เฮ๊ยแกร.. สิ้นปีไปเขาสก สิมิลัน ภูเก็ตกันป่าว ตอนนี้แอร์เอเชียจัดโปร Big sale อยู่ด้วย เพื่อนๆ ตอบแบบไม่คิดอะไรเลยว่า...ไป !! แค่ชื่อก็ชวนให้ตกหลุมพรางแล้วใช่มั้ยหล่ะ 555
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของ Account ตัวเองที่จะรีวิวการท่องเที่ยวในเมืองไทย ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยชอบวิชาบรรยายเท่าไหร่ ถ้าขาดตกบกพร่องตรงไหน ต้องขอโทษเพื่อนๆ ด้วยเน้อ หรือถ้าใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการเที่ยวหลังไมค์ได้เลยนะจ๊ะ
วันนี้เราจะพาลงใต้ไปสัมผัสบรรยากาศภูเขา สายน้ำ ท้องทะเล อาหารการกิน ชมเมือง เรียกได้ว่าครบรสกันเลยทีเดียว ทริปนี้เราวางแผนร่วมปี ศึกษาหาข้อมูลอ่านรีวิวของหลายๆ คน และวางแผนเส้นทางเอาเองว่าเป็นไปได้มั้ยที่เราจะไปทั้ง 3 ที่ในระยะเวลาที่จำกัดคือ 5 วัน 4 คืน จึงได้เส้นทางดังนี้คือ บินตรงสุราษฎร์ธานีเที่ยวเขาสก นั่งรถตู้สู่เขาหลัก พังงาเพื่อสัมผัสสิมิลัน และสิ้นสุดทริปที่เมืองภูเก็ตกับการลิ้มชิมรสอาหารทะเลสุดอลังการ เราได้แบ่งกระทู้เป็น 3 ตอนด้วยกันจ้ะ..
เราจองตั๋วกันตั้งแต่หัวปีคือจองขาไปลงสุราษฎร์ ขากลับเราจะบินจากภูเก็ตกลับกทม.เลย สิริราคาไปกลับรวมแล้วอยู่ที่ 1300 บาทต่อคน จากนั้นเราก็รับเป็นแม่งานจองที่พัก รถตู้ ทัวร์
1. ที่เขาสก เราศึกษาหาข้อมูลจากรีวิวของคนที่เค้าไปกันว่าที่ไหนโอเค ละก็ต้องใช้วิจารณญาณในการดูรีวิวของคนที่รีวิวด้านลบๆ ของแพต่างๆ ด้วย เราจึงตัดสินใจเลือก แพคีรีวาริน โทรจองด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านบริษัทใดๆ เข้าพัก 6 คน ราคาต่อ 1 คืน 2500.-/คน รวมแล้วก็
15000 บาท เรามัดจำครึ่งราคาคือ 7500.- ผ่านการโอนเงินและทางแพคีรีวารินก็ส่งเอกสารการจองมาให้ทางอีเมลค่ะ ที่พักมีห้องน้ำในตัว (เพื่อนเป็นผู้หญิงเยอะเลยต้องการความสะดวกนิดๆ) ไฟฟ้าเปิดให้ตอน 5 โมงเย็นถึง 9 โมงเช้า มีอาหารให้ 3 มื้อคือ มื้อเที่ยงที่ไปถึงที่พัก มื้อเย็น และมื้อเช้าของวันกลับ
2.ที่พัก เขาหลักพังงา เราจองของ BMP resort ในราคาแสนถูกคือ 800 บาทต่อคืน ห้องนอนได้ 2 คน จองทั้งหมด 3 ห้องค่ะ รวมราคา
2400.-
3.ที่พัก ภูเก็ต คือ Chinotel ราคา 790 บาทต่อคืน ห้อง 2 คน จอง 3 ห้อง เรานอนที่ภูเก็ต 2 คืน โดยโอนเงินจ่ายล่วงหน้าทั้งหมดเป็นเงิน
4740.-
