เราอาจต้องย้อนกลับไปเมื่อครั้งเงินทุนออกเดินทาง เพื่อจะได้รู้เส้นทางที่ชัดเจนของคารวานครั้งนี้
1. ตลาดอเมริกาในที่ 2009 เจอวิกฤติหนักทำให้ตลาดหุ้นทรุดลงมาอย่างหนัก เงินทุนเริ่มออกเดินทางจากจุดนี้ไปยังส่วนต่างๆ ของโลก
2. วิกฤติถูกส่งมายังยุโรป กรีซเกิดภาวะที่ไม่มีเงินพอสำหรับจ่ายหนี้ทำให้ตลาดยุโรปทรุดลงอย่างหนักจากวิกฤติครั้งนี้ คารวานเงินทุนที่เดินทางมายังยุโรปต้องออกเดินทางต่อมายังเอเชีย
3. ตลาดเอเชียคือสวรรค์ตั้งแต่ปี 2009 ที่เติบโตสูงมากจากการเปิดรับคารวานเงินทุนที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ที่เห็นเด่นชัดคือตลาดของจีน และกลุ่มอาเซียน ดูเหมือนประวัติศาสตร์จะยังไม่ใช่บทเรียนที่ดีหนัก
แต่แล้วเพียงไม่นาน หลังจากประเทศใหญ่ๆ ได้ใช้มาตราการ QE ในการดูดการเจริญเติบโตของโลกอันน้อยนิดไปยังประเทศของตัวเอง เริ่มจากอเมริกา ยุโรป อังกฤษและญี่ปุ่น ประเทศที่ได้รับผลดีเต็มๆ คืออเมริกาที่เริ่มฟื้นตัวและกำลังรอให้ FED ประกาศให้คารวานเงินทุนพลัดถิ่นทั่วโลกกลับมายังถิ่นฐานเดิม สุภาษิตของผมคือ "ประเทศที่พัฒนาแล้วถึงเจ็บก็ไม่เท่ากับประเทศที่ยังไม่พัฒนาเจ็บ" เงินทุนที่ค่อยๆ จากลาอย่างไม่มีเยื่อใยได้ทิ้งไทยไปเพื่อเดินทางกลับบ้าน บางส่วนก็เบื่อหน่ายกับการเมืองของไทยและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับโลกตะวันตก ขอข้ามชายแดนไปเพื่อนบ้านดีกว่า ถึงแม้ข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆเราจะหวืด แต่การท่องเที่ยวยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักและรัฐบาลที่พยายามดิ้นรนสู้เต็มที่ทำให้ gdp ยังอยู่ที่ระดับ 2.9 ในปีนี้ (gdp ก็ไม่ได้ลดเยอะ ทำไมถึงดูเงียบขนาดนี้? ก็เพราะว่าเติบโตจากการท่องเที่ยว ซึ่งเมืองท่องเที่ยวมีแค่ไม่กี่จังหวัดจึงไม่ได้ทำให้คึกคักเหมือนมีภาคส่งออกมาช่วยไง ส่วนโครงการรัฐก็เข็นออกมาแต่ยังไม่ได้เริ่ม ลงเสาสร้างฐานก็กลางปีหน้านู้น) ซึ้งตอนนี้ภาคการเงินคงไม่ทอะไรมากเพื่อพยุงค่าเงินบาทแต่จะปล่อยให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยค่าเงินที่ออกจะมาช่วยเสริมให้ภาคการส่งออกดีขึ้นแล้วย้อนกลับไปทำให้ค่าเงินบาทเข้าสู่พื้นฐานที่แท้จริง โดยคาดการว่าปีหน้า gdp จะอยู่ประมาณที่ 3.4-3.6 แต่บรรยากาศการลงทุนจะดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอนในภาพรวม โดยหุ้นที่เหมาะกับการลงทุนควรเป็นหุ้นที่ต้องทนฟ้าทนฝนในภาวะโลกร้อนที่ไม่แน่นอนอย่างนี้ เช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นที่ได้รับอาณิสงค์จากโครงการภาครัฐ(จะเห็นผลในครึ่งปีหลังชัดๆ) หุ้นส่งออก(ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อน) เป็นต้น
ติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/Investment-for-student-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-1519848498288167/
