นี่ไม่ใช่สงครามกลางเมือง ทว่ามันคือ สงครามปล้นสะดม นำโดยนาโต้ อิสราเอล ตุรกี และบรรดากษัตริย์เหนืออ่าว (อาหรับ)!!

กระทู้คำถาม
มุมมองต่อความเป็นไปในซีเรีย ของ ไมเคิล เฟอร์นันเดซ มาติเนซ นักข่าวชาวคิวบาจากสำนักข่าว Prensa Latina ของละตินอเมริกา ขณะนี้กำลังประจำการอยู่ที่ซีเรีย

Arnaldo Pérez Guerra, นิตยสาร Final Point (revista punto final):

ซีเรียกำลังจมอยู่ในกองเพลิง ที่ซึ่งวิกฤติการณ์ต่างๆ จะยังคงดำเนินอยู่ต่อไปนานตราบเท่าที่ยังมีประเทศมากมายคอยให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้ายอยู่.. ในความหมายที่ว่า ตะวันตกจำเป็นต้องโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย โดยมีเป้าประสงค์ เพื่อสร้างรัฐที่อ่อนแอขึ้นมาแทนที่รัฐบาลซีเรียปัจจุบัน รัฐเล็กๆ ซึ่งท้ายสุดแล้วจะกลายมาเป็นเครื่องมือ การันตีความปลอดภัยของอิสราเอลนั่นเอง…

“เราไม่ได้ ต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายภายในซีเรียเพียงเท่านั้น แต่เรากำลังต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายที่ปฏิบัติการอยู่จากทั่วทุกมุมโลก การก่อการร้ายที่ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบรรดาชาติที่ร่ำรวยและทรงอำนาจที่สุด”

ตุรกี ซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างแน่นเฟ้นกับตะวันตก มีหน้าที่จัดสรรหา อาวุธ เงิน และกองกำลังอาสา ให้แก่กลุ่มกบฏทั้งหลาย เช่น แนวร่วมกลุ่มอัล นุสรา (AL Nusra) และ ไอเอส (IS) “ตะวันตก มองเห็น สถานการณ์การก่อการร้าย ในฐานะ ผู้เล่นตัวสำรอง ที่มันจะดึงออกมาเล่นเป็นระยะๆ” ประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร อัล อาซัด กล่าวกับสถานีข่าว RT และเสริมว่า พันธมิตรระหว่าง ซีเรีย อิหร่าน อิรัก และ กองกำลังเคลื่อนไหวฮิซบุลลอฮ์ ซึ่งเขาเรียกว่า ‘สันนิบาตเพื่อการต้านทาน’ (the axis of resistance) “จะได้รับชัยชนะเหนือการก่อการร้าย – เครื่องมือรูปแบบใหม่ที่เคยใช้ เพื่อพิชิตภูมิภาคนี้มาแล้ว” … และ ท้ายที่สุด หลังจากที่ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว รัสเซียจึงเข้าร่วมสันนิบาต

สหรัฐฯ ได้ก่อเหตุระเบิดในซีเรียมาตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2014 โดยปราศจากความเห็นชอบจาก ดามัสกัส การกระทำดังกล่าวยังได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ (international law) อีกด้วย จนถึงเดี๋ยวนี้ การโจมตีของสหรัฐฯก็ยังไม่เคยส่งผลกระทบใดๆ แก่กลุ่มก่อการร้ายอย่างไอเอสเลย แต่กลับเป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้แก่พวกเขาเสียมากกว่า

และในทางตรงกันข้าม มันกลับกลายว่ากองกำลังทหารที่ถูกส่งมาเพื่อช่วยเหลือซีเรียของประธานาธิบดีรัสเซีย วาดิเมียร์ ปูติน ต่างหาก ที่คอยสร้างความปั่นป่วนให้แก่กลุ่มผู้ก่อการร้าย อย่างในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพร่วมทหารอากาศของรัสเซีย และซีเรีย ร่วมกันโจมตีไอเอส จนท้ายที่สุด กองบัญชาการหลายจุดของกลุ่มผู้ก่อการร้าย ใน Palmyra, Aleppo และ Homs ก็ถูกทำลายลงสำเร็จ

