สวัสดีครับทุกคน บอกก่อนเลยว่าผมไม่เคยเขียนทระทู้มาก่อนเลย ครั้งนี้เห็นว่าว่างๆ ก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ดีๆ สำหรับการเดินทาง ข้อแนะนำ และความประทับใจในการเดินทางครั้งนี้....
โอยยยยยยย เดือนพฤศจิกายนแล้ว หัวใจผมนี้ไม่อยู่กะเนื้อกะตัวแล้ว แบบว่าร่างกายต้องการท่องเที่ยวมาก และถ้าเป็นหน้าหนาวแบบนี้ผมว่าแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็คงจะหนีไม่พ้น "ภาคเหนือ" เอาล่ะ ว่าแต่จะเลือกที่ไหนดี ใครจะไปกับเราบ้าง เป็นประเด็นใหญ่เลย.......... โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมอยากจะไปแหล่งท่องเที่ยวที่คนไปไม่เยอะ ว่าแล้วก็เริ่มหาข้อมูล โดยแหล่งข้อมูลที่ผมหาก็หนีไม่พ้น"พันทิป"นี่เหละ หาไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมาสะดุดที่นึงก็คือ ภูสอยดาว จากนั้นขั้นตอนต่อไปก็คือหาเพื่อนร่วมทริป โชคดีที่ผมเป็นเด็กหอในของมหาลัยก็เลยหาง่ายนิดนึง สำหรับการท่องเที่ยวของผม ผมอยากให้ผู้ร่วมทริปมีไม่เยอะไป ซัก 4-6 คน เพราะจะทำให้เราดูแลคนอื่นได้ทั่วถึง นอกจากนั้นแล้วยังจะทำให้เราได้สัมผัสกับนิสัยของเพื่อนที่ร่วมเดินทางเพิ่มมากขึ้นด้วย เอาเลยเรามาดูเพื่อนร่วมทริปของเรากันเลยดีกว่า
เอาล่ะมาเริ่มต้นการเดินทางของเรากันเลยดีกว่า จุดเริ่มต้นของเราอยู่ที่หมอชิต โดยเราจะเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลก สำหรับค่ารถโดยสารแบบประหยัดสุดก็ราคา 270 ใช้เวลาในการเดินทาง 5 ชม นิดๆ ซึ่งเราเลือกเวลาออกเดินทางเวลา 4 ทุ่มไปถึงพิษณุโลกก็เวลาประมาณ ตี 4 จากนั้นก็หารถไปอำเภอชาติตระการ โดยรถเที่ยวแรกซึ่งจะออกเดินทางจาก บขส ไปอำเภอชาติตระการก็ประมาณตี 5 ค่าโดยสารก็คนล่ะ 87 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม จากนั้นเมื่อรถถึงอำเภอชาติตระการแล้วเราก็จะต้องหารถไปยังภูสอยดาว ซึ่งการเดินทางต่อจากนี้ก็ลองคิดเองล่ะกัน เพราะสามารถเดินทางได้สองวิธี คือ เดินทางด้วยรถโดยสารราคาถ้าจำไม่ผิด 170 บาท แต่รถก็ไม่มีเวลามาที่แน่นอน*****เค้าบอกว่า บางวันก็มาบางวันก็ไม่มา********ซึ่งวันที่เราไปโชคดีมากที่รถมา แต่ก็โชคร้ายเหมือนกัน เพราะเค้าบอกมาว่ารถออก 11 โมง ซึ่งคำนวณเวลาแล้ว ไม่น่าจะทัน เพราะทางอุทยานจะให้นักท่องเที่ยวขึ้นได้แค่ถึงบ่ายสองเท่านั้น หากไปไม่ทันก็ต้องรอวันถัดไป นอกจากนี้เรากสามารถเดินทางได้อีกวิธีคือการเหมารถไป ซึ่งก็สามารถหาได้จากบริเวณตลาด หรือบริเวณท่ารถที่เราลงตอนแรกเมื่อถึงอำเภอชาติตระการ โดยเราเลือกจะไปซื้อของบริเวณตลาดก่อน โดยจะต้องนั่งรถเข้าตลาดคนล่ะ 15 บาท