4.รถตู้ เราติดต่อไว้ล่วงหน้า 6 เดือนได้ โทรไปที่บ.พันทิปทัวร์ มีจนท.บอกว่าจะโทรกลับ ชื่อพี่เปิ้ล 083-6339989 ตกลงกันไว้ว่าจากสนบ.สุราษฯไปท่าเรือเขื่อน 1500-. และให้เจ้าเดิมมารับจากท่าเรือเขื่อนไปส่งที่เขาหลัก พังงาด้วย พี่เค้าให้ 2500-. รวมเป็น
4000-. (โอนมัดจำไป 2000-.)(นางมีตุกติกเงินกับเราไว้จะเล่าให้ฟังตอนถึงพังงานะคะ)
5. ทัวร์สิมิลัน เราจองตอนที่มีงานเที่ยวไทยเดือนกันยายนของ Wow andaman เป็น 1 day Trip ได้ในราคา 1,999.- จ่ายเงินสดลดอีก 5 % เป็น 1900.- 6 คนก็เปน
11400.-
ตอนที่ 1 เขาสก ...เมืองสวรรค์บนผืนน้ำ
ตื่นตั้งแต่ตี 4 ด้วยความตื่นเต้นทำให้ตาตื่นมาก แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสวยงามเพราะวันนี้เราวางแผนว่าเท้าเหยียบสนามบินปุ๊บต้องได้ถ่ายรูปปั๊บ 55 ตามประสาผู้หญิงอะเน๊อะ ไฟลท์ 7 โมงตรง แต่วันนั้นเครื่องดีเลไปเป็น 8 โมง ไม่เป็นไรโน๊ะ วันดีดีก็อย่าอารมณ์เสียกันเลย ว่าแต่ใจอยู่ที่ปลายทางละตอนนี้
ถึงที่สุราษฎร์ธานีก็ 9 โมงกว่าๆ โทร.ตามพี่รถตู้ให้มารับด่วนๆ เดี๋ยวเราจะลงเรือไปที่แพช้า พี่เปิ้ลเค้าบอกว่าเดี๋ยวพี่ให้น้องชายเอาฟอร์จูนเนอร์ไปรับทะเบียน บลาบลาบลา.. เราก็โอเคค่ะ จัดไปพี่ นั่งสบายๆ เหมือนกันนั่นแหละ แวะซื้อเสบียงทั้งที่เป็นขนมและเครื่องดื่มไปให้พร้อมใครกินอะไรก็เอาไป เพราะเราก็คิดว่าที่แพอาจจะแพงกว่า เราได้สอบถามแพคีรีวารินเรียบร้อยแล้วว่านำเสบียงขึ้นไปทานได้ค่ะ ระหว่างทางก็ตื่นตาตื่นใจกับภูเขาสีเขียวขจีเพราะแถวบ้านนะมีแต่เขาหัวโล้น 555 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็ถึงสันเขื่อนรัชชประภาแต่ว่าเราไม่ได้แวะถ่ายรูปเพราะร้อนมากมาย จึงให้พี่เค้าไปส่งที่ท่าเรือเลยละกัน ทางแพคีรีวารินบอกให้เรารอที่ศาลาหกเหลี่ยม มีนักท่องเที่ยวหลายคนก็รอที่นั่นเหมือนกันแต่ว่าเป็นของแพอื่น ทางแพนัดเราประมาณ 11 โมง เราก็รอ ร๊อ รอ จน Finally !! 11.45 เรือมาถึงแล้ววว เฮ่!! เก็บกระเป๋าอย่างเร่งรีบ ลงเรือๆๆ ตื่นเต้นๆๆ ลงคนแรกได้เปรียบค่ะ จับจองที่นั่งด้านหน้าจะได้ถ่ายรูปแบบสบายจายย ไม่ต้องพะวงว่าจะมีคนอื่นเข้ามาในเฟรม เรือกำลังจะออกแล้วมองหาว่าจะมีคนมานั่งเรือลำเดียวกันมั้ยน้าา ...และแล้ว..ก็มีนักท่องเที่ยวนั่งไปกับเรา 2 คน เป็นสามีภรรยาวัยกลางคน น่ารักมากกกก สามีแบกกล้องถ่ายรูปไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น อดยิ้มไปกับเค้าไม่ได้ พร่ามมาเยอะแล้วว เรามาดูวิวของผืนน้ำ และเขากันดีกว่า .
