ทริป 4 วัน 3 คืน กาญนะจ๊ะ [รถส่วนตัว] @สังขละ - อีต่อง - ย้อนเรื่องราวสงครามโลกครั้งที่2

สาวแว่นสวัสดีจ้า มาวันนี้เรามีประสบการณ์ของ พวกเราทั้งหมดที่ไปเที่ยวจังหวัดที่ไกลมากๆ จากกรุงเทพมหานคร
นั่นคือ "กาญจนบุรี" ไกลมากๆนั่งรถ 2 ชม.ก็ถึงแล้วอมยิ้ม06 เป็นจังหวัดที่ทุกคนต้องลองไปเที่ยวกันสักครั้ง เป็นจังหวัดที่ธรรมชาติสวยแถมเป็นเมืองที่โด่งดังจาก สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นมาสร้างทางรถไฟโดยเกณฑ์เชลยศึกมาและเเรงงานรับจ้าง เราและเพื่อนเลยตัดสินใจไปกันเผื่อไปเรียนรู้วัฒนธรรมที่เขามีหลังจากสงคราม ไปกับเดอะแก๊งของเราเอง ไปแบบใช้รถส่วนตัว ทั้งหมด 6 ชีวิต ผิดผลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ เอาล่ะ
ติดตามการท่องเที่ยว จังหวัดกาญนะจ๊ะ  ของพวกเรากันเลย Go Go เม่าออกรถ



วันแรกก็มาถึง
                 * ออกจาก กรุงเทพ 05.00 น. มุ่งหน้าสู่ สังขละบุรี [ระยะทาง 355 กม. ใช้เวลาเดินทาง 5 ชม. 6 นาที ]
ตอนเช้าๆ มีหมอกด้วยตื่นเต้นสุดๆ

เราขับรถ ถึงสังขละ ประมาณ 11 โมงไปถึงเราก็ไปเช็คอินเข้าที่พักก่อนเลย ขอบอกเลยที่พักเราไม่มีจองล่วงหน้าเรา walk in เข้าไปลุ้นอย่างเดียว เราเลือกที่พักใกล้กับสะพานมอญ เพื่อจะเดินไปตักบาตรในตอนเช้า
@ภูธาร รีสอท
ถึงป้าย มันจะไม่น่าเข้า แต่บอกเลยคนที่ดูแลนิสัยดีมาก

แนะนำที่นี่ ถ้าใครจะไปสะพานมอญมาพักที่นี่ บรรยากาศดีเงียบสงบ ได้ยินเสียงจิ้งหรีดเลย เดินจากที่พักไปสะพานมอญประมาณ 1.2 กิโลเมตร ราคากันเองด้วย ที่พักนี่สำหรับพักได้ถึง 6 คน

หนุ่มแว่นพอเราเช็คอิน เก็บของเรียบร้อยเราก็ได้เตรียมเดินทางต่อไป ไปด่านเจดีย์สามองค์

แต่หิวก่อน ร้านนี้เป็นร้านอยู่หน้าปากซอยที่พัก
คนเต็มร้านจ้า ดูราคาก็สงสัยว่า จัมโบ้จะใหญ่แค่ไหน

เทียบให้เห็นชัดเจน ว่าราคา 80 บาทกับ 40 บาท

อร่อยและอิ่ม โอเคถือว่าร้านนี่ผ่านแนะนำจ้า ไปลองกินดูเลยจ้า ไปเดินทางต่อเม่าออกรถ

ถึง ด่านเจดีย์สามองค์[จากอำเภอสังขละ ระยะทาง 14 กม. ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที ]
ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเดินชม
เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในอดีต ที่กองทัพพม่ายกทัพเข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อไปตีอยุธยา ในศึกสงครามพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ เมื่อปี พ.ศ. 2091

ด่านเจดีย์สามองค์ หรือที่รู้จักกันว่า "หินสามกอง" เป็นจุดบอกเขตผ่านทาง พรมแดนไทย - พม่า ในแนวเขาตะนาวศรี เป็นเพียงกองหินที่ชาวบ้านนำมาวางไว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินทางผ่านไปยังพม่า เจ้าเมืองสังขละบุรี นำชาวบ้านมาช่วยก่อให้เป็นเจดีย์แทน เจดีย์สามองค์จึงเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของจุดข้ามพรมแดน

