงนั้นน่ะ ซุ้มผ้าน่ะ คลี่จีบให้ใหญ่กว่านี้หน่อยซิ เล็กไปมันไม่สวย...เออ...เออนั่นแหละกำลังดี”
ขณะที่นาปีกำลังคุมงานลูกน้องอยู่ไม่ขาดเสียง นาปรัง ก็เดินเข้ามาเงียบๆ ทำเป็นดูนั่นนี่เนียนๆ อย่างไม่ประกาศตัวว่าเธอมา ที่จริงก่อนจะมาก็เขินอยู่หรอก ไม่อยากจะให้เพื่อนหนุ่มรู้เลยสักนิดว่าเธอสนใจงานนี้มากแค่ไหน แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็นถึงได้พาให้เธอในตอนนี้เดินเข้ามาในงานที่ทุกคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน เธอมองนาปีที่สั่งงานคนนั้นคนนี้ก่อนจะละเลยสายตาไปมองกลุ่มคนที่กำลังนั่งทำฟลาวเวอร์บอลอยู่ เธอยิ้มตาพราว สาวเท้าเข้าหากลุ่มนั้นทันทีอย่างคนอยากรู้อยากเห็น
ครั้นพอเดินมาหยุดยืนดูพวกเขาทำงานกัน เธอก็ยืนดูอยู่ได้สักพักก่อนอดไม่ไหวที่จะถามวิธีทำจากลูกน้องนาปี คนถูกถามเงยหน้าละสายตาจากงานชั่วครู่ ตอบอะไรไปได้ไม่เท่าไรก็มีเสียงเจ้านายแทรกขึ้นมาใกล้ๆ ก่อนปรากฏร่างที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เจ้าของวิลลาสาว
“อะไรๆ ยังไงๆ สนใจงานดอกไม้เหรอครับคุณนาปรัง รับสักลูกมั้ย?”
คนถูกแซวสะบัดหน้ามุ่ยตอบ
“ไม่ได้อยากได้ย่ะ แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าเขาทำกันยังไง”
“อ้อ เหรอครับ ก็แล้วทำไมไม่รอดูเอาจากงานแต่งตัวเองล่ะ อุ้ย! ลืมไป แพลนล่มไปแล้วนี่นะ ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มหัวเราะร่วน สนุกปากจนไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้สีหน้าคนถูกล้อเป็นยังไง นาปรัง เงียบ...ทุกคนเงียบกริบ มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างตกใจที่เจ้านายพูดอะไรออกมา
“สนุกมากมะที่ล้อเล่นกับความเจ็บปวดของคนอื่นแบบเนี้ย”
นาปีที่กำลังหัวเราะชะงักกึกในทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวตรงหน้าที่แววตาสั่นไหวคล้ายจะมีน้ำตาแต่ก็กลั้นไว้ได้อย่างน่านับถือ เขาตกใจ เพราะเพิ่งรู้สึกตัวที่ว่าพูดอะไรบ้าๆ ออกไปโดยไม่ถึงใจคนฟัง
“พี่ปี”
เสียงแหบจากลูกน้องสาวเรียกให้เขาหันไป ฝ่ายนั้นทำหน้าจริงจังขยับปากพูดไร้เสียงว่า “ขอโทษสิขอโทษ”
คนที่กำลังยืนมึนทำอะไรไม่ถูกอ้าปากจะพูดขอโทษ แต่รู้ว่าคนอย่างนาปรัง ถ้าพูดคำว่าขอโทษเมื่อไรเรื่องทุกอย่างต้องจบไม่สวยแน่ ถึงเขาจะรู้ว่าตัวเองผิด แต่การขอโทษไปตรงๆ มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี
“เอ้อ นี่แก...อยากลองทำดูใช่มั้ยล่ะ เอาเลยๆๆ ตามสบายเลยนะ จะทำกี่ลูกก็ได้แล้วแต่แกเลยนะปรัง ไม่ต้องห่วงนะดอกไม้มีเยอะ จะเอาสักกี่ลูกก็ได้จัดไปเลยอย่าให้เสีย เฮ้ย...เราน่ะ ช่วยสอนพี่เขาด้วยนะ เอาให้เป็นเลยรู้ป่ะ”
นาปีพูดรัวจัดมาเป็นชุดพูดเองเออเองเสร็จสรรพ มันส่อพิรุธจนนาปรังรู้ว่าเขาต้องการจะง้อเธอให้หายโกรธและก็แทนคำโทษที่เขาคงไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ นี่เขาเองคงรู้สินะ ว่าเธอเกลียดคำว่าขอโทษที่สุด เพราะคำว่าขอโทษมันเป็นคำที่กำลังบ่งบอกว่าคนๆ นั้นจะทำเรื่องผิดที่ว่าอีกครั้ง...และอีกหลายครั้ง เพียงคิดแค่ว่าผิดยังไงก็แค่ขอโทษ ที่เธอคิดอย่างนี้เพราะเจอมากับตัว ไม่ใช่แค่กับแฟนเวรตะไลของเธอ แต่เธอเจอมานานยิ่งกว่านั้น เพราะไม่งั้นเพื่อนหนุ่มของเธอคนนี้คงไม่มีทางรู้หรอก
และมันก็ได้ผล แม้ไม่ได้พูดขอโทษ แต่ไม่รู้ทำไมแค่เขาเอาใจเธอแค่นี้ถึงกลับทำให้หายโกรธได้เป็นปลิดทิ้ง แถมยังอมยิ้มทั้งที่พยายามเม้มปากทำสีหน้าอื่นกลบเกลื่อนให้ใครสังเกตเห็นอีก แต่ปิดไม่มิดหรอก เชื่อเถอะ เพราะเขาเห็น ชายหนุ่มยิ้มที่การง้อของเขาสำเร็จ ก่อนเปลี่ยนหันมาสั่งลูกน้องว่าฝากเพื่อนสาวด้วย ยิ่งทำให้เธอพอใจมากเท่าไรเขาจะยิ่งเพิ่มโบนัสให้ คนถูกมอบหมายงานยิ้มกว้างรับคำเสียงหนักแน่น นาปรังหมั่นไส้ที่เขาใจป้ำเสียจนเธอต้องทำอะไรสักอย่าง
“สองเปอร์เซ็นต์”
นาปีชะงักเท้าที่กำลังเดินจากไป เขาถอยหลังมาสามก้าว ถามอย่างไม่เข้าใจว่าอะไรนะ นาปรัง ถอนใจ หันไปตอบให้ชัดๆ
“สองเปอร์เซ็นต์ ฉันจะลดค่าเช่าให้สองเปอร์เซ็นต่อฟลาวเวอร์บอลหนึ่งลูก”
นาปียิ้ม เขาหลุดขำ
“เฮ้ย จะดีเหรอ ลดให้ซะขนาดนี้ไม่ขาดทุนแย่รึไง”
คนฟังรู้ว่าเขาประชดจึงตีหน้าบึ้งเหมือนสั่งให้เขาหยุดพูดทางอ้อม ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้งานดีจึงยอมยกมือพ่ายแพ้แต่โดยดี
“เคๆๆ ไม่กัดและ เอาเป็นว่าขอให้สนุกนะ ฉันต้องไปคุมงานก่อน”
“เออ ก็ไปสิ มีใครกระตุกปลอกคอไว้ล่ะ”
เสียงขำพรืดดังมาจากบรรดาลูกน้องสาว นาปีอ้าปากค้างที่ถูกยัยอดีตคู่จิ้นเล่นงานต่อหน้าลูกน้องมากมายแบบนี้ เขาชี้มือจะสวนกลับ แต่เธอก็เชิดหน้าเท้าสะเอว
“อ่ะ จะด่าไรก็ด่ามาสิ ถ้ากล้าอ่ะ” เธอถลึงตา นาปีจากที่จะด่าต้องหุบปากฉับ เปลี่ยนมาชี้หน้าอย่างหมายมาดแทนแล้วก็ถอยทัพไปอย่างเสียหน้า นาปรัง ร้องชิ ก่อนเจ้าตัวจะอมยิ้มขำแล้วหันมาให้ความสนใจกับฟลาวเวอร์บอลต่อ ซึ่งลูกน้องของนาปีก็ให้ความร่วมมืออย่างดี สอนวิธีทำให้เธออย่างใจเย็นค่อยเป็นค่อยไป แต่แล้ว...