ไมเคิล เฟอร์นันเดซ มาติเนซ นักข่าวชาวคิวบาจากสำนักข่าว Prensa Latina ของละตินอเมริกา ขณะนี้กำลังประจำการอยู่ที่ซีเรีย ในฐานะผู้สื่อข่าว เล่าว่า:

“ก่อนที่ผมจะอยู่ในอเมริกากลาง เพื่อทำข่าวการเลือกตั้งในเอลซัลวาดอร์ ผมได้เดินทางไปเยือน สหรัฐฯ, เปอร์โตริโก, และส่วนอื่นๆ ในละตินอเมริกา” – เขาบอกกับนิตยสาร Punto Final  ทว่าอันที่เกี่ยวข้องกับการปรากฏตนของคณะที่ปรึกษาหรือเหล่ากุนซือแห่งกองกำลังทหารรัสเซียในซีเรียนั้น เขากล่าวว่า สิ่งที่รัสเซียกำลังกระทำ นับว่าเป็นการสร้างความปั่นป่วนระหว่างเหล่านักยุทธศาสตร์จากฝั่งตะวันตกทั้งหลาย ผู้ซึ่งกำลังวางพนัน  รอวันล่มสลายของอาหรับชาตินี้ : “สื่อตะวันตก ไม่ได้เตรียมหัวข้อข่าวสำรองเพื่อสับเปลี่ยนการป่าวประกาศ จาก  ‘รุกรานดินแดนติดอาวุธ’  เป็น ‘ผนวกดินแดน’  ในเจตนาเพื่อโหมกระพือไฟแห่งความขัดแย้ง และสร้างความตึงเครียด”

เขากล่าวว่า การบุกรุกทางอากาศของอิสราเอลในชายแดนซีเรีย เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น แทบจะไม่ได้รับการกล่าวถึงจากทางสื่อตะวันตกเลย “มีจรวด โดรน โจมตี หมู่บ้าน al-Koum ซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัด Quneitra ประมาณ 67 กม. ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของดามัสกัส นอกจากนั้น ยังมีการโจมตีอื่นอีก คือ หนึ่งวันก่อนหน้านั้น  มีเฮลิคอปเตอร์สัญชาติอิสราเอล ลำหนึ่งถูกส่งมาด้วยกับภารกิจ ให้ทิ้งจรวดโจมตีอาคารบ้านเรือนใน  Quneitra เกิดความเสียหายรุนแรง”

เพนตากอน และ นาโต้ มองเห็นการปรากฏตนของรัสเซียในซีเรีย ในฐานะความล้มเหลวของตน ในความพยายามเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดี บาชาร อัล อาซัด ตลอดหลายปีทีผ่านมา    การรุกรานที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากตะวันตก

ตามที่ UNICEF บันทึกไว้ มีเด็กชาวซีเรียกว่า 5.6 ล้านคน ได้รับผลกระทบต้องประสบกับความทุกข์ทรมานจากปัญหาความยากจน สถานการณ์อันเลวร้ายได้บีบบังคับพวกเขาให้หนีออกจากเขตสงครามอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนนี้ ผู้ลี้ภัย แล้วกว่า 2 ล้านคน อาศัยอยู่ในลอนดอน จอร์แดน อิรัก อียิปต์ ตุรกี และ ประเทศอื่นๆ ในอเมริกาเหนือ ขณะที่เด็กอีกว่า 3.6 ล้านที่เหลือตกค้างอยู่ในชุมชมที่ไร้ความปลอดภัย มีเด็กกว่า 2 หมื่นรายแล้วที่ได้สังเวยชีวิตให้กับสงครามที่ได้ถูกตระเตรียมแผนการเอาไว้นี้