หรือกดค้นหา Investment for student - ตัวอ่อนนักลงทุน
เมื่อเงินทุนไหลออก
1. ตลาดอเมริกาในที่ 2009 เจอวิกฤติหนักทำให้ตลาดหุ้นทรุดลงมาอย่างหนัก เงินทุนเริ่มออกเดินทางจากจุดนี้ไปยังส่วนต่างๆ ของโลก
2. วิกฤติถูกส่งมายังยุโรป กรีซเกิดภาวะที่ไม่มีเงินพอสำหรับจ่ายหนี้ทำให้ตลาดยุโรปทรุดลงอย่างหนักจากวิกฤติครั้งนี้ คารวานเงินทุนที่เดินทางมายังยุโรปต้องออกเดินทางต่อมายังเอเชีย
3. ตลาดเอเชียคือสวรรค์ตั้งแต่ปี 2009 ที่เติบโตสูงมากจากการเปิดรับคารวานเงินทุนที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ที่เห็นเด่นชัดคือตลาดของจีน และกลุ่มอาเซียน ดูเหมือนประวัติศาสตร์จะยังไม่ใช่บทเรียนที่ดีหนัก
แต่แล้วเพียงไม่นาน หลังจากประเทศใหญ่ๆ ได้ใช้มาตราการ QE ในการดูดการเจริญเติบโตของโลกอันน้อยนิดไปยังประเทศของตัวเอง เริ่มจากอเมริกา ยุโรป อังกฤษและญี่ปุ่น ประเทศที่ได้รับผลดีเต็มๆ คืออเมริกาที่เริ่มฟื้นตัวและกำลังรอให้ FED ประกาศให้คารวานเงินทุนพลัดถิ่นทั่วโลกกลับมายังถิ่นฐานเดิม สุภาษิตของผมคือ "ประเทศที่พัฒนาแล้วถึงเจ็บก็ไม่เท่ากับประเทศที่ยังไม่พัฒนาเจ็บ" เงินทุนที่ค่อยๆ จากลาอย่างไม่มีเยื่อใยได้ทิ้งไทยไปเพื่อเดินทางกลับบ้าน บางส่วนก็เบื่อหน่ายกับการเมืองของไทยและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับโลกตะวันตก ขอข้ามชายแดนไปเพื่อนบ้านดีกว่า ถึงแม้ข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆเราจะหวืด แต่การท่องเที่ยวยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักและรัฐบาลที่พยายามดิ้นรนสู้เต็มที่ทำให้ gdp ยังอยู่ที่ระดับ 2.9 ในปีนี้ (gdp ก็ไม่ได้ลดเยอะ ทำไมถึงดูเงียบขนาดนี้? ก็เพราะว่าเติบโตจากการท่องเที่ยว ซึ่งเมืองท่องเที่ยวมีแค่ไม่กี่จังหวัดจึงไม่ได้ทำให้คึกคักเหมือนมีภาคส่งออกมาช่วยไง ส่วนโครงการรัฐก็เข็นออกมาแต่ยังไม่ได้เริ่ม ลงเสาสร้างฐานก็กลางปีหน้านู้น) ซึ้งตอนนี้ภาคการเงินคงไม่ทอะไรมากเพื่อพยุงค่าเงินบาทแต่จะปล่อยให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยค่าเงินที่ออกจะมาช่วยเสริมให้ภาคการส่งออกดีขึ้นแล้วย้อนกลับไปทำให้ค่าเงินบาทเข้าสู่พื้นฐานที่แท้จริง โดยคาดการว่าปีหน้า gdp จะอยู่ประมาณที่ 3.4-3.6 แต่บรรยากาศการลงทุนจะดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอนในภาพรวม โดยหุ้นที่เหมาะกับการลงทุนควรเป็นหุ้นที่ต้องทนฟ้าทนฝนในภาวะโลกร้อนที่ไม่แน่นอนอย่างนี้ เช่น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว หุ้นที่ได้รับอาณิสงค์จากโครงการภาครัฐ(จะเห็นผลในครึ่งปีหลังชัดๆ) หุ้นส่งออก(ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อน) เป็นต้น
ติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/Investment-for-student-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-1519848498288167/
หรือกดค้นหา Investment for student - ตัวอ่อนนักลงทุน