ลูกแล้ว...ลูกเล่า...
ที่ต้องถูกโยนทิ้งเพราะเจ้าตัวไม่พอใจ ขัดตานิดเดียวทั้งที่ครูจำเป็นก็เห็นว่าสวย แต่คนทำกลับไม่พอใจ เพราะฟลาวเวอร์บอลที่เธอทำมันต้องเพอร์เฟคกว่านี้สิ ไม่ได้ๆ เอาใหม่ๆ
คราวนี้นาปรัง ปฏิเสธการสอนจากครู ความอยากเอาชนะของเธอคือต้องทำด้วยตัวเองทั้งหมด ตัดสินใจด้วยตัวเองทุกอย่างและต้องออกมาเพอร์เฟคเท่านั้น หญิงสาวค่อยๆ ปักดอกไม้อย่างใจเย็น ใช้ความรู้สึกเลือกประเภทดอกไม้มาปักไล่สีอย่างสวยงามและจับอย่างเบามือที่สุด ส่วนบรรดาลูกน้องที่ละงานตัวเองมานั่งดูเธอทำก็ดูด้วยความทึ่งเพราะว่ามันสวยจริงๆ สวยเหมือนกลุ่มดอกไม้ในเทพนิยายที่รวมกันอยู่บนฟลาวเวอร์บอลลูกนี้ ทำไมนะ นี่เธอคิดอะไรอยู่ถึงทำให้ผลงานออกมาสวยกว่าลูกอื่นอย่างที่เทียบไม่ติด
และแล้ว...ฟลาวเวอร์บอลก็เสร็จสมบูรณ์ เธอยกขึ้นโชวร์รอบตัวให้ครูๆ ทั้งหลายได้ดูผลงานของเธอ ซึ่งครูทั้งหลายเองก็ร้องอู้หูปรบมือกันใหญ่ ไม่ใช่ว่ายอ แต่มันสวยจริงๆ สวยจนน่าเอาไปอวดเจ้านายว่านี่ไงผลงานของลูกศิษย์พวกหล่อน นาปรัง จีบปากยิ้ม โค้งคำนับขอบคุณทุกคะแนนเสียง ทุกคนหัวเราะเอ็นดูกับท่าทางของเธอ ขณะที่เสียงปรบมือยังดังไม่หยุด นาปรัง ก็เล่นต่อเอามือทาบอกทาบหัวตาทำอย่างกับน้ำตาจะไหล
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ยสาวๆ เสียงปรบมือดังไปถึงหน้าเวทีนู่นแน่ะ”
เสียงเจ้านายที่กำลังนึกถึงดังแว่วมาใกล้ๆ ทุกคนหันไปมองยังร่างสูงหนาที่กำลังเดินมาทางนี้พร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม นาปรัง เชิดลุกขึ้นยืนเดินอย่างมั่นหน้าเข้าไปหาพร้อมชูฟลาวเวอร์บอลคู่กับหน้าตัวเอง
“ผลงานฉันเอง สวยใช่ป่ะล่ะ” แล้วเจ้าตัวก็โพสต์ท่าประกอบอย่างกับนางแบบ นาปีหัวเราะ เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่สนใจท่าทางเธอ เพื่อที่จะสนใจกับผลงานเเธอเท่านั้น
“ก็โอนะ สวยดี”
คนถูกชมหน้ากระตุกหุบยิ้มฉับ ท่าทางเหมือนไม่พอใจนั้นทำให้นาปีหุบยิ้มบ้างเพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิด
นาปรังเชิดปากโมโห โยนฟลาวเวอร์บอลในมือตัวเองใส่ตัวชายหนุ่มจนแทบจะประคองรับไว้ไม่ทัน เขาเงยหน้ามองเธออย่างไม่เข้าใจ
“คนอุตส่าห์ทำแทบตาย ทิ้งก็ทิ้งไปตั้งหลายลูก มาได้ก็อิลูกเนี้ย แต่แกกลับชมแค่ว่าก็โองั้นเหรอ”
เขาอ้าปากพะงาบ ไม่รู้ว่าพูดผิดตรงไหน รึเขาต้องพูดว่าอะไรเธอถึงจะพอใจ สวยโคตรรรรร งั้นเหรอ???