ซึ่งบริเวณตลาดก็มีของให้เลือกซื้อไปกินมากมาย นอกจากนั้นแล้วแม่ค้าพ่อค้าในตลาดก็ยังให้คำแนะนำดีๆ สำหรับการเดินทาง หรือถ้าซื้อของในตลาดสดยังไม่พอ ก็สามารถไปหาซื้อของได้อีกทั้งในโลตัส และเซเว่น โดยจะตั้งอยู่ตรงข้ามกับตลาดสดเลย เมื่อซื้อของเสร็จแล้วก็หารถกันต่อดีกว่า เดินไปเดินมาก็เจอกับคุณลุงคนนึง แกเข้ามาถามว่าไปไหน เราก็บอกไปภูสอยดาว อ่า เหมารถลุงไปมั้ย ลุงคิด 800 เราก็ตกลงไป ซึ่งลุงบอกว่าถ้าไปไม่เกิน 8 คน ลุงคิด 800 แค่ถ้ามากกว่านี้ลุงคิด 10000 หรือ 12000 ล่ะมั้งจำไม่ได้ เฉลี่ยแล้วเราก็หารกันเหลือแค่คนล่ะ 200 พอนั่งไปซักพักรู้สึกว่าโอ้ ไกลขนาดนี้เลยหรอว่ะ โดยระหว่างอำเภอชาติตระการไปภูกระดึงใช้เวลาประมาณ 1 ชม เมื่อถึงอุทยานก็ถึงเวลาแล้วล่ะ........จ่ายเงิน..... โดยค่าเข้าอุทยานจะคิดคนล่ะ 40 บาท จากนั้นก็ไปติดต่อลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ว่าจะมาพักกี่คืน จะเช่าอะไรบ้าง มีค่ามัดจำอะไรบ้าง *********ประเด็นตรงนี้สำคัญน่ะครับ*************คือสำหรับใครที่ไม่ได้เอาเต้น เอาถุงนอนไปเอง เตรียมตัวทำความเข้าใจดีๆน่ะครับ เพราะบางครั้งท่านอาจจะไม่เข้าใจกับการอธิบายของเจ้าหน้าที่อุทยานก็เป็นได้
สำหรับค่าเช่าต่างๆ จะคิดประมาณนี้น่ะครับ
เต้นถ้าเช้าจากบริเวณด่านล่าง คือต้องแบกขึ้นไปเอง ก็จะคิดราคา 225 บาท (เต้นสำหรับ 3 คนนอน แต่เรานอน 4 คน จะได้อบอุ่นดี 5555) แต่ถ้าไปเช่าด้านบนราคาจะตกประมาณ 500 กว่าๆ จำไม่ได้เหมือนกัน (คือเค้าจะคิดค่าลูกหาบเข้าไปด้วย โดยจะคิดเป็นกิโล กิโลล่ะ 35 บาท ลูกหาบจะได้เงินจิงๆ 30 บาท อีก 5 บาทจะโดนหักเข้าอุทยาน **********ความจิงเต้นด้านบนก็กางอยู่แล้ว ไม่ได้จ้างลูกดาบเลย แล้วยังมาอ้างอีกว่าต้องจ่ายค่าลูกหาบ ผมว่าไม่ค่อยโอเคเลยน่ะครับ********
ถุงนอน เช่าจากด้านล่าง ราคา 30 บาท ถ้าเช่าด้านบน ราคา 105 บาท (แพงไปมั้ย อีกอย่างก็บอกว่าด้านล่างยังไม่ได้ซัก เพลียเลยครับ)
สำหรับถ้าเหมาเช้าหมดเลยจะตกอยู่คนล่ะ 300 บาทต่อคืน คือจะได้เต้น ที่รองนอน ถุงนอน ประมาณนี้ แต่มีคนเกินก็คิดเพิ่มอีก โดยจะคิดค่ากางเต้น 30 บาท ค่าถุงนอน 105 บาท ประมาณนี้
นอกจากกนั้นแล้วบริเวณด้านบนก็ยังมีของต่างๆ ให้เช่าอีกมากมาย โดยเราไม่ต้องแบกขึ้นไปให้เหนื่อย เช่น กาต้มน้ำ เตาถ่าน ถ่าน ถังน้ำ ขัน อะไรประมาณนี้
ระหว่างช่วงที่ทำการอุทยานกับทางเดินขึ้นภูสอยดาวจะห่างกันนิดนึง โดยจะมีรถเจ้าหน้าที่มาส่ง นอกจากนั้นแล้วบริเวณก่อนขึ้นก็ยังมีร้านอาหรตามสั้ง ส้มตำให้เติมพลังกันก่อนน่ะครับ ราคาก็เป็นกันเองไม่แพง
เอาล่ะเมื่อพร้อมแล้วก็เริ่มเดินเท้าขึ้นภูสอยดาวกันเลยดีกว่า สำหรับระยะทางถึงลานสนรวมทั้งหมดก็ 6.5 กิโลเมตร
เริ่มเดินทางจากบริเวณน้ำตกภูสอยดาว
ช่วงแรกของการเดินทางประมาณ 1 กม แรกรู้สึกไม่ค่อยเหนื่อยมาก (คิดในใจ แค่นี้เองหรอว่ะ ผมกะเพื่อนอีกคนเคยไปเชียงดาวมาแล้วไง ก็เลยอยากรู้มีที่ไหนโหดกว่าเชียงดาวอีกบ้าง) 1 กม แรกผ่านไปชิวๆ
แต่หลังจากนี้สิครับ บอกเลยโหดมากมาก เพราะเส้นทางช่วงนี้ชั้นมาก แต่ก็ยังดี เพราะเค้ามีบันใดเป็นทางเดินให้ แต่บอกเลย ชันที่สุดเท่าที่ผมเดินป่ามาแล้ว มองไปหาเพื่อนคนที่เคยไปเชียงดาว มันบอกว่าเรื่องความชัน ยกให้ที่นี่เลย 555555555
พอผ่านช่วงที่ชันมาได้ทางต่อจากนี้ก็จะเป็นทางราบบางช่วง และนอกจากนั้นก็จะเป็นทางเดินขึ้น ซึ่งก็จะชันขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วแล้วก็มาจุดสำคัญ
ตอนแรกก็ไม่คิดว่าต้องเดินขึ้นไปขนาดนั้นน่ะ เห็นมั้ยคับ ยอดเขาโน้น!!!!!!!
*******เนินมรณะ****** มองเห็นแล้วแอบตกใจ มันสูงขนาดนั้นเลยหรอ มันชั้นขนาดนั้นเลยหรอ คือเรียกว่าชันที่สุดเท่าที่เดินมาทั้งหมด เดินขึ้นกันแบบทะลักทุเล เรียกว่าสียเวลาไปกับเนินนี้เกือบ 2 ชม (คือถ่ายรูปเล่นด้วย ก็ให้ทำไงได้ เดินขึ้นไม่ถึง 10 ก้าว เรียกว่าขานี่หมดแรงเลยทีเดียว หยุดบ่อยมาก) เนินมรณะเป็นสุดไฮไลด์อีกจุดหนึ่ง เพราะเมือเราเดินขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะเห็นทางเดินที่เราเดินมาเกือบทั้งหมด และยังเห็นวิวของภูเขาข้างๆอีก เรียกว่าสวยมากๆ เอาล่ะ เดินต่อกันเลยดีกว่า อีกแค่นิดเดียวเอง และแล้วเราก็มาถึงจนได้ ลานสน เกือบ 5 โมงแล้ว
เรียกว่าจุดนี้สามารถเอารูปมาเปลี่ยนโปรไฟล์เฟสบุ๊กกันได้เลย 55555
เมื่อผ่านเนินมรณะมาได้ก็จะเจอกับจุดถ่ายรูปอีกจุดหนึ่ง
เดินไม่ไกลก็ถึงล่ะ "ลานสน"
แต่จุดกางเต้นต้องเดินไปอีกนิดนึง ระหว่างทางก็ไม่พลาดที่จะเก็บรูปไว้ 55555
ในที่สุดก็มาถึงล่ะ
เอาล่ะถึงแล้วก็อย่าคิดจะได้พักผ่อน เพราะมันจะมืดแล้ว ว่าแล้วก็เริ่มกางเต้น ไปหาของที่จะใช้สำหรับการมีชีวิตรอดในคือนี้ ก็ไปเช้าถุงนอน กาต้มน้ำ เตาถ่าน ถังน้ำ ขัน ฯลฯ
แต่ก็ระหว่างนี้อุสามาทั้งทีก็ไปเก็บพระอาทิตย์ตกซ่ะหน่อย
ข้อควรระวังสำหรับที่นี่ คือ ควรจะรีบอาบน้ำเลยตั้งแต่ไปถึง เพราะถ้าอาบดึกๆ คุณจะหนาวมากๆ และน่ากลัวด้วย ผมไปอาบคนเดียวนี่โอยยยยยย หลอนไปเลย!!!!!!!
กลางคืนก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากเพราะเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน บรรรยกาศระหว่างนี้จะสวยมาก จากนั้นอีกไม่นาน ดวงดาวเป็นท้องฟ้าก็จะเปล่งประกายออกมา คือฟินไปเลย ไม่ได้เห็นดาวเต็มฟ้าแบบนี้มานานแล้ว จิบเบียร์เย็นๆ อากาศหนาวๆ นั่งคุยกันไปเรื่อย ดูเวลาอีกทีก็ 3 ทุ่ม นอนดีกว่า พน จะได้มีแรงเดินกลับ
เช้าเลย ผมก็ตื่นมาคนแรกของกลุ่ม 6 โมเช้า เดินเล่นๆ ไปดูจุดต่างๆ ก็สวยดี แต่เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา
จากนั้นเมื่อเพื่อนคนอื่นๆ ตื่นเราก็จัดอาหารเช้าที่เราได้เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน นั้ก็คือข้าวเหนียวไก่ทอด อร่อยสุดแล้วสำหรับตอนนั้น ข้าวเหนียวนี่เย็นมาก เหมือนแช่ตู่เย็น ข้าวเหนียวนี่แยกกันเป็นเม็ดเลย 5555 เติมพลังเสร็จแล้วก็เก็บของกลับกันดีกว่า
ขากลับใช้เวลาแปปเดียว เพราะเป็นทางลาดลง ใช้เวลาประมาณ 3 ชม ก็ถึงล่ะ เมื่อลงมาถึงก็คิดไว้แล้วล่ะว่าต้องมาเล่นน้ำตกให้ได้ คือแบบว่าเดินมาเหนื่อยๆ ร้อนๆ ต้องจัดซ่ะหน่อย(บอกก่อนน่ะครับว่าน้ำเย็นมาก แต่สู้เมื่อคืนไม่ได้)
เมื่ออาบน้ำเสร็จก็ต้องไปเติมพลังกันที่ร้านเดิมอีกเหละ เป็นการทักทายป้าว่า พวกผมกลับมาแล้วน่ะครับ ความรู้สึกของอาหารมื้อนี้แบบว่าอร่อยมากแหลังจากไปอดๆ อยากๆ มาเมื่อวาน กินเสร็จก็ขึ้นรถเจ้าหน้าที่เพื่อไปยังที่ทำการอุทยาน เพื่อชำระค่าเสียเมื่อคืนและเอาเงินประกันกลับคืนมา ตอนกลับก็โชคดีเหลือเกินเจอคนที่คุยไม่ค่อยรู้เรื่องมาคิดเงิน คือคนเดียวกับที่คิดเงินขาขึ้นเลย เรียกว่ามึนกันถ่วนหน้า เอาล่ะคิดเงินเสร็จก็กลับกันเลยดีกว่า เรานัดคุณลุงที่มาส่งเราไว้ตอนเที่ยง แต่เราก็มาถึงก็บ่ายโมงแล้ว ลุงบอกว่าจะรอเราถึง 5 โมงเย็น เพราะเราจ่ายเงินมัดจำลุงเค้าไว้แล้ว 400 บาท เหลืออีกแค่ 400 บาท พอขึ้นรถลุงเพื่อกลับไปยังอำเภอชาติตระการ บอกเลยช่วงนี้ทุกคนหลับเป็นตาย เมื่อไปถึงอำเภอชาติตระการก็รอรถเพื่อต่อไป บขส พิษณุโลก โดยรถเที่ยวสุดท้ายจากอำเภอชาติตระการก็จะมีตอน 5 โมงเย็น ไปถึง บขส ก็ประมาณเกือบ 2 ทุ่ม จากนั้นก็เดินหารถไปกรุงเทพ คืออยากกลับไวๆ ก็โชคดีได้รถกลับเที่ยวเวลา 2 ทุ่มนิดๆ เดินทางถึงหมอชิตประมาณ ตี 1 กว่าๆ กลับไปนอนสบายใจ แต่ไม่สบายกาย ปวดไปทั้งตัว 55555555
สำหรับทริปของผมก็จบลงเพียงแค่นี้น่ะคับ ถ้าหากมีคัยสงสัยอะไรก็สามารถสอบถามมาได้น่ะคับ หวังว่าหนาวนี้ ทุกคนคงจะมีความสุขกับการท่องเที่ยวน่ะคับ
[CR] หนาวนี้ที่ "ภูสอยดาว"
โอยยยยยยย เดือนพฤศจิกายนแล้ว หัวใจผมนี้ไม่อยู่กะเนื้อกะตัวแล้ว แบบว่าร่างกายต้องการท่องเที่ยวมาก และถ้าเป็นหน้าหนาวแบบนี้ผมว่าแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็คงจะหนีไม่พ้น "ภาคเหนือ" เอาล่ะ ว่าแต่จะเลือกที่ไหนดี ใครจะไปกับเราบ้าง เป็นประเด็นใหญ่เลย.......... โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมอยากจะไปแหล่งท่องเที่ยวที่คนไปไม่เยอะ ว่าแล้วก็เริ่มหาข้อมูล โดยแหล่งข้อมูลที่ผมหาก็หนีไม่พ้น"พันทิป"นี่เหละ หาไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมาสะดุดที่นึงก็คือ ภูสอยดาว จากนั้นขั้นตอนต่อไปก็คือหาเพื่อนร่วมทริป โชคดีที่ผมเป็นเด็กหอในของมหาลัยก็เลยหาง่ายนิดนึง สำหรับการท่องเที่ยวของผม ผมอยากให้ผู้ร่วมทริปมีไม่เยอะไป ซัก 4-6 คน เพราะจะทำให้เราดูแลคนอื่นได้ทั่วถึง นอกจากนั้นแล้วยังจะทำให้เราได้สัมผัสกับนิสัยของเพื่อนที่ร่วมเดินทางเพิ่มมากขึ้นด้วย เอาเลยเรามาดูเพื่อนร่วมทริปของเรากันเลยดีกว่า
เอาล่ะมาเริ่มต้นการเดินทางของเรากันเลยดีกว่า จุดเริ่มต้นของเราอยู่ที่หมอชิต โดยเราจะเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลก สำหรับค่ารถโดยสารแบบประหยัดสุดก็ราคา 270 ใช้เวลาในการเดินทาง 5 ชม นิดๆ ซึ่งเราเลือกเวลาออกเดินทางเวลา 4 ทุ่มไปถึงพิษณุโลกก็เวลาประมาณ ตี 4 จากนั้นก็หารถไปอำเภอชาติตระการ โดยรถเที่ยวแรกซึ่งจะออกเดินทางจาก บขส ไปอำเภอชาติตระการก็ประมาณตี 5 ค่าโดยสารก็คนล่ะ 87 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม จากนั้นเมื่อรถถึงอำเภอชาติตระการแล้วเราก็จะต้องหารถไปยังภูสอยดาว ซึ่งการเดินทางต่อจากนี้ก็ลองคิดเองล่ะกัน เพราะสามารถเดินทางได้สองวิธี คือ เดินทางด้วยรถโดยสารราคาถ้าจำไม่ผิด 170 บาท แต่รถก็ไม่มีเวลามาที่แน่นอน*****เค้าบอกว่า บางวันก็มาบางวันก็ไม่มา********ซึ่งวันที่เราไปโชคดีมากที่รถมา แต่ก็โชคร้ายเหมือนกัน เพราะเค้าบอกมาว่ารถออก 11 โมง ซึ่งคำนวณเวลาแล้ว ไม่น่าจะทัน เพราะทางอุทยานจะให้นักท่องเที่ยวขึ้นได้แค่ถึงบ่ายสองเท่านั้น หากไปไม่ทันก็ต้องรอวันถัดไป นอกจากนี้เรากสามารถเดินทางได้อีกวิธีคือการเหมารถไป ซึ่งก็สามารถหาได้จากบริเวณตลาด หรือบริเวณท่ารถที่เราลงตอนแรกเมื่อถึงอำเภอชาติตระการ โดยเราเลือกจะไปซื้อของบริเวณตลาดก่อน โดยจะต้องนั่งรถเข้าตลาดคนล่ะ 15 บาท
ซึ่งบริเวณตลาดก็มีของให้เลือกซื้อไปกินมากมาย นอกจากนั้นแล้วแม่ค้าพ่อค้าในตลาดก็ยังให้คำแนะนำดีๆ สำหรับการเดินทาง หรือถ้าซื้อของในตลาดสดยังไม่พอ ก็สามารถไปหาซื้อของได้อีกทั้งในโลตัส และเซเว่น โดยจะตั้งอยู่ตรงข้ามกับตลาดสดเลย เมื่อซื้อของเสร็จแล้วก็หารถกันต่อดีกว่า เดินไปเดินมาก็เจอกับคุณลุงคนนึง แกเข้ามาถามว่าไปไหน เราก็บอกไปภูสอยดาว อ่า เหมารถลุงไปมั้ย ลุงคิด 800 เราก็ตกลงไป ซึ่งลุงบอกว่าถ้าไปไม่เกิน 8 คน ลุงคิด 800 แค่ถ้ามากกว่านี้ลุงคิด 10000 หรือ 12000 ล่ะมั้งจำไม่ได้ เฉลี่ยแล้วเราก็หารกันเหลือแค่คนล่ะ 200 พอนั่งไปซักพักรู้สึกว่าโอ้ ไกลขนาดนี้เลยหรอว่ะ โดยระหว่างอำเภอชาติตระการไปภูกระดึงใช้เวลาประมาณ 1 ชม เมื่อถึงอุทยานก็ถึงเวลาแล้วล่ะ........จ่ายเงิน..... โดยค่าเข้าอุทยานจะคิดคนล่ะ 40 บาท จากนั้นก็ไปติดต่อลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ว่าจะมาพักกี่คืน จะเช่าอะไรบ้าง มีค่ามัดจำอะไรบ้าง *********ประเด็นตรงนี้สำคัญน่ะครับ*************คือสำหรับใครที่ไม่ได้เอาเต้น เอาถุงนอนไปเอง เตรียมตัวทำความเข้าใจดีๆน่ะครับ เพราะบางครั้งท่านอาจจะไม่เข้าใจกับการอธิบายของเจ้าหน้าที่อุทยานก็เป็นได้
สำหรับค่าเช่าต่างๆ จะคิดประมาณนี้น่ะครับ
เต้นถ้าเช้าจากบริเวณด่านล่าง คือต้องแบกขึ้นไปเอง ก็จะคิดราคา 225 บาท (เต้นสำหรับ 3 คนนอน แต่เรานอน 4 คน จะได้อบอุ่นดี 5555) แต่ถ้าไปเช่าด้านบนราคาจะตกประมาณ 500 กว่าๆ จำไม่ได้เหมือนกัน (คือเค้าจะคิดค่าลูกหาบเข้าไปด้วย โดยจะคิดเป็นกิโล กิโลล่ะ 35 บาท ลูกหาบจะได้เงินจิงๆ 30 บาท อีก 5 บาทจะโดนหักเข้าอุทยาน **********ความจิงเต้นด้านบนก็กางอยู่แล้ว ไม่ได้จ้างลูกดาบเลย แล้วยังมาอ้างอีกว่าต้องจ่ายค่าลูกหาบ ผมว่าไม่ค่อยโอเคเลยน่ะครับ********
ถุงนอน เช่าจากด้านล่าง ราคา 30 บาท ถ้าเช่าด้านบน ราคา 105 บาท (แพงไปมั้ย อีกอย่างก็บอกว่าด้านล่างยังไม่ได้ซัก เพลียเลยครับ)
สำหรับถ้าเหมาเช้าหมดเลยจะตกอยู่คนล่ะ 300 บาทต่อคืน คือจะได้เต้น ที่รองนอน ถุงนอน ประมาณนี้ แต่มีคนเกินก็คิดเพิ่มอีก โดยจะคิดค่ากางเต้น 30 บาท ค่าถุงนอน 105 บาท ประมาณนี้
นอกจากกนั้นแล้วบริเวณด้านบนก็ยังมีของต่างๆ ให้เช่าอีกมากมาย โดยเราไม่ต้องแบกขึ้นไปให้เหนื่อย เช่น กาต้มน้ำ เตาถ่าน ถ่าน ถังน้ำ ขัน อะไรประมาณนี้
ระหว่างช่วงที่ทำการอุทยานกับทางเดินขึ้นภูสอยดาวจะห่างกันนิดนึง โดยจะมีรถเจ้าหน้าที่มาส่ง นอกจากนั้นแล้วบริเวณก่อนขึ้นก็ยังมีร้านอาหรตามสั้ง ส้มตำให้เติมพลังกันก่อนน่ะครับ ราคาก็เป็นกันเองไม่แพง
เอาล่ะเมื่อพร้อมแล้วก็เริ่มเดินเท้าขึ้นภูสอยดาวกันเลยดีกว่า สำหรับระยะทางถึงลานสนรวมทั้งหมดก็ 6.5 กิโลเมตร
เริ่มเดินทางจากบริเวณน้ำตกภูสอยดาว
ช่วงแรกของการเดินทางประมาณ 1 กม แรกรู้สึกไม่ค่อยเหนื่อยมาก (คิดในใจ แค่นี้เองหรอว่ะ ผมกะเพื่อนอีกคนเคยไปเชียงดาวมาแล้วไง ก็เลยอยากรู้มีที่ไหนโหดกว่าเชียงดาวอีกบ้าง) 1 กม แรกผ่านไปชิวๆ
แต่หลังจากนี้สิครับ บอกเลยโหดมากมาก เพราะเส้นทางช่วงนี้ชั้นมาก แต่ก็ยังดี เพราะเค้ามีบันใดเป็นทางเดินให้ แต่บอกเลย ชันที่สุดเท่าที่ผมเดินป่ามาแล้ว มองไปหาเพื่อนคนที่เคยไปเชียงดาว มันบอกว่าเรื่องความชัน ยกให้ที่นี่เลย 555555555
พอผ่านช่วงที่ชันมาได้ทางต่อจากนี้ก็จะเป็นทางราบบางช่วง และนอกจากนั้นก็จะเป็นทางเดินขึ้น ซึ่งก็จะชันขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วแล้วก็มาจุดสำคัญ
ตอนแรกก็ไม่คิดว่าต้องเดินขึ้นไปขนาดนั้นน่ะ เห็นมั้ยคับ ยอดเขาโน้น!!!!!!!
*******เนินมรณะ****** มองเห็นแล้วแอบตกใจ มันสูงขนาดนั้นเลยหรอ มันชั้นขนาดนั้นเลยหรอ คือเรียกว่าชันที่สุดเท่าที่เดินมาทั้งหมด เดินขึ้นกันแบบทะลักทุเล เรียกว่าสียเวลาไปกับเนินนี้เกือบ 2 ชม (คือถ่ายรูปเล่นด้วย ก็ให้ทำไงได้ เดินขึ้นไม่ถึง 10 ก้าว เรียกว่าขานี่หมดแรงเลยทีเดียว หยุดบ่อยมาก) เนินมรณะเป็นสุดไฮไลด์อีกจุดหนึ่ง เพราะเมือเราเดินขึ้นไปเรื่อยๆ เราจะเห็นทางเดินที่เราเดินมาเกือบทั้งหมด และยังเห็นวิวของภูเขาข้างๆอีก เรียกว่าสวยมากๆ เอาล่ะ เดินต่อกันเลยดีกว่า อีกแค่นิดเดียวเอง และแล้วเราก็มาถึงจนได้ ลานสน เกือบ 5 โมงแล้ว
เรียกว่าจุดนี้สามารถเอารูปมาเปลี่ยนโปรไฟล์เฟสบุ๊กกันได้เลย 55555
เมื่อผ่านเนินมรณะมาได้ก็จะเจอกับจุดถ่ายรูปอีกจุดหนึ่ง
เดินไม่ไกลก็ถึงล่ะ "ลานสน"
แต่จุดกางเต้นต้องเดินไปอีกนิดนึง ระหว่างทางก็ไม่พลาดที่จะเก็บรูปไว้ 55555
ในที่สุดก็มาถึงล่ะ
เอาล่ะถึงแล้วก็อย่าคิดจะได้พักผ่อน เพราะมันจะมืดแล้ว ว่าแล้วก็เริ่มกางเต้น ไปหาของที่จะใช้สำหรับการมีชีวิตรอดในคือนี้ ก็ไปเช้าถุงนอน กาต้มน้ำ เตาถ่าน ถังน้ำ ขัน ฯลฯ
แต่ก็ระหว่างนี้อุสามาทั้งทีก็ไปเก็บพระอาทิตย์ตกซ่ะหน่อย
ข้อควรระวังสำหรับที่นี่ คือ ควรจะรีบอาบน้ำเลยตั้งแต่ไปถึง เพราะถ้าอาบดึกๆ คุณจะหนาวมากๆ และน่ากลัวด้วย ผมไปอาบคนเดียวนี่โอยยยยยย หลอนไปเลย!!!!!!!
กลางคืนก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากเพราะเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน บรรรยกาศระหว่างนี้จะสวยมาก จากนั้นอีกไม่นาน ดวงดาวเป็นท้องฟ้าก็จะเปล่งประกายออกมา คือฟินไปเลย ไม่ได้เห็นดาวเต็มฟ้าแบบนี้มานานแล้ว จิบเบียร์เย็นๆ อากาศหนาวๆ นั่งคุยกันไปเรื่อย ดูเวลาอีกทีก็ 3 ทุ่ม นอนดีกว่า พน จะได้มีแรงเดินกลับ
เช้าเลย ผมก็ตื่นมาคนแรกของกลุ่ม 6 โมเช้า เดินเล่นๆ ไปดูจุดต่างๆ ก็สวยดี แต่เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา
จากนั้นเมื่อเพื่อนคนอื่นๆ ตื่นเราก็จัดอาหารเช้าที่เราได้เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน นั้ก็คือข้าวเหนียวไก่ทอด อร่อยสุดแล้วสำหรับตอนนั้น ข้าวเหนียวนี่เย็นมาก เหมือนแช่ตู่เย็น ข้าวเหนียวนี่แยกกันเป็นเม็ดเลย 5555 เติมพลังเสร็จแล้วก็เก็บของกลับกันดีกว่า
ขากลับใช้เวลาแปปเดียว เพราะเป็นทางลาดลง ใช้เวลาประมาณ 3 ชม ก็ถึงล่ะ เมื่อลงมาถึงก็คิดไว้แล้วล่ะว่าต้องมาเล่นน้ำตกให้ได้ คือแบบว่าเดินมาเหนื่อยๆ ร้อนๆ ต้องจัดซ่ะหน่อย(บอกก่อนน่ะครับว่าน้ำเย็นมาก แต่สู้เมื่อคืนไม่ได้)
เมื่ออาบน้ำเสร็จก็ต้องไปเติมพลังกันที่ร้านเดิมอีกเหละ เป็นการทักทายป้าว่า พวกผมกลับมาแล้วน่ะครับ ความรู้สึกของอาหารมื้อนี้แบบว่าอร่อยมากแหลังจากไปอดๆ อยากๆ มาเมื่อวาน กินเสร็จก็ขึ้นรถเจ้าหน้าที่เพื่อไปยังที่ทำการอุทยาน เพื่อชำระค่าเสียเมื่อคืนและเอาเงินประกันกลับคืนมา ตอนกลับก็โชคดีเหลือเกินเจอคนที่คุยไม่ค่อยรู้เรื่องมาคิดเงิน คือคนเดียวกับที่คิดเงินขาขึ้นเลย เรียกว่ามึนกันถ่วนหน้า เอาล่ะคิดเงินเสร็จก็กลับกันเลยดีกว่า เรานัดคุณลุงที่มาส่งเราไว้ตอนเที่ยง แต่เราก็มาถึงก็บ่ายโมงแล้ว ลุงบอกว่าจะรอเราถึง 5 โมงเย็น เพราะเราจ่ายเงินมัดจำลุงเค้าไว้แล้ว 400 บาท เหลืออีกแค่ 400 บาท พอขึ้นรถลุงเพื่อกลับไปยังอำเภอชาติตระการ บอกเลยช่วงนี้ทุกคนหลับเป็นตาย เมื่อไปถึงอำเภอชาติตระการก็รอรถเพื่อต่อไป บขส พิษณุโลก โดยรถเที่ยวสุดท้ายจากอำเภอชาติตระการก็จะมีตอน 5 โมงเย็น ไปถึง บขส ก็ประมาณเกือบ 2 ทุ่ม จากนั้นก็เดินหารถไปกรุงเทพ คืออยากกลับไวๆ ก็โชคดีได้รถกลับเที่ยวเวลา 2 ทุ่มนิดๆ เดินทางถึงหมอชิตประมาณ ตี 1 กว่าๆ กลับไปนอนสบายใจ แต่ไม่สบายกาย ปวดไปทั้งตัว 55555555
สำหรับทริปของผมก็จบลงเพียงแค่นี้น่ะคับ ถ้าหากมีคัยสงสัยอะไรก็สามารถสอบถามมาได้น่ะคับ หวังว่าหนาวนี้ ทุกคนคงจะมีความสุขกับการท่องเที่ยวน่ะคับ