สังขละบุรี ไปกี่ทีก็ไม่เบื่อ
วันที่ 7-8 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไป สังขละบุรี เลยเก็บภาพมาฝากกันค่ะ
ตั้งแต่เด็กจำได้ว่าไป สังขละบุรี หลายครั้ง
แต่สังขละบุรีของเราแต่ละครั้งก็น่าตื่นเต้นทุกครั้งเลย
ครั้งแรกที่ไปจำได้เลยว่า ตื่นเต้น กับ เจดีย์สามองค์ มากๆ จินตนาการไว้ใหญ่โต แต่พอไปถึงมองหาตั้งนานกว่าจะเจอกัน
ครั้งนี้ก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ตื่นเต้นตรงที่ป๊าชวนไปกางเต็นท์นอน
ป๊า : ไปสังขละกับป๊าป่าว ไปกางเต็นท์นอนกัน
เรา : ไปกางเต็นท์ที่ไหนอ่ะป๊า
ป๊า : ไม่รู้ ไปถึงก็หาได้
เรื่องเส้นทางนี่อย่าให้พูด.....ไม่รู้อะไรเลย 5555!!! มีหน้าที่นั่งมองวิวข้างทางอย่างเดียว
และแล้วก็ขอแวะหน่อย จุดชมวิวป้อมปี่
พอมาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี จาก น้องน้ำหวาน นกเงือก ที่บินโฉบกลุ่มเราไปอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
พี่ที่อุทยานบอกว่า น้องน้ำหวาน ไม่ชอบคนใส่หมวก (เรานี่รีบถอดหมวกเลย 5555)
ภายในอุทยานร่มรื่นดี มีที่พักด้วย สามารถกางเต็นท์ได้ แต่คืนนี้สำหรับพวกเราคงไม่ใช่ที่นี่
ออกเดินทางต่อสักพักก็ถึงแล้ว “สังขละบุรี”
เราแวะมาเยี่ยม สะพานมอญ เป็นอย่างแรก
สะพานเสร็จเกือบสมบูรณ์แล้วเตรียมเปิดใช้ วันที่ 18 ตุลา (ใครได้ไปเที่ยวงานเอาภาพมาอวดกันบ้างนะคะ)
จริงๆแล้ว เราตั้งใจมาดูสะพาน แพร ที่ลอยอยู่บนน้ำมากกว่า
เราชอบมันมากๆ รู้สึกว่าต้องมาดูมันซักครั้ง เพราะเดี๋ยวสะพานมอญเสร็จ สะพานแพรนี้ก็จะหายไป
มาสะพานมอญแล้ว ก็ต้องไม่พลาดที่จะไปดู โบสถ์กลางน้ำ
พอไปถึงก็มีเด็กๆมาขายดอกไม้ และอาสาเป็นไกด์ให้
น้องนพพร เล่าว่าโบสถ์นี้ คือ วัดวังก์วิเวการาม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2496 ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้สร้าง
และจมตอน พ.ศ. 2527 ซึ่งพอมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม ทำให้พื้นที่ช่วงนี้ต้องจมอยู่ใต้บาดาล
ตอนเดินเข้าโบสถ์น้องบอกว่า "ต้องแตะที่หน้าโบสถ์ ข้ามผ่านธรณีประตู และอธิษฐาน พรนั้นจะเป็นจริง"
หลังจากที่ร่องเรือเสร็จเราก็กลับมาหาที่พัก
ค่ำนี้จะนอนที่ไหน
พี่ ป้า น้า อาที่เดินทางมาด้วย จองที่พักที่รีสอร์ทเรียบร้อยแล้ว
เหลือแต่เรา 7 คน มีป๊า เรา พี่ชาย น้องชาย และเพื่อนป๊า กับเต็นท์ 4 หลัง
และแล้ว เราก็ได้ที่พักสำหรับคืนนี้ “จุดชมทิวทัศน์ เทศบาลวังกะ”
โชคดีที่เจอเจ้าหน้าที่พอดี เขาเลย อำนวยความสะดวกเปิดไฟและห้องน้ำให้พวกเราใช้
ห้องนอนของเราคืนนี้ เก๋มากๆ เห็นสะพานมอญชัดเจน เห็นพระจันทร์ดวงกลม
อากาศไม่เย็นเท่าไหร่ กำลังนอนสบาย
ตื่นเช้ามาก็มีเพื่อนบ้านแวะมาเยี่ยมแต่เช้า
เขามารอพระอาทิตย์ขึ้นกัน
วันนี้พวกเรามีภารกิจสำคัญ คือการไปใส่บาตรที่วัดศรีสุวรรณาราม
2 ปีที่แล้ว พวกเราเคยตั้งใจจะมาใส่บาตร แต่มาผิดวัน ครั้งนี้เลยต้องไม่พลาด ทำการบ้านมาอย่างดี
การตักบาตรเทโวของที่นี่ จะเวียนกันไปแต่ละปี ว่าจะไปจัดงานที่วัดไหน ซึ่งปีนี้ คือ วัดศรีสุวรรณาราม
มาถึงวัดบรรยากาศ คึกคัก ชาวบ้านแต่งกายสวยงาม จัดเต็มกันมากๆ มีการแสดงของเด็กน้อยและวงดนตรีพื้นบ้าน
พอได้เวลาเราก็เริ่มใส่บาตรกัน สังเกตเห็นว่าชาวบ้านจะนิยมใส่ ท๊อฟฟี่ ข้าวสาร เทียน และกาแฟ
หลังจากอิ่มบุญกันแล้ว ก็เดินทางต่อ ไป ด่านเจดีย์สามองค์
ครั้งนี้ได้นั่งรถเข้าไปที่ฝั่งพม่าด้วยบริการรถโดยสารและไกด์ ราคา 300 บาท
ซึ่งจริงๆแล้วขับรถเข้าไปเองก็ได้อยู่นะ
สถานที่แรกที่ไป คือ วัดเสาร้อยต้น
คือเสาเยอะจริงๆ ต้นใหญ่มากๆ ขึ้นไปสักการะพระพุทธแล้ว เราก็มาชมพระพุทธรูปประทับบนดอกบัว พร้อมพระอรหันต์จำนวน 120 รูป
หลังจากนั้นก็ไปชมเจดีย์องค์ใหญ่ ที่จำลองมาจาก เจดีย์ชเวดากอง ไกด์เขาบอกมา
ตอนที่เราไปมีงานบุญอยู่พอดีเลย ชาวบ้านมาร่วมงานบุญกันมากมาย
สาวพม่าสวยจริงๆ แบบผิวพม่า นัยน์ตาแขก ได้มาเห็นได้มาสัมผัสแล้วจริงๆ
หลังจากนั้นรถก็พาเรามาที่ตลาด ซึ่งไม่มีอะไรขาย เพราะวันนี้ ชาวบ้านไปงานบุญกัน
แล้วก็พาไป duty free นอกเหนือจากจินตนาการอีกแล้ว duty free ที่รถพาไปเหมือนร้านขายเหล้า ขายเบียร์ตามบ้านเราทั่วไป เลยซื้อเบียร์มาชิม 1 กระป๋อง ด้วยราคา 20 บาท ถูกไปอี๊กกกกกกกก
การไปสังขละบุรีครั้งนี้ ประสบการณ์ที่ได้ ต่างจากทุกครั้ง
แต่สิ่งที่เหมือนทุกครั้งก็คือ ความประทับใจ ไม่ว่าครั้งไหนๆ สังขละ ก็ทำให้เราประทับใจได้เสมอ
รักนะ......สังขละบุรี
[CR] สังขละบุรี.....ไปกี่ทีก็ไม่เบื่อ
สังขละบุรี ไปกี่ทีก็ไม่เบื่อ
วันที่ 7-8 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไป สังขละบุรี เลยเก็บภาพมาฝากกันค่ะ
ตั้งแต่เด็กจำได้ว่าไป สังขละบุรี หลายครั้ง
แต่สังขละบุรีของเราแต่ละครั้งก็น่าตื่นเต้นทุกครั้งเลย
ครั้งแรกที่ไปจำได้เลยว่า ตื่นเต้น กับ เจดีย์สามองค์ มากๆ จินตนาการไว้ใหญ่โต แต่พอไปถึงมองหาตั้งนานกว่าจะเจอกัน
ครั้งนี้ก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ตื่นเต้นตรงที่ป๊าชวนไปกางเต็นท์นอน
ป๊า : ไปสังขละกับป๊าป่าว ไปกางเต็นท์นอนกัน
เรา : ไปกางเต็นท์ที่ไหนอ่ะป๊า
ป๊า : ไม่รู้ ไปถึงก็หาได้
เรื่องเส้นทางนี่อย่าให้พูด.....ไม่รู้อะไรเลย 5555!!! มีหน้าที่นั่งมองวิวข้างทางอย่างเดียว
และแล้วก็ขอแวะหน่อย จุดชมวิวป้อมปี่
พอมาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี จาก น้องน้ำหวาน นกเงือก ที่บินโฉบกลุ่มเราไปอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
พี่ที่อุทยานบอกว่า น้องน้ำหวาน ไม่ชอบคนใส่หมวก (เรานี่รีบถอดหมวกเลย 5555)
ภายในอุทยานร่มรื่นดี มีที่พักด้วย สามารถกางเต็นท์ได้ แต่คืนนี้สำหรับพวกเราคงไม่ใช่ที่นี่
ออกเดินทางต่อสักพักก็ถึงแล้ว “สังขละบุรี”
เราแวะมาเยี่ยม สะพานมอญ เป็นอย่างแรก
สะพานเสร็จเกือบสมบูรณ์แล้วเตรียมเปิดใช้ วันที่ 18 ตุลา (ใครได้ไปเที่ยวงานเอาภาพมาอวดกันบ้างนะคะ)
จริงๆแล้ว เราตั้งใจมาดูสะพาน แพร ที่ลอยอยู่บนน้ำมากกว่า
เราชอบมันมากๆ รู้สึกว่าต้องมาดูมันซักครั้ง เพราะเดี๋ยวสะพานมอญเสร็จ สะพานแพรนี้ก็จะหายไป
มาสะพานมอญแล้ว ก็ต้องไม่พลาดที่จะไปดู โบสถ์กลางน้ำ
พอไปถึงก็มีเด็กๆมาขายดอกไม้ และอาสาเป็นไกด์ให้
น้องนพพร เล่าว่าโบสถ์นี้ คือ วัดวังก์วิเวการาม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2496 ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้สร้าง
และจมตอน พ.ศ. 2527 ซึ่งพอมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม ทำให้พื้นที่ช่วงนี้ต้องจมอยู่ใต้บาดาล
ตอนเดินเข้าโบสถ์น้องบอกว่า "ต้องแตะที่หน้าโบสถ์ ข้ามผ่านธรณีประตู และอธิษฐาน พรนั้นจะเป็นจริง"
หลังจากที่ร่องเรือเสร็จเราก็กลับมาหาที่พัก
ค่ำนี้จะนอนที่ไหน
พี่ ป้า น้า อาที่เดินทางมาด้วย จองที่พักที่รีสอร์ทเรียบร้อยแล้ว
เหลือแต่เรา 7 คน มีป๊า เรา พี่ชาย น้องชาย และเพื่อนป๊า กับเต็นท์ 4 หลัง
และแล้ว เราก็ได้ที่พักสำหรับคืนนี้ “จุดชมทิวทัศน์ เทศบาลวังกะ”
โชคดีที่เจอเจ้าหน้าที่พอดี เขาเลย อำนวยความสะดวกเปิดไฟและห้องน้ำให้พวกเราใช้
ห้องนอนของเราคืนนี้ เก๋มากๆ เห็นสะพานมอญชัดเจน เห็นพระจันทร์ดวงกลม
อากาศไม่เย็นเท่าไหร่ กำลังนอนสบาย
ตื่นเช้ามาก็มีเพื่อนบ้านแวะมาเยี่ยมแต่เช้า
เขามารอพระอาทิตย์ขึ้นกัน
วันนี้พวกเรามีภารกิจสำคัญ คือการไปใส่บาตรที่วัดศรีสุวรรณาราม
2 ปีที่แล้ว พวกเราเคยตั้งใจจะมาใส่บาตร แต่มาผิดวัน ครั้งนี้เลยต้องไม่พลาด ทำการบ้านมาอย่างดี
การตักบาตรเทโวของที่นี่ จะเวียนกันไปแต่ละปี ว่าจะไปจัดงานที่วัดไหน ซึ่งปีนี้ คือ วัดศรีสุวรรณาราม
มาถึงวัดบรรยากาศ คึกคัก ชาวบ้านแต่งกายสวยงาม จัดเต็มกันมากๆ มีการแสดงของเด็กน้อยและวงดนตรีพื้นบ้าน
พอได้เวลาเราก็เริ่มใส่บาตรกัน สังเกตเห็นว่าชาวบ้านจะนิยมใส่ ท๊อฟฟี่ ข้าวสาร เทียน และกาแฟ
หลังจากอิ่มบุญกันแล้ว ก็เดินทางต่อ ไป ด่านเจดีย์สามองค์
ครั้งนี้ได้นั่งรถเข้าไปที่ฝั่งพม่าด้วยบริการรถโดยสารและไกด์ ราคา 300 บาท
ซึ่งจริงๆแล้วขับรถเข้าไปเองก็ได้อยู่นะ
สถานที่แรกที่ไป คือ วัดเสาร้อยต้น
คือเสาเยอะจริงๆ ต้นใหญ่มากๆ ขึ้นไปสักการะพระพุทธแล้ว เราก็มาชมพระพุทธรูปประทับบนดอกบัว พร้อมพระอรหันต์จำนวน 120 รูป
หลังจากนั้นก็ไปชมเจดีย์องค์ใหญ่ ที่จำลองมาจาก เจดีย์ชเวดากอง ไกด์เขาบอกมา
ตอนที่เราไปมีงานบุญอยู่พอดีเลย ชาวบ้านมาร่วมงานบุญกันมากมาย
สาวพม่าสวยจริงๆ แบบผิวพม่า นัยน์ตาแขก ได้มาเห็นได้มาสัมผัสแล้วจริงๆ
หลังจากนั้นรถก็พาเรามาที่ตลาด ซึ่งไม่มีอะไรขาย เพราะวันนี้ ชาวบ้านไปงานบุญกัน
แล้วก็พาไป duty free นอกเหนือจากจินตนาการอีกแล้ว duty free ที่รถพาไปเหมือนร้านขายเหล้า ขายเบียร์ตามบ้านเราทั่วไป เลยซื้อเบียร์มาชิม 1 กระป๋อง ด้วยราคา 20 บาท ถูกไปอี๊กกกกกกกก
การไปสังขละบุรีครั้งนี้ ประสบการณ์ที่ได้ ต่างจากทุกครั้ง
แต่สิ่งที่เหมือนทุกครั้งก็คือ ความประทับใจ ไม่ว่าครั้งไหนๆ สังขละ ก็ทำให้เราประทับใจได้เสมอ
รักนะ......สังขละบุรี