“ภาพของเด็กน้อยชาวซีเรีย Aylan Kurdi นอนคว่ำหน้าไร้ชีวิตอยู่ที่ริมชายหาดตุรกี ส่งเสียงดังเหมือนแส้ฟาดลงกลางจิตสำนึกชอบชั่วดี ของชาติยุโรปหน้าไว้หลังหลอก ที่ละเลยหน้าที่ในการให้ความคุ้มครองแก่เหยื่อของตน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ชาติมหาอำนาจ ทั้งยุโรป และสหรัฐฯ ร่วมกับอิสราเอล และพันธมิตร ได้ให้การส่งเสริมให้เกิดสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สงครามที่ซึ่งได้พรากชีวิตของเด็กน้อยผู้นี้ไป เด็กน้อย Aylan คือ ภาพสะท้อนถึงเด็กชาวซีเรียคนอื่นๆที่ ณ ชั่วโมงนี้ กำลังกระยิ้มกระสนเพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่ต่อไปในกรุงดามัสกัส และฉายให้ชาวโลกมองเห็นถึงสิ่งที่เป็นไปในซีเรีย การก่อการร้ายด้วยจรวด อาวุธสงคราม ระเบิดที่ถูกทิ้งลงบนบ้านเมือง ความทุกข์ทรมานของเด็กๆ จากอากาศที่เป็นพิษ ด้วยเพราะถูกรมด้วยแก๊สพิษ เฉกเช่น ในเมือง Foa และ Kafraya หรือ ช่วงเวลาที่หนักหน่วงยิ่งกว่านั้น เมื่อพวกเขาต้องถูกตัดหัวทิ้งลงอย่างโหดเหี้ยม อย่างที่เกิดขึ้นในเมือง Raqaa หรือ ที่ซึ่งความทุกข์ระทมของพวกเขายังต้องถูกกระหน่ำซ้ำ ด้วยความกระหายหิว เพราะไอความร้อนจากทะเลทราย ครั้งพยายามหลบหนีออกจากวิถีกระสุนปืนใหญ่…”   เฟอร์นันเดซ กล่าว                                                                                                                                                            การบล็อก หรือ แบนของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อช่องทางสื่อสาร ทั้งทางสื่ออินเตอร์เน็ต และการกระจายเสียงของชาวคิวบา ได้อย่างไร? มันไม่เหมือนกันเกินไปหรือกับสิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรีย?

“การบล็อกและแบน ถือเป็นสิ่งอันตราย เพราะผู้เคราะห์ร้ายมีความจำเป็นต่างๆมากมาย คิวบารู้รสชาติอันเจ็บปวดนี้เป็นอย่างดี หลังจากได้เคยต้องเผชิญกับ การกีดกั้นทางกายภาพ ตามที่ สหรัฐฯได้ออกคำสั่งบังคับมามากกว่า 50 ปี ซึ่งยังคงส่งผลกระทบจวบจนทุกวันนี้ มีการสูญเสียมากมายกว่า 833,755 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนี้ เมื่อคำนึงถึง ซีเรีย… อำนาจตะวันตก นำโดย สหรัฐฯ ฝรั่งเศษ อังกฤษ เช่นเดิม ไม่ได้แสดงความปราณีใดๆ พวกเขาจำกัดสินค้าส่งออก บล็อกสัญญาข้อตกลงทั้งหมด แช่แข็งบัญชีธนาคาร พวกเขาเข้าแทรกแซงสัญญาณดาวเทียม เพื่อไม่ให้มีความจริงหลุดรอดออกไป และท้ายสุด สร้างเคมเปญสื่อ ในเจตนา เพื่อทำลายความมั่นคง แบ่งแยก และทำลายเอกภาพ ของชาวซีเรีย และเพื่อกัดเซาะฐานการต่อต้านของประชาชนต่อผู้ก่อการร้ายป่าเถื่อน ที่ได้รับการสนับสนุนจากทางตะวันตก”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่