ชายหนุ่มแอบเลื่อนไปสบตากับบรรดาลูกน้องสาวด้านหลังนาปรัง ที่ช่วยกันส่งซิกส์ให้เขาชมเธอต่างๆ นานาพร้อมกับทำท่าประกอบว่าสวยมากกกก สวยมากกกก อะไรทำนองนี้ นาปีเลื่อนสายตากลับมาหาเพื่อนสาวอีก ก็ให้รีบเปลี่ยนสีหน้ามายิ้มกว้าง ก้มดูฟลาวเวอร์บอลแล้วชมไม่ขาดปาก
“โอ้โห ฟลาวเวอร์บอลบ้าอะไรวะเนี่ยโคตรสวยเลย สวยอย่างกับไปเด็ดดอกไม้มาจากป่าหิมพานต์มาปักแน่ะ แล้วนี่ฝีมือเธอทำแน่เหรอ นึกว่านางกินรีที่ไหนมาทำให้ซะอีก โอ้ย สวยมากอ่ะ ว้าววว!”
“ตอแ-”
นาปีชะงักกึก เงยหน้ามองคนด่าที่ส่งสายตาคมกริบปานมีดเฉือนหมูมาให้
“ถ้ามันไม่สวยก็ไม่ต้องจำใจชมขนาดนั้นก็ได้มั้ง ส่วนไอ้เรื่องขึ้นค่าเช่าอ่ะฉันยกเลิกหมดแล้วนะ เพราะงั้นเราไม่มีอะไรติดค้างกันละ” ว่าจบก็ทำท่าจะเดินออกไป แต่แล้วก็ชะงัก หันมามองฟลาวเวอร์บอลที่เขาถือไว้ในมือ
“ส่วนไอ้ฟลาวเวอร์บอลห่วยแตกนั่นน่ะจะโยนทิ้งก็ได้นะ แต่ห้ามทิ้งที่นี่ ฉันไม่อยากเห็นมันอีก”
“เฮ้ยปรัง ที่ฉันพูดฉันไม่ได้หมาย...”
“shut up” เธอชี้นิ้วสั่งเขาจนเจ้าตัวต้องรีบหุบปากฉับราวกับตั้งระบบไว้ นาปีทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เธอก้าวฉับๆ จากไปทั้งที่ยังเข้าใจเขาผิดอยู่ ให้ตายสิ ที่เขาบอกโอก็มันโอจริงๆ อ่ะ แต่โอในความหมายของเขานั่นก็คือสวยถึงสวยมาก นี่เพราะเขาไม่เคยชมเธอรึเปล่าเธอถึงไม่เข้าใจ ถ้าเป็นพวกลูกน้องเขานะ ไม่มีมางงมางอนอะไรแบบนี้หรอก เพราะพวกนั้นเข้าใจดีว่าการที่เขาชมว่าโอ นั่นหมายถึงสวยถึงสวยมาก แต่ที่เขาไม่พูดว่าสวยมากเพราะไม่อยากให้ลูกน้องเหลิงจึงใช้คำพูดว่าโอตลอดมา แต่เขาลืมไป...ว่าเธอไม่ใช่ลูกน้องเขา นาปีถอนใจ ก้มมองดูฟลาวเวอร์บอลแล้วก็ให้นึกถึงใบหน้าคนทำ
“ใครว่ามันห่วยแตกล่ะปรัง ฉันว่ามันสวยมากต่างหากล่ะ...สวยเหมือนแก...”
MINI NOVEL #1 คานทองวิลลา [ตอนที่ 4]
-1-
คานทองวิลลา
4
ผ่านไปสามวัน...
“อ่ะ ตรงนั้นน่ะ ซุ้มผ้าน่ะ คลี่จีบให้ใหญ่กว่านี้หน่อยซิ เล็กไปมันไม่สวย...เออ...เออนั่นแหละกำลังดี”
ขณะที่นาปีกำลังคุมงานลูกน้องอยู่ไม่ขาดเสียง นาปรัง ก็เดินเข้ามาเงียบๆ ทำเป็นดูนั่นนี่เนียนๆ อย่างไม่ประกาศตัวว่าเธอมา ที่จริงก่อนจะมาก็เขินอยู่หรอก ไม่อยากจะให้เพื่อนหนุ่มรู้เลยสักนิดว่าเธอสนใจงานนี้มากแค่ไหน แต่เพราะความอยากรู้อยากเห็นถึงได้พาให้เธอในตอนนี้เดินเข้ามาในงานที่ทุกคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน เธอมองนาปีที่สั่งงานคนนั้นคนนี้ก่อนจะละเลยสายตาไปมองกลุ่มคนที่กำลังนั่งทำฟลาวเวอร์บอลอยู่ เธอยิ้มตาพราว สาวเท้าเข้าหากลุ่มนั้นทันทีอย่างคนอยากรู้อยากเห็น
ครั้นพอเดินมาหยุดยืนดูพวกเขาทำงานกัน เธอก็ยืนดูอยู่ได้สักพักก่อนอดไม่ไหวที่จะถามวิธีทำจากลูกน้องนาปี คนถูกถามเงยหน้าละสายตาจากงานชั่วครู่ ตอบอะไรไปได้ไม่เท่าไรก็มีเสียงเจ้านายแทรกขึ้นมาใกล้ๆ ก่อนปรากฏร่างที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เจ้าของวิลลาสาว
“อะไรๆ ยังไงๆ สนใจงานดอกไม้เหรอครับคุณนาปรัง รับสักลูกมั้ย?”
คนถูกแซวสะบัดหน้ามุ่ยตอบ
“ไม่ได้อยากได้ย่ะ แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าเขาทำกันยังไง”
“อ้อ เหรอครับ ก็แล้วทำไมไม่รอดูเอาจากงานแต่งตัวเองล่ะ อุ้ย! ลืมไป แพลนล่มไปแล้วนี่นะ ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มหัวเราะร่วน สนุกปากจนไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้สีหน้าคนถูกล้อเป็นยังไง นาปรัง เงียบ...ทุกคนเงียบกริบ มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างตกใจที่เจ้านายพูดอะไรออกมา
“สนุกมากมะที่ล้อเล่นกับความเจ็บปวดของคนอื่นแบบเนี้ย”
นาปีที่กำลังหัวเราะชะงักกึกในทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาวตรงหน้าที่แววตาสั่นไหวคล้ายจะมีน้ำตาแต่ก็กลั้นไว้ได้อย่างน่านับถือ เขาตกใจ เพราะเพิ่งรู้สึกตัวที่ว่าพูดอะไรบ้าๆ ออกไปโดยไม่ถึงใจคนฟัง
“พี่ปี”
เสียงแหบจากลูกน้องสาวเรียกให้เขาหันไป ฝ่ายนั้นทำหน้าจริงจังขยับปากพูดไร้เสียงว่า “ขอโทษสิขอโทษ”
คนที่กำลังยืนมึนทำอะไรไม่ถูกอ้าปากจะพูดขอโทษ แต่รู้ว่าคนอย่างนาปรัง ถ้าพูดคำว่าขอโทษเมื่อไรเรื่องทุกอย่างต้องจบไม่สวยแน่ ถึงเขาจะรู้ว่าตัวเองผิด แต่การขอโทษไปตรงๆ มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี
“เอ้อ นี่แก...อยากลองทำดูใช่มั้ยล่ะ เอาเลยๆๆ ตามสบายเลยนะ จะทำกี่ลูกก็ได้แล้วแต่แกเลยนะปรัง ไม่ต้องห่วงนะดอกไม้มีเยอะ จะเอาสักกี่ลูกก็ได้จัดไปเลยอย่าให้เสีย เฮ้ย...เราน่ะ ช่วยสอนพี่เขาด้วยนะ เอาให้เป็นเลยรู้ป่ะ”
นาปีพูดรัวจัดมาเป็นชุดพูดเองเออเองเสร็จสรรพ มันส่อพิรุธจนนาปรังรู้ว่าเขาต้องการจะง้อเธอให้หายโกรธและก็แทนคำโทษที่เขาคงไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ นี่เขาเองคงรู้สินะ ว่าเธอเกลียดคำว่าขอโทษที่สุด เพราะคำว่าขอโทษมันเป็นคำที่กำลังบ่งบอกว่าคนๆ นั้นจะทำเรื่องผิดที่ว่าอีกครั้ง...และอีกหลายครั้ง เพียงคิดแค่ว่าผิดยังไงก็แค่ขอโทษ ที่เธอคิดอย่างนี้เพราะเจอมากับตัว ไม่ใช่แค่กับแฟนเวรตะไลของเธอ แต่เธอเจอมานานยิ่งกว่านั้น เพราะไม่งั้นเพื่อนหนุ่มของเธอคนนี้คงไม่มีทางรู้หรอก
และมันก็ได้ผล แม้ไม่ได้พูดขอโทษ แต่ไม่รู้ทำไมแค่เขาเอาใจเธอแค่นี้ถึงกลับทำให้หายโกรธได้เป็นปลิดทิ้ง แถมยังอมยิ้มทั้งที่พยายามเม้มปากทำสีหน้าอื่นกลบเกลื่อนให้ใครสังเกตเห็นอีก แต่ปิดไม่มิดหรอก เชื่อเถอะ เพราะเขาเห็น ชายหนุ่มยิ้มที่การง้อของเขาสำเร็จ ก่อนเปลี่ยนหันมาสั่งลูกน้องว่าฝากเพื่อนสาวด้วย ยิ่งทำให้เธอพอใจมากเท่าไรเขาจะยิ่งเพิ่มโบนัสให้ คนถูกมอบหมายงานยิ้มกว้างรับคำเสียงหนักแน่น นาปรังหมั่นไส้ที่เขาใจป้ำเสียจนเธอต้องทำอะไรสักอย่าง
“สองเปอร์เซ็นต์”
นาปีชะงักเท้าที่กำลังเดินจากไป เขาถอยหลังมาสามก้าว ถามอย่างไม่เข้าใจว่าอะไรนะ นาปรัง ถอนใจ หันไปตอบให้ชัดๆ
“สองเปอร์เซ็นต์ ฉันจะลดค่าเช่าให้สองเปอร์เซ็นต่อฟลาวเวอร์บอลหนึ่งลูก”
นาปียิ้ม เขาหลุดขำ
“เฮ้ย จะดีเหรอ ลดให้ซะขนาดนี้ไม่ขาดทุนแย่รึไง”
คนฟังรู้ว่าเขาประชดจึงตีหน้าบึ้งเหมือนสั่งให้เขาหยุดพูดทางอ้อม ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้งานดีจึงยอมยกมือพ่ายแพ้แต่โดยดี
“เคๆๆ ไม่กัดและ เอาเป็นว่าขอให้สนุกนะ ฉันต้องไปคุมงานก่อน”
“เออ ก็ไปสิ มีใครกระตุกปลอกคอไว้ล่ะ”
เสียงขำพรืดดังมาจากบรรดาลูกน้องสาว นาปีอ้าปากค้างที่ถูกยัยอดีตคู่จิ้นเล่นงานต่อหน้าลูกน้องมากมายแบบนี้ เขาชี้มือจะสวนกลับ แต่เธอก็เชิดหน้าเท้าสะเอว
“อ่ะ จะด่าไรก็ด่ามาสิ ถ้ากล้าอ่ะ” เธอถลึงตา นาปีจากที่จะด่าต้องหุบปากฉับ เปลี่ยนมาชี้หน้าอย่างหมายมาดแทนแล้วก็ถอยทัพไปอย่างเสียหน้า นาปรัง ร้องชิ ก่อนเจ้าตัวจะอมยิ้มขำแล้วหันมาให้ความสนใจกับฟลาวเวอร์บอลต่อ ซึ่งลูกน้องของนาปีก็ให้ความร่วมมืออย่างดี สอนวิธีทำให้เธออย่างใจเย็นค่อยเป็นค่อยไป แต่แล้ว...
ลูกแล้ว...ลูกเล่า...
ที่ต้องถูกโยนทิ้งเพราะเจ้าตัวไม่พอใจ ขัดตานิดเดียวทั้งที่ครูจำเป็นก็เห็นว่าสวย แต่คนทำกลับไม่พอใจ เพราะฟลาวเวอร์บอลที่เธอทำมันต้องเพอร์เฟคกว่านี้สิ ไม่ได้ๆ เอาใหม่ๆ
คราวนี้นาปรัง ปฏิเสธการสอนจากครู ความอยากเอาชนะของเธอคือต้องทำด้วยตัวเองทั้งหมด ตัดสินใจด้วยตัวเองทุกอย่างและต้องออกมาเพอร์เฟคเท่านั้น หญิงสาวค่อยๆ ปักดอกไม้อย่างใจเย็น ใช้ความรู้สึกเลือกประเภทดอกไม้มาปักไล่สีอย่างสวยงามและจับอย่างเบามือที่สุด ส่วนบรรดาลูกน้องที่ละงานตัวเองมานั่งดูเธอทำก็ดูด้วยความทึ่งเพราะว่ามันสวยจริงๆ สวยเหมือนกลุ่มดอกไม้ในเทพนิยายที่รวมกันอยู่บนฟลาวเวอร์บอลลูกนี้ ทำไมนะ นี่เธอคิดอะไรอยู่ถึงทำให้ผลงานออกมาสวยกว่าลูกอื่นอย่างที่เทียบไม่ติด
และแล้ว...ฟลาวเวอร์บอลก็เสร็จสมบูรณ์ เธอยกขึ้นโชวร์รอบตัวให้ครูๆ ทั้งหลายได้ดูผลงานของเธอ ซึ่งครูทั้งหลายเองก็ร้องอู้หูปรบมือกันใหญ่ ไม่ใช่ว่ายอ แต่มันสวยจริงๆ สวยจนน่าเอาไปอวดเจ้านายว่านี่ไงผลงานของลูกศิษย์พวกหล่อน นาปรัง จีบปากยิ้ม โค้งคำนับขอบคุณทุกคะแนนเสียง ทุกคนหัวเราะเอ็นดูกับท่าทางของเธอ ขณะที่เสียงปรบมือยังดังไม่หยุด นาปรัง ก็เล่นต่อเอามือทาบอกทาบหัวตาทำอย่างกับน้ำตาจะไหล
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ยสาวๆ เสียงปรบมือดังไปถึงหน้าเวทีนู่นแน่ะ”
เสียงเจ้านายที่กำลังนึกถึงดังแว่วมาใกล้ๆ ทุกคนหันไปมองยังร่างสูงหนาที่กำลังเดินมาทางนี้พร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม นาปรัง เชิดลุกขึ้นยืนเดินอย่างมั่นหน้าเข้าไปหาพร้อมชูฟลาวเวอร์บอลคู่กับหน้าตัวเอง
“ผลงานฉันเอง สวยใช่ป่ะล่ะ” แล้วเจ้าตัวก็โพสต์ท่าประกอบอย่างกับนางแบบ นาปีหัวเราะ เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่สนใจท่าทางเธอ เพื่อที่จะสนใจกับผลงานเเธอเท่านั้น
“ก็โอนะ สวยดี”
คนถูกชมหน้ากระตุกหุบยิ้มฉับ ท่าทางเหมือนไม่พอใจนั้นทำให้นาปีหุบยิ้มบ้างเพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิด
นาปรังเชิดปากโมโห โยนฟลาวเวอร์บอลในมือตัวเองใส่ตัวชายหนุ่มจนแทบจะประคองรับไว้ไม่ทัน เขาเงยหน้ามองเธออย่างไม่เข้าใจ
“คนอุตส่าห์ทำแทบตาย ทิ้งก็ทิ้งไปตั้งหลายลูก มาได้ก็อิลูกเนี้ย แต่แกกลับชมแค่ว่าก็โองั้นเหรอ”
เขาอ้าปากพะงาบ ไม่รู้ว่าพูดผิดตรงไหน รึเขาต้องพูดว่าอะไรเธอถึงจะพอใจ สวยโคตรรรรร งั้นเหรอ???
ชายหนุ่มแอบเลื่อนไปสบตากับบรรดาลูกน้องสาวด้านหลังนาปรัง ที่ช่วยกันส่งซิกส์ให้เขาชมเธอต่างๆ นานาพร้อมกับทำท่าประกอบว่าสวยมากกกก สวยมากกกก อะไรทำนองนี้ นาปีเลื่อนสายตากลับมาหาเพื่อนสาวอีก ก็ให้รีบเปลี่ยนสีหน้ามายิ้มกว้าง ก้มดูฟลาวเวอร์บอลแล้วชมไม่ขาดปาก
“โอ้โห ฟลาวเวอร์บอลบ้าอะไรวะเนี่ยโคตรสวยเลย สวยอย่างกับไปเด็ดดอกไม้มาจากป่าหิมพานต์มาปักแน่ะ แล้วนี่ฝีมือเธอทำแน่เหรอ นึกว่านางกินรีที่ไหนมาทำให้ซะอีก โอ้ย สวยมากอ่ะ ว้าววว!”
“ตอแ-”
นาปีชะงักกึก เงยหน้ามองคนด่าที่ส่งสายตาคมกริบปานมีดเฉือนหมูมาให้
“ถ้ามันไม่สวยก็ไม่ต้องจำใจชมขนาดนั้นก็ได้มั้ง ส่วนไอ้เรื่องขึ้นค่าเช่าอ่ะฉันยกเลิกหมดแล้วนะ เพราะงั้นเราไม่มีอะไรติดค้างกันละ” ว่าจบก็ทำท่าจะเดินออกไป แต่แล้วก็ชะงัก หันมามองฟลาวเวอร์บอลที่เขาถือไว้ในมือ
“ส่วนไอ้ฟลาวเวอร์บอลห่วยแตกนั่นน่ะจะโยนทิ้งก็ได้นะ แต่ห้ามทิ้งที่นี่ ฉันไม่อยากเห็นมันอีก”
“เฮ้ยปรัง ที่ฉันพูดฉันไม่ได้หมาย...”
“shut up” เธอชี้นิ้วสั่งเขาจนเจ้าตัวต้องรีบหุบปากฉับราวกับตั้งระบบไว้ นาปีทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เธอก้าวฉับๆ จากไปทั้งที่ยังเข้าใจเขาผิดอยู่ ให้ตายสิ ที่เขาบอกโอก็มันโอจริงๆ อ่ะ แต่โอในความหมายของเขานั่นก็คือสวยถึงสวยมาก นี่เพราะเขาไม่เคยชมเธอรึเปล่าเธอถึงไม่เข้าใจ ถ้าเป็นพวกลูกน้องเขานะ ไม่มีมางงมางอนอะไรแบบนี้หรอก เพราะพวกนั้นเข้าใจดีว่าการที่เขาชมว่าโอ นั่นหมายถึงสวยถึงสวยมาก แต่ที่เขาไม่พูดว่าสวยมากเพราะไม่อยากให้ลูกน้องเหลิงจึงใช้คำพูดว่าโอตลอดมา แต่เขาลืมไป...ว่าเธอไม่ใช่ลูกน้องเขา นาปีถอนใจ ก้มมองดูฟลาวเวอร์บอลแล้วก็ให้นึกถึงใบหน้าคนทำ
“ใครว่ามันห่วยแตกล่ะปรัง ฉันว่ามันสวยมากต่างหากล่ะ...สวยเหมือนแก...”