[CR] คนไทยพาคนจีนไปเที่ยวสะพานมอญ (สังขละบุรี)

สวัสดีเพื่อนๆชาว pantip ทุกคน นี่ไม่ใช่กระทู้แรกของผม แต่เป็นกระทู้รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวอันแรกของผม

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนเลยนะครับ ว่าผมจะไม่แต่งสีรูปหลอกลวงผู้บริโภคเด็ดขาด จะใช้ไฟล์ที่ถ่ายจากกล้องดิบๆเลยนี่แหละ ทริปนี้ผมใช้ Nikon D3100 + lens kit 18-55mm กับกล้องไอโฟนนิดหน่อย (จริงๆมี GoPro HERO4 Silver อีกตัวนึง แต่ส่วนใหญ่ใช้ selfie กับถ่าย video มากกว่า จึงไม่เอามาลงเพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นกระทู้อวดคนไปอีก ฮ่าๆ)

เหตุผลหลักที่ไม่แต่งรูปของผมมีอยู่ 3 ข้อใหญ่ๆ

1 ไม่อยากให้ผู้บริโภคผิดหวัง เพราะบางกระทู้ก็แต่งสีรูปเกินจริงมาก บ้างก็สว่างจ้าจนนึกว่าตาเป็นต้อ บ้างก็ปรับ contrast ต่ำจนนึกว่ารีวิวกระทู้เที่ยว silent hill

2 เวลาแต่งรูปในคอมเราคิดว่าโทนนี้แหละสวยแล้ว แต่พอไปดูในไอโฟนยิ้มคนละโทนเฉยเลย

3 ขี้เกียจ...
เม่าเหม่อ

ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองถ่ายรูปสวยนะครับ แต่ถ้าไม่เข้าใจให้กลับไปอ่านข้อ 1 ใหม่

จริงๆผมเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะไปไหนมาไหนคนเดียวมากกว่า เพราะเพื่อนสนิทก็เรียนจบมีการมีงานทำหมดแล้ว มีแต่ผมนี่แหละที่ยังเรียนอยู่ (เพราะซิ่วมาปีนึง) กว่าจะหาเวลาว่างที่เพื่อนทุกคนว่างพร้อมกันก็ไม่ต้องไปไหนกันพอดี แต่ครั้งนี้โชคดีหน่อยครับ มีเพื่อนชาวจีนกับพ่อผมไปด้วย



จะเรียกว่าพาพ่อเที่ยวก็คงไม่ได้ ต้องเรียกว่าพ่อพาเที่ยวถึงจะถูก เพราะพ่อผมเป็นคนขับรถและผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการตลอดการเดินทางเลยครับ (เย้) หลังจากชวนพ่อแล้วพ่อตอบตกลงเรียบร้อย ทริป "คนไทยพาคนจีนไปเที่ยวสะพานมอญ" ของผมจึงเริ่มต้นขึ้น...



แต่เดี๋ยวก่อน... คุณคิดว่าการเดินทางครั้งนี้มันจะสวยงามเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบเหรอ ฝันไปเถอะ! เนื่องจากวันพ่อปีนี้เป็นวันหยุดยาวติดต่อกันสามวัน ทำให้ที่พักที่สังขละบุรีเต็มหมดทุกที่เลย ขนาดโทรไปจองล่วงหน้าหลายวันแล้วก็ยังไม่ทัน

ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยผ่านหลักสูตรลูกเสือ-เนตรนารีมาก่อน วิชากางเต็นท์ 101จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมกับพ่อและเพื่อนชาวจีนของผมเลย เราจึงตัดสินใจกันว่าจะกางเต็นท์นอนกัน

พ่อบอกว่าจะมารับที่หอตอนบ่ายสามของวันที่ 5 ผมก็ลง ETD (Estimate Time of Departure) ไว้เลยว่า 1500 แต่เอาเข้าจริงๆพ่อมาช้าไปชั่วโมงครึ่ง ทำให้ ATD (Actual Time of Departure) เลื่อนจาก 1500 เป็น 1630 แทน

พวกผมใช้เวลาเดินทางออกจากหอผมแถมแยกสุทธิสาร มุ่งหน้าไปสังขละบุรีผ่าน จรัญ - ปิ่นเกล้า - ศาลายา ระหว่างทางผมก็ใส่หูฟังนั่งดู The FACE ไปด้วย พอดูจบภาพก็ตัด หลับไปเลย ตื่นมาอีกทีถึงกาญจนบุรีแล้ว พ่อแวะเข้าห้องน้ำ ผมกับเพื่อนก็ลงไปหาอะไรกินในเซเว่น พ่อถามเด็กปั๊มว่าจากตรงนี้อีกไกลมั๊ยกว่าจะถึงสังขละบุรี เค้าบอกว่าอีกประมาณร้อยโล โอเค น่าจะอีกไม่นาน ตอนนั้นสองทุ่มนิดๆ สี่ทุ่มกว่าก็น่าจะถึงแล้ว แต่...



เส้นทางไปสังขละบุรีไม่ใช่ถนนปกติ เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง โค้งก็เยอะมาก นึกว่าเล่น roller coaster อยู่ มืดก็มืด แถมฝนก็ตกปรอยๆ พ่อเลยขับรถเร็วไม่ได้ ซักพักเริ่มมีหมอก เริ่มหนาขึ้น หนาขึ้น แล้วก็หนาขึ้น สัมผัสได้ถึงอากาศหนาวที่อยู่นอกรถเลยครับ

เรามาถึงจุดชมวิวที่สังขละบุรีตอนห้าทุ่ม มีพี่เจ้าหน้าที่คนนึงมาโบกรถให้ พี่เค้าใจดีมากเลยครับ บอกว่าถ้าห้องน้ำไม่พอก็มาใช้ห้องน้ำที่บ้านพักของพี่เค้าได้ ส่วนค่าใช้จ่ายที่นี่ไม่ต้องเสีย แต่ถ้าจะให้จริงๆ เค้าใช้คำว่า "ค่าบำรุงสถานที่" ดีกว่า



ตอนแรกผมวางแผนไว้ว่าจะมาเที่ยวถนนคนเดินสังขละบุรีที่เค้าจัดทุกวันเสาร์ แต่ตอนที่ผมมาถึงตลาดก็วายหมดแล้วเลยอดไปตามระเบียบ ฮ่าๆ

เราเอาเต็นท์มาสองหลัง ผมกับเพื่อนนอนด้วยกัน ส่วนพ่อนอนอีกหลังนึง เนื่องจากเรามาถึงค่อนข้างดึก(มาก) ทำให้จุดยุทธศาสตร์ถูกจับจองไปหมดแล้ว เอาวะ นอนตรงไหนก็ได้แหละ เดี๋ยวตีสี่ก็ต้องตื่นแล้ว ผมกับเพื่อนเลยเดินหาพื้นที่ที่หญ้าหนาที่สุดแล้วกางเต็นท์นอนตรงนั้นเลยครับ

คืนนั้นอากาศค่อนข้างหนาว ผมกับเพื่อนเลยตัดสินใจว่าจะไม่อาบน้ำกัน ล้างหน้าแปรงฟันแล้วถอดคอนแทคเลนส์นอนเลย (แต่พ่ออาบ)



ตีสี่ของวันที่ 6 ธันวา นาฬิกาปลุกไอโฟนผมดังอยู่ข้างหู ผมหยิบมากด snooze ด้วยความง่วงและความเคยชินแล้วนอนต่ออีกแปปนึง

พอผมตื่นจริงจัง ที่ห้องน้ำคนเยอะมาก ผมกับเพื่อนเลยใช้น้ำเปล่าที่ซื้อมาจากเซเว่นนั้นแหละล้างหน้าแปรงฟัน ผมทำธุระส่วนตัวเสร็จตอนตีห้า เดินไปที่เต็นท์พ่อ พ่อยังไม่ตื่น... ครับ พ่อยังไม่ตื่น

หลังจากพ่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ เราก็เก็บเต็นท์ใส่หลังรถแล้วไปรอตักบาตรแบบชาวมอญกันครับ




ตีห้าครึ่งเริ่มมีคนมานั่งรอกันแล้ว ที่นี่เค้าจะมี bucket set สำหรับใส่บาตร ในเซ็ทก็จะประกอบไปด้วย ข้าวสวย อาหารแห้ง ดอกไม้ ธูป เทียน basic items สำหรับใส่บาตรทั่วไปนั่นแหละครับ สนนราคาที่ 99 บาท บางร้านมีบริการพิเศษ มีชุดมอญให้ใส่พร้อมทาแป้งทานาคาให้ด้วย

ระหว่างที่นั่งรอพระมา ผมก็นั่งดูคุณป้าเจ้าของร้านควัดข้าวใส่ขัน แล้วก็หยิบกล้องขึ้นมาเปิดโหมดมาโครถ่ายโคลสอัพดอกไม้ธูปเทียนฆ่าเวลา นั่งถ่ายรูปวิถีชีวิตคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อย





หนึ่งสิ่งที่ amazing สำหรับที่นี่คือเค้าจะเอาหม้อ, ถัง หรือกะละมัง ใส่ของเทินไว้บนหัว ทำกันตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดงไปถึงคุณยายคุณย่า พ่อบอกว่าเป็นการฝึกบุคลิกอย่างนึง ทุกคนเดินกันตัวตรงมาก บาลานซ์ดีมาก



ส่วนพ่อผมน่ะเหรอ รายนั้นเค้าตั้งตาตั้งตารอพระอย่างใจจดใจจ่อ



ก่อนพระจะมา ผมก็เอาโกโปรไปตั้งไว้บนหลังคารถพ่อเพื่อถ่ายวิดีโอตอนใส่บาตร (เดี๋ยวอัพเสร็จแล้วจะเอา link มาแปะอีกทีนะครับ)



หกโมงนิดหน่อย มีเจ้าหน้าที่เดินนำมาก่อน บอกให้ทุกคนยืนรอใส่บาตรอยู่หลังเส้น หลังจากนั้นพระกับเด็กวัดค่อยเดินตามมา



ตอนที่ผมกับพ่อใส่บาตร เพื่อนเป็นคนถ่ายรูปให้



พอผมใส่เสร็จ ผมกับเพื่อนก็เดินนำหน้าพระไปให้เพื่อนรอใส่บาตร แล้วผมถ่ายรูปให้ เค้าบอกว่านี่เป็นครั้งแรก เค้าไม่เคยใส่บาตรมาก่อน




กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หลังจากใส่บาตรเสร็จ ผมกับเพื่อนก็ไปหาข้าวเช้าทานกัน ผมหิวข้าวมาก แต่เพื่อนผมอยากกินแค่กาแฟ ผมเลยไปนั่งกินข้าวต้มหมูกับน้ำเปล่าหนึ่งขวด แล้วสั่งกาแฟร้อนให้เพื่อนแก้วนึง



ข้าวเช้ามื้อนี้ผมจ่ายไปแค่ 40 บาท (ข้าวต้ม 20 บาท, น้ำเปล่า 10 บาท, กาแฟอีก 10 บาท) ถือว่าถูกมากเลยนะครับสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้

ทริปนี้ผมเพิ่งการ์ดใหม่ FlashAir Wireless LAN SD Card ของ TOSHIBA เป็นการ์ดใช้กับกล้องตัวใหญ่ที่สามารถส่งรูปเข้ามือถือหรือคอมพิวเตอร์ด้วย wifi ได้เลย สะดวกสบายมากครับ (ไม่ได้ฆ่าโฆษณาแต่อย่างใด)



ผมโทรหาพ่อถามว่าพ่ออยู่ไหน พ่อบอกว่าอยู่กลางสะพานแล้ว ผมกับเพื่อนเลยจ่ายตังแล้วมุ่งหน้าไปสะพานมอญ เป้าหมายหลักของเราในครั้งนี้

อย่างที่ผมกล่าวไปเมื่อตอนต้น ว่าคนที่นี่เค้ามักจะเทินของไว้บนหัวกัน ซึ่งน้องคนนี้เอาโถข้าวซ้อนกัน 10 ชั้นแล้วเทินไว้บนหัว สตรองมาก บีก็ทำไม่ได้ คริสเหรอ อย่าหวังเลย



เดินไปอีกซักพักก็เจอวงดนตรี น่าจะเป็นวงประจำของที่นี่



ส่วนรูปนี้เป็นแม่ชีชาวมอญ แต่งกายด้วยชุดสีชมพูอ่อน คลุบทับด้วยผ้าสีน้ำตาลส้มคล้ายจีวรพระ ยืนถือสลุงสวดขอรับบริจาคอยู่ที่เชิงสะพาน



และแล้วเราก็มาถึงสะพานมอญ เป้าหมายหลักของเราในครั้งนี้ เนื่องจากวันที่ผมไปเป็นวันหยุดยาวสามวัน ทำให้นักท่องเที่ยวเยอะเป็นพิเศษ

บนสะพานก็จะมีทั้งนักท่องเที่ยว และคนท้องถิ่นที่เทินของไว้บนหัวเดินข้ามสะพานไปมา





เดินไปซักพักเจอคุณยายคนนึงขายดอกไม้ กำละ 50 บาท คุณยายน่ารักมาก หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ตอนแรกผมจะซื้อแล้ว แต่เพื่อนผมห้ามไว้ เค้าบอกว่า "ดอกไม้สีขาวที่จีนเค้าเอาไว้ไหว้หลุมศพนะยู" โอเคครับ ไม่ซื้อก็ได้ ถ่ายรูปเฉยๆก็พอ -__-




เดินไปอีกซักพักเจอพี่ผู้ชายคนนึง (หรือน้องก็ไม่รู้) เป็นนักกระโดดน้ำหาเงินเป็นทุนการศึกษา เค้าโดดจากบนสะพานลงไปแม่น้ำซองกาเลียด้านล่าง หลังจากนั้นก็ปีนเสาของสะพานนั่นแหละครับกลับขึ้นมา เก่งจริงๆ ปรบมือให้เลย




ชาวมอญที่นี่นิยมทาแป้งทานาคากัน แม้แต่น้องคนนี้ยังทาเลยครับ น่ารักมากเลย



พอเดินมาถึงปลายสะพานอีกด้าน แล้วหันกลับไปมอง โอ้โห เราก็เดินมาไกลเหมือนกันนะเนี่ย




ที่นี่มีบริการเรือพาเที่ยวชมวัดด้วยนะครับ 1 วัด 300 บาท แต่ถ้า 3 วัด 500 บาท



ผมกับเพื่อนไม่ได้ใช้บริการหรอกนะครับ แต่เราก็ลงไปถ่ายรูปเล่นตรงท่าเรือกัน



พอมองจากท่าเรือขึ้นไปที่สะพาน ก็จะเห็นร่องรอยการแซ่มแซมที่เกิดจากการพังทลายของสะพานเมื่อปี 2556



เชื่อแล้วครับว่า "สะพานอุตตมานุสรณ์" หรือ "สะพานมอญ" แห่งนี้ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นอกจากนั้นยังเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกด้วยนะครับ





ก่อนกลับผมกับเพื่อนก็ไม่ลืมที่จะเขียน postcard จ่าหน้าซองกลับมาหาตัวเอง ซึ่งผมมักจะทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วเวลาไปเที่ยว (ตอนที่เขียนกระทู้นี้ postcard ยังส่งมาไม่ถึง เอาไว้ถ้าได้รับแล้วจะถ่ายรูปมาให้ดูนะครับ)

ถือเป็นอีกทริปที่ประทับใจมากๆครับ

เยี่ยม

つづく
ชื่อสินค้า:   สะพานมอญ, สังขละบุรี, กาญจนบุรี
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่