ที่ตรงด่านเจดีย์เป็นพม่าผั่งเหนือ

ด่านนี้สามารถจ่ายค่าผ่านทางแล้วข้ามไปฝั่งพม่าได้ แต่ตอนนี้ไม่ให้รถยนต์ส่วนตัวเข้าไป

ถึง สะพานมอญ [จากด่านเจดีย์สามองค์ ระยะทาง 27.8กม. ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที ]
ที่สะพานมอญจะมีบริการ พาท่องเรือเที่ยววัดที่อยู่รอบๆบริเวณนั้น โดยขึ้นเรือไปทางน้ำ

วัดใต้น้ำ เมืองบาดาล สังขละบุรี ซึ่งเป็นวัดมอญ

เป็นโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานความเป็นมาของวัดหลวงพ่ออุตตมะ จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล สำหรับชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็น "เทพเจ้าแห่งชาวมอญ" หลวงพ่อก็ได้มีการย้ายวัดขึ้นไปอยู่บนภูเขาแล้วสร้างเป็น วัดวัดวังก์วิเวการาม

ถ้ามาในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำหลังเขื่อนลดลงมาก ตั้งแต่ประมาณตุลาคม - มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำ

วัดสมเด็จ (เก่า)

เป็นวัดไทย ที่อยู่ตรงกับเมืองบาดาล เป็นวัดที่ไม่จมน้ำแต่ว่า ถูกทิ้งล้างตอนย้ายเมืองสังขละ ในการสร้างเขือนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) อุโบสถ์ของวัดสมเด็จมีพระประธานสภาพค่อนข้างสมบูรณ์รอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่ปกคลุมดูมีมนต์ขลัง

โดยต้องเอามือ จับที่ประตูโบสถ์ก่อน ข้อพรได้ 2 ข้อ ข้อแรกขออนุญาติเข้า ข้อสองขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ทำให้กลายเป็นวัฒนธรรม

ด้านหลังโบสถ์มีความเชื่อของชาวจีนใน การตั้งหิน

3ชั้น เพื่ออายุที่ยืนยาว 5 ชั้นเพื่อสุขภาพแข็งเเรง 9 ชั้นเพื่อให้เจริญก้าวหน้า

*** มันเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล

วัดศรีสุวรรณเก่า ซึ่งตอนนี้สามารถมองเห็นได้แต่ ยอดโบสถ์

เห็นแต่ยอดธงเหลืองๆ คือโบสถ์

เมื่อก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นเมือง วังกะ ที่ตั้งเป็นเมืองเพราะมีแม่น้ำที่ไหลมาบรรจบกันถึงสามสายคือ แม่น้ำบีคี่ แม่น้ำซองกาเลีย
แม่น้ำรันตี เพื่อให้ติดต่อทำการค้าขาย ภายนอกได้  

จะเห็นได้ว่า วัดทั้ง 3 วัดที่เราไปเยี่ยมชมจะเป็นวัดที่เป็นตัวแทนของแต่ละชนชาติ ที่มีด้วยกัน 3 ชนชาติ มีมอญ(วัดใต้น้ำ) มีไทย(วัดสมเด็จ)
มีกะเหรี่ยง(วัดศรีสุววรณ) ซึ่งจะเป็นได้ว่าแต่ละวัดจะทำมุมกันเป็น 3  เหลี่ยมครอบจุดบรรจบของแม่น้ำทั้งสามสาย หรือที่เรียกว่า "สามประสบ" นั่นเอง

ถ้ามาในช่วงหน้าน้ำแบบเราแนะนำให้ ขึ้นเรือชมประมาณ 3 โมงเย็น ชมครบทุกวัด จะเสร็จประมาณ 5 โมงแล้วบอกให้ลุงคนขับมาจอดเรือส่งเราที่ฝั่งไทยแล้วเิดนสะพานมอญกลับไปฝั่นมอญ

มาเดินตลาดตอนเย็นมากินของแปลก

ทองโย๊ะ

มีนมข้นหวานให้จิ้ม

อันนี้จุ่มพม่า เป็นการเอาเครื่องในหมูมาต้ม ใส่พวกข่า ตะไคร่เยอะมากกินแรงใช้ได้อยู่

มีน้ำจิ้มให้เลือก 2 แบบ มีน้ำจิ้มเผ็ดกับแบบไม่เผ็ด ไม้ละ 1 บาท
กินอิ่มแล้วกลับเข้าที่พักนอน พรุ่งนี้จะมาสายบุญเม่าฝึกจิต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่