คือทุกคนโดนบรรยากาศรอบๆ ข้างสะกดจิตไปพักนึง เพื่อนทั้ง 6 คนหันหน้ามามองกันพูดพร้อมกันว่า สวยมากกก มันดีมากเลยแกรรร แสงแดดที่สาดมาอย่างแรงทำอะไรลมเย็นๆ ที่พัดตีหน้าตอนนั่งเรือไม่ได้เลย
พี่ที่ขับเรือจะจอดเป็นพักๆ ให้เราได้ถ่ายรูปเขาหินปูน และบรรยากาศรอบๆ อย่างเต็มที่ พาแวะเขาสามเกลอในตำนานที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูป เราคิดว่าตอนกลับคงไม่ได้แวะชัวร์ๆ เลยถ่ายไว้เลยตอนนี้ มีเรือหลายลำที่ผ่านมาแวะถ่ายรูปที่นี่ด้วย เรียกได้ว่าต้องมาร์คไว้เลยว่าต้องถ่ายนะ
น้ำใสเขียวเป็นสีมรกต ตัดกับเขาหินปูนสวยมากๆ เลย ได้เวลาเดินทางกันต่อแล้วจ้า พี่คนขับพาเราลอดช่องเล็กๆ ออกไป หืม ขับเก่งมาก
และแล้วเราก็ถึงแพคีรีวาริน อันเป็นที่หลับที่นอนที่เราจะฝากชีวิตในคืนนี้
เราใช้เวลาเดินทางจากฝั่งถึงแพรวมแวะถ่ายรูปแล้วประมาณชั่วโมงครึ่ง พี่เค้าถามว่าจะกินข้าวก่อนหรือเข้าห้องก่อนคะ ตอบแบบไม่คิดอีกแล้ว ณ เวลานั้น 13.30 น. กินข้าวสิค้าบบบ หิวแบบกินวัวได้ทั้งตัว พอนั่งโต๊ะปุ๊บ อาหารลงโต๊ะปั๊บ รวดเร็วทันใจ ไม่รอช้าค่ะ ลงมือทานกันเลย คนมาเสิร์ฟอาหารบอกเราว่า เติมได้ไม่อั้นนะคะ เรายิ้มแก้มปริเลย คือตอนนั้นหิวไง คำว่าไม่อั้นนี่มีความหมายมาก 555 มาดูอาหารการกินกันดีกว่าว่ามีเมนูไรบ้าง ตามรูปเลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นเมนูสุขภาพมากๆ รสชาติอร่อยมากนะคะ แบบพอดีๆ ไม่เค็มไม่หวานกินได้เรื่อยๆ เลย
พอกินอิ่มเราก็จัดการเคลียค่าห้องพักยอดที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 7500.- จากนั้นก็รับกุญแจ ขนสัมภาระเข้าห้อง เตรียมตัวผ่อนคลายสมองที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน เสพพพธรรมชาติ ดื่มด่ำให้มันเต็มที่ อ้อ! ลืมบอกไปว่าที่แพไม่มีคลื่นโทรศัพท์นะ เราใช้ ดีแทค เครือข่ายอื่นไม่มั่นใจว่ามีรึป่าว ก่อนหน้านี้สภาพอากาศที่สุราษฎร์เรียกได้ว่าเลวร้าย ฝนตก น้ำท่วม เพื่อนๆ เราก็กลัวว่ามาแล้วจะแบบแป้ก เราเลยบอกไปว่า มากับเราแล้วโชคดี 5555 ก็เป็นไปตามที่เราภาวนาค่ะ แดดเปรี้ยงปร้างตั้งแต่ลงเครื่องยันถึงแพ กิจกรรมที่แพก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เล่นน้ำ จิบเบียร์ นอนฟังเพลง ชิลไปๆ ที่แพมีบริการเรือคายักและก็ชูชีพให้นักเที่ยวด้วย ไม่รอช้า ทุกคนเปลี่ยนชุดเตรียมตัวเล่นน้ำในสระว่ายน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลหน้าห้องเรา
ปลาตะเพียนหางแดงเต็มไปหมด ไซส์ใหญ่ๆ ทั้งนั้น ที่แพมีอาหารปลาขายให้นักท่องเที่ยวด้วยค่ะ เป็นเมล็ดข้าวโพดแห้งถุงละ 10 บาท เพื่อนๆไม่ต้องกลัวว่าเล่นน้ำแล้วจะกลัวปลามากัดนะ เพราะถ้าไม่มีอาหารมันก็ไม่มาหาเลย 555
ถึงเวลากระโดดน้ำแล้วววว.. ไปสนุกกันดีกว่า
เล่นน้ำจนถึงเย็น เราก็พายคายักดูพระอาทิตย์ตกดินกลางน้ำ อันที่จริงมันไม่ตกดินนะ มันซ่อนหลังเขาสวยงามไปอีกแบบ หายใจเข้าเต็มๆ ปอดเอากลิ่นธรรมชาติเข้าไป อะไรมันจะมีความสุขขนาดนั้น 555
ภาพจากหลังห้องที่เรานอนเอง
เย็นได้ที่แล้วเล่นน้ำจนเปื่อย จนเหนื่อย เราก็อาบน้ำเตรียมตัวที่จะไปกินอาหารค่ำ แบตกล้อง แบตมือถือก็หมด รอเวลาที่ทางแพจะเปิดไฟให้ ไฟมาแล้ววว...หลอดไฟ พัดผม เปิดติดนะ แต่ว่าปลั๊กเนี่ยชาจไม่เข้า ไฟไม่ติด เลยเรียกพนักงานเค้ามาดูให้ เป็นเพราะอะไร ??? ถามบ้านข้างๆ ก็บอกว่าไม่ติดเหมือนกัน สรุปคือทางแพตัดไฟที่เป็นปลั๊กทั้งหมด ให้ไปชาจที่เดียวคือหน้าเคาน์เตอร์ที่กินข้าว อ้าววว ตอนแรกตกใจเพราะไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า มารู้ก็ตอนที่จะเสียบปลั๊กชาจแบตนี่แหละ แต่ไม่เป็นไรโน๊ะมาไกลขนาดนี้ก็ต้องทำตามอย่างเค้าบอกนั่นแหละ ประหยัดไฟช่วยชาติดิ!
หิวแล้วค่าา เพื่อนบางคนไม่ได้อาบน้ำเลย ขอกินข้าวก่อน เพราะอาหารที่นี่เสิร์ฟตรงเวลาคือ 1 ทุ่มค่ะ เมนูก็มีดังต่อไปนี้
ปลาได้แค่ตัวเดียวนะคะ นอกนั้นเนี่ยเติมได้ไม่อั้น เล่นน้ำมาเหนื่อยๆ ก็กินซะคุ้มเลย หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน ได้เวลาเข้านอนแล้วค่ะ ไม่ได้มีปาร์ตี้ก่อนนอนแต่อย่างใด เพราะแสนเหนื่อยจากการเล่นน้ำ พรุ่งนี้มีนัดส่องสัตว์กัน 6 โมงเช้าอีกด้วย อดใจรอดูสัตว์ไม่ไหวแล้วว..
[CR] BJ Journey : 5 วัน 4 คืนกับสวรรค์ในภาคใต้ของไทย เขาสก-สิมิลัน-ภูเก็ต ตอนที่ 1 เขาสก ...เมืองสวรรค์บนผืนน้ำ
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของ Account ตัวเองที่จะรีวิวการท่องเที่ยวในเมืองไทย ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยชอบวิชาบรรยายเท่าไหร่ ถ้าขาดตกบกพร่องตรงไหน ต้องขอโทษเพื่อนๆ ด้วยเน้อ หรือถ้าใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการเที่ยวหลังไมค์ได้เลยนะจ๊ะ
วันนี้เราจะพาลงใต้ไปสัมผัสบรรยากาศภูเขา สายน้ำ ท้องทะเล อาหารการกิน ชมเมือง เรียกได้ว่าครบรสกันเลยทีเดียว ทริปนี้เราวางแผนร่วมปี ศึกษาหาข้อมูลอ่านรีวิวของหลายๆ คน และวางแผนเส้นทางเอาเองว่าเป็นไปได้มั้ยที่เราจะไปทั้ง 3 ที่ในระยะเวลาที่จำกัดคือ 5 วัน 4 คืน จึงได้เส้นทางดังนี้คือ บินตรงสุราษฎร์ธานีเที่ยวเขาสก นั่งรถตู้สู่เขาหลัก พังงาเพื่อสัมผัสสิมิลัน และสิ้นสุดทริปที่เมืองภูเก็ตกับการลิ้มชิมรสอาหารทะเลสุดอลังการ เราได้แบ่งกระทู้เป็น 3 ตอนด้วยกันจ้ะ..
เราจองตั๋วกันตั้งแต่หัวปีคือจองขาไปลงสุราษฎร์ ขากลับเราจะบินจากภูเก็ตกลับกทม.เลย สิริราคาไปกลับรวมแล้วอยู่ที่ 1300 บาทต่อคน จากนั้นเราก็รับเป็นแม่งานจองที่พัก รถตู้ ทัวร์
1. ที่เขาสก เราศึกษาหาข้อมูลจากรีวิวของคนที่เค้าไปกันว่าที่ไหนโอเค ละก็ต้องใช้วิจารณญาณในการดูรีวิวของคนที่รีวิวด้านลบๆ ของแพต่างๆ ด้วย เราจึงตัดสินใจเลือก แพคีรีวาริน โทรจองด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านบริษัทใดๆ เข้าพัก 6 คน ราคาต่อ 1 คืน 2500.-/คน รวมแล้วก็ 15000 บาท เรามัดจำครึ่งราคาคือ 7500.- ผ่านการโอนเงินและทางแพคีรีวารินก็ส่งเอกสารการจองมาให้ทางอีเมลค่ะ ที่พักมีห้องน้ำในตัว (เพื่อนเป็นผู้หญิงเยอะเลยต้องการความสะดวกนิดๆ) ไฟฟ้าเปิดให้ตอน 5 โมงเย็นถึง 9 โมงเช้า มีอาหารให้ 3 มื้อคือ มื้อเที่ยงที่ไปถึงที่พัก มื้อเย็น และมื้อเช้าของวันกลับ
2.ที่พัก เขาหลักพังงา เราจองของ BMP resort ในราคาแสนถูกคือ 800 บาทต่อคืน ห้องนอนได้ 2 คน จองทั้งหมด 3 ห้องค่ะ รวมราคา 2400.-
3.ที่พัก ภูเก็ต คือ Chinotel ราคา 790 บาทต่อคืน ห้อง 2 คน จอง 3 ห้อง เรานอนที่ภูเก็ต 2 คืน โดยโอนเงินจ่ายล่วงหน้าทั้งหมดเป็นเงิน 4740.-
4.รถตู้ เราติดต่อไว้ล่วงหน้า 6 เดือนได้ โทรไปที่บ.พันทิปทัวร์ มีจนท.บอกว่าจะโทรกลับ ชื่อพี่เปิ้ล 083-6339989 ตกลงกันไว้ว่าจากสนบ.สุราษฯไปท่าเรือเขื่อน 1500-. และให้เจ้าเดิมมารับจากท่าเรือเขื่อนไปส่งที่เขาหลัก พังงาด้วย พี่เค้าให้ 2500-. รวมเป็น 4000-. (โอนมัดจำไป 2000-.)(นางมีตุกติกเงินกับเราไว้จะเล่าให้ฟังตอนถึงพังงานะคะ)
5. ทัวร์สิมิลัน เราจองตอนที่มีงานเที่ยวไทยเดือนกันยายนของ Wow andaman เป็น 1 day Trip ได้ในราคา 1,999.- จ่ายเงินสดลดอีก 5 % เป็น 1900.- 6 คนก็เปน 11400.-
ตอนที่ 1 เขาสก ...เมืองสวรรค์บนผืนน้ำ
ตื่นตั้งแต่ตี 4 ด้วยความตื่นเต้นทำให้ตาตื่นมาก แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสวยงามเพราะวันนี้เราวางแผนว่าเท้าเหยียบสนามบินปุ๊บต้องได้ถ่ายรูปปั๊บ 55 ตามประสาผู้หญิงอะเน๊อะ ไฟลท์ 7 โมงตรง แต่วันนั้นเครื่องดีเลไปเป็น 8 โมง ไม่เป็นไรโน๊ะ วันดีดีก็อย่าอารมณ์เสียกันเลย ว่าแต่ใจอยู่ที่ปลายทางละตอนนี้
ถึงที่สุราษฎร์ธานีก็ 9 โมงกว่าๆ โทร.ตามพี่รถตู้ให้มารับด่วนๆ เดี๋ยวเราจะลงเรือไปที่แพช้า พี่เปิ้ลเค้าบอกว่าเดี๋ยวพี่ให้น้องชายเอาฟอร์จูนเนอร์ไปรับทะเบียน บลาบลาบลา.. เราก็โอเคค่ะ จัดไปพี่ นั่งสบายๆ เหมือนกันนั่นแหละ แวะซื้อเสบียงทั้งที่เป็นขนมและเครื่องดื่มไปให้พร้อมใครกินอะไรก็เอาไป เพราะเราก็คิดว่าที่แพอาจจะแพงกว่า เราได้สอบถามแพคีรีวารินเรียบร้อยแล้วว่านำเสบียงขึ้นไปทานได้ค่ะ ระหว่างทางก็ตื่นตาตื่นใจกับภูเขาสีเขียวขจีเพราะแถวบ้านนะมีแต่เขาหัวโล้น 555 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็ถึงสันเขื่อนรัชชประภาแต่ว่าเราไม่ได้แวะถ่ายรูปเพราะร้อนมากมาย จึงให้พี่เค้าไปส่งที่ท่าเรือเลยละกัน ทางแพคีรีวารินบอกให้เรารอที่ศาลาหกเหลี่ยม มีนักท่องเที่ยวหลายคนก็รอที่นั่นเหมือนกันแต่ว่าเป็นของแพอื่น ทางแพนัดเราประมาณ 11 โมง เราก็รอ ร๊อ รอ จน Finally !! 11.45 เรือมาถึงแล้ววว เฮ่!! เก็บกระเป๋าอย่างเร่งรีบ ลงเรือๆๆ ตื่นเต้นๆๆ ลงคนแรกได้เปรียบค่ะ จับจองที่นั่งด้านหน้าจะได้ถ่ายรูปแบบสบายจายย ไม่ต้องพะวงว่าจะมีคนอื่นเข้ามาในเฟรม เรือกำลังจะออกแล้วมองหาว่าจะมีคนมานั่งเรือลำเดียวกันมั้ยน้าา ...และแล้ว..ก็มีนักท่องเที่ยวนั่งไปกับเรา 2 คน เป็นสามีภรรยาวัยกลางคน น่ารักมากกกก สามีแบกกล้องถ่ายรูปไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น อดยิ้มไปกับเค้าไม่ได้ พร่ามมาเยอะแล้วว เรามาดูวิวของผืนน้ำ และเขากันดีกว่า .
คือทุกคนโดนบรรยากาศรอบๆ ข้างสะกดจิตไปพักนึง เพื่อนทั้ง 6 คนหันหน้ามามองกันพูดพร้อมกันว่า สวยมากกก มันดีมากเลยแกรรร แสงแดดที่สาดมาอย่างแรงทำอะไรลมเย็นๆ ที่พัดตีหน้าตอนนั่งเรือไม่ได้เลย
พี่ที่ขับเรือจะจอดเป็นพักๆ ให้เราได้ถ่ายรูปเขาหินปูน และบรรยากาศรอบๆ อย่างเต็มที่ พาแวะเขาสามเกลอในตำนานที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูป เราคิดว่าตอนกลับคงไม่ได้แวะชัวร์ๆ เลยถ่ายไว้เลยตอนนี้ มีเรือหลายลำที่ผ่านมาแวะถ่ายรูปที่นี่ด้วย เรียกได้ว่าต้องมาร์คไว้เลยว่าต้องถ่ายนะ
น้ำใสเขียวเป็นสีมรกต ตัดกับเขาหินปูนสวยมากๆ เลย ได้เวลาเดินทางกันต่อแล้วจ้า พี่คนขับพาเราลอดช่องเล็กๆ ออกไป หืม ขับเก่งมาก
และแล้วเราก็ถึงแพคีรีวาริน อันเป็นที่หลับที่นอนที่เราจะฝากชีวิตในคืนนี้
เราใช้เวลาเดินทางจากฝั่งถึงแพรวมแวะถ่ายรูปแล้วประมาณชั่วโมงครึ่ง พี่เค้าถามว่าจะกินข้าวก่อนหรือเข้าห้องก่อนคะ ตอบแบบไม่คิดอีกแล้ว ณ เวลานั้น 13.30 น. กินข้าวสิค้าบบบ หิวแบบกินวัวได้ทั้งตัว พอนั่งโต๊ะปุ๊บ อาหารลงโต๊ะปั๊บ รวดเร็วทันใจ ไม่รอช้าค่ะ ลงมือทานกันเลย คนมาเสิร์ฟอาหารบอกเราว่า เติมได้ไม่อั้นนะคะ เรายิ้มแก้มปริเลย คือตอนนั้นหิวไง คำว่าไม่อั้นนี่มีความหมายมาก 555 มาดูอาหารการกินกันดีกว่าว่ามีเมนูไรบ้าง ตามรูปเลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นเมนูสุขภาพมากๆ รสชาติอร่อยมากนะคะ แบบพอดีๆ ