สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบว่า “พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ” คือใครนั้นก็ต้องบอกกันเสียแต่ตรงนี้ว่านั่นเป็นฉายาของพุทธอิสระหรือนายสุวิทย์ที่เขาตั้งให้เขาเองจากพฤติกรรมด้านการเมืองที่ผ่านมา เหมือนคำว่า “หลวงปู่” ที่เขาอุปโลกน์ขึ้นมาเองโดยอ้างเอาหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณว่าท่าน(หลวงปู่แหวน)ระลึกได้ว่านายสุวิทย์นายนี้เคยเป็นพระอริยะชื่อหลวงปู่โลกเทพอุดรในปางก่อน
เมื่อวันที่๗ ที่ผ่านมา นายสุวิทย์ขึ้นต้นบนเฟสให้บรรดาสาวกได้กรี๊ดว่า วันนี้ฉันมี
ความกล้าเพียงพอที่จะเข้าเฝ้ากราบพระศพเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช แห่งวัดบวร....
นี่แน่ะสุวิทย์เอ่ย...เธอเป็นคนขี้ขลาดขนาดนั้นเชียวหรือ? ที่แม้แต่การไปกราบพระศพของสมเด็จพระสังฆราชถือว่าเป็นความกล้า??
จากนั้นนายสุวิทย์ก็ใช้นิสัยเดิมๆ คืออ้างและตีซี้พระผู้ใหญ่ที่ละสังขารไปแล้วอย่างหลวงปู่แหวนและตอนนี้ก็ว่าสมเด็จพระสังฆราชว่า พระองค์ทรงโปรดนายสุวิทย์เป็นพิเศษ ขนาดอาพาธอยู่ พอรู้ว่านายสุวิทย์ไปเยี่ยมก็ถึงกับถอดสายน้ำเกลือลุกมาสนทนาด้วย สไตส์เดียวกันเป๊ะกับที่อ้างว่า ตอนบวชใหม่ๆ เดินธุดงค์ขึ้นภาคเหนือ...ไปเจอหลวงปู่แหวน แล้วหลวงปู่แหวนก็จัดการปูอาสนะมาต้อนรับและเคารพนายสุวิทย์.....ใครเลยจะเชื่อว่านิยายน้ำเน่าๆ ของนายสุวิทย์ยังขายได้ดีในหมู่พี่น้องคนไทยบางกลุ่ม
นายสุวิทย์พร่ำพรรณาถึงความเก่าความหลังว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชเคยสั่งเสียไว้อย่างนั้นอย่างนี้ และพญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะตัวนี้จะพยายามเอาคนชั่วให้พ้นจากพุทธศาสนาให้ได้ คือหมายถึงนายไพบูลย์แห่งวัดธรรมกาย ที่สมเด็จสังฆราชเคยมีลิขิตว่าต้องอาบัติ และนายสุวิทย์จะขอดำเนินการตามพระลิขิตเพื่อไล่บี้นายไพบูลย์แห่งธรรมกายจนถึงที่สุด พร้อมกับวาง “เดิมพัน” ว่า
ถ้านายไพบูลย์(ธัมมชโย)ไม่ถูกปรับว่าอาบัติปาราชิก สมเด็จพระสังฆราชก็ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.(ซึ่งเป็นอาบัติหนักระดับน้องๆ ของอาบัติปาราชิก)....เห็นไหมครับ? ว่านายสุวิทย์
พญาราชสีห์ตัวนี้มันกะล่อนขนาดไหน? ยกเอาสมเด็จพระสังฆราชที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วมาวางเป็นเดิมพันในการไล่บี้ศรัตรูของตัวเองเฉยเลย?? ส่วนที่เขาอ้างว่าจะสึกถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เขาหวังนั้น ตรงนั้นใครเชื่อก็โง่ครับ...เขารู้ตัวเขาดีว่าเขาไม่ใช่พระแล้วล่ะ จะสึกหรือห่มเหลืองต่อไม่ใช่เรืองแปลกสำหรับเขา
ศึกระหว่างนายสุวิทย์แห่งอ้อน้อยกับนายไพบูลย์แห่งธรรมกายนี้ กลายเป็นศึกนอกเหนือพระธรรมวินัยไปแล้ว เมื่อต่างฝ่ายต่างก็ล่วงอาบัติปาราชิกเสียแล้ว ย่อมขาดจากความเป็นภิกษุ....ดังนั้น สมเด็จพระสังฆราชที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วที่นายสุวิทย์พยายามจะดึงเข้ามาคลุกฝุ่นด้วยนั้นพระองค์ไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
และนับเป็นความสามานย์ของนายสุวิทย์โดยแท้จริงที่พยายามจะดึงพระองค์มาเป็นการเดิมพันครั้งนี้
สุวิทย์....เธอจะอะไรกันนักกันหนากับความผิดของคนอื่นซึ่งมันเป็นเรื่องในทางธรรมวินัย และถ้าตัวเธอเองไม่มีมลทินก็ว่าไปอีกอย่าง..จริงๆ นะ...ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกยาวนานเท่าไหร่ แต่ถ้าเธอคิดจะใช้ชีวิตส่วนที่เหลือในโลกีย์โลกอย่างนี้ ไปหาซื้อกางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ตและหมวกแก๊ปมาใส่จะดีกว่า เธอน่ะต้องปาราชิกเหมือนๆ กับคนที่เธอกำลังไล่บี้ ห้ามสวรรค์ห้ามนิพพานแล้ว เธอกำลังจะขุดอเวจีให้ลึกกว่าที่เป็นอยู่หรืออย่างไร?
.....ความกล้าของ “พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ”...พุทธอิสระตัวหนึ่ง....
เมื่อวันที่๗ ที่ผ่านมา นายสุวิทย์ขึ้นต้นบนเฟสให้บรรดาสาวกได้กรี๊ดว่า วันนี้ฉันมีความกล้าเพียงพอที่จะเข้าเฝ้ากราบพระศพเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช แห่งวัดบวร....นี่แน่ะสุวิทย์เอ่ย...เธอเป็นคนขี้ขลาดขนาดนั้นเชียวหรือ? ที่แม้แต่การไปกราบพระศพของสมเด็จพระสังฆราชถือว่าเป็นความกล้า??
จากนั้นนายสุวิทย์ก็ใช้นิสัยเดิมๆ คืออ้างและตีซี้พระผู้ใหญ่ที่ละสังขารไปแล้วอย่างหลวงปู่แหวนและตอนนี้ก็ว่าสมเด็จพระสังฆราชว่า พระองค์ทรงโปรดนายสุวิทย์เป็นพิเศษ ขนาดอาพาธอยู่ พอรู้ว่านายสุวิทย์ไปเยี่ยมก็ถึงกับถอดสายน้ำเกลือลุกมาสนทนาด้วย สไตส์เดียวกันเป๊ะกับที่อ้างว่า ตอนบวชใหม่ๆ เดินธุดงค์ขึ้นภาคเหนือ...ไปเจอหลวงปู่แหวน แล้วหลวงปู่แหวนก็จัดการปูอาสนะมาต้อนรับและเคารพนายสุวิทย์.....ใครเลยจะเชื่อว่านิยายน้ำเน่าๆ ของนายสุวิทย์ยังขายได้ดีในหมู่พี่น้องคนไทยบางกลุ่ม
นายสุวิทย์พร่ำพรรณาถึงความเก่าความหลังว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชเคยสั่งเสียไว้อย่างนั้นอย่างนี้ และพญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะตัวนี้จะพยายามเอาคนชั่วให้พ้นจากพุทธศาสนาให้ได้ คือหมายถึงนายไพบูลย์แห่งวัดธรรมกาย ที่สมเด็จสังฆราชเคยมีลิขิตว่าต้องอาบัติ และนายสุวิทย์จะขอดำเนินการตามพระลิขิตเพื่อไล่บี้นายไพบูลย์แห่งธรรมกายจนถึงที่สุด พร้อมกับวาง “เดิมพัน” ว่า ถ้านายไพบูลย์(ธัมมชโย)ไม่ถูกปรับว่าอาบัติปาราชิก สมเด็จพระสังฆราชก็ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.(ซึ่งเป็นอาบัติหนักระดับน้องๆ ของอาบัติปาราชิก)....เห็นไหมครับ? ว่านายสุวิทย์ พญาราชสีห์ตัวนี้มันกะล่อนขนาดไหน? ยกเอาสมเด็จพระสังฆราชที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วมาวางเป็นเดิมพันในการไล่บี้ศรัตรูของตัวเองเฉยเลย?? ส่วนที่เขาอ้างว่าจะสึกถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่เขาหวังนั้น ตรงนั้นใครเชื่อก็โง่ครับ...เขารู้ตัวเขาดีว่าเขาไม่ใช่พระแล้วล่ะ จะสึกหรือห่มเหลืองต่อไม่ใช่เรืองแปลกสำหรับเขา
ศึกระหว่างนายสุวิทย์แห่งอ้อน้อยกับนายไพบูลย์แห่งธรรมกายนี้ กลายเป็นศึกนอกเหนือพระธรรมวินัยไปแล้ว เมื่อต่างฝ่ายต่างก็ล่วงอาบัติปาราชิกเสียแล้ว ย่อมขาดจากความเป็นภิกษุ....ดังนั้น สมเด็จพระสังฆราชที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วที่นายสุวิทย์พยายามจะดึงเข้ามาคลุกฝุ่นด้วยนั้นพระองค์ไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด และนับเป็นความสามานย์ของนายสุวิทย์โดยแท้จริงที่พยายามจะดึงพระองค์มาเป็นการเดิมพันครั้งนี้
สุวิทย์....เธอจะอะไรกันนักกันหนากับความผิดของคนอื่นซึ่งมันเป็นเรื่องในทางธรรมวินัย และถ้าตัวเธอเองไม่มีมลทินก็ว่าไปอีกอย่าง..จริงๆ นะ...ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกยาวนานเท่าไหร่ แต่ถ้าเธอคิดจะใช้ชีวิตส่วนที่เหลือในโลกีย์โลกอย่างนี้ ไปหาซื้อกางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ตและหมวกแก๊ปมาใส่จะดีกว่า เธอน่ะต้องปาราชิกเหมือนๆ กับคนที่เธอกำลังไล่บี้ ห้ามสวรรค์ห้ามนิพพานแล้ว เธอกำลังจะขุดอเวจีให้ลึกกว่าที่เป็นอยู่หรืออย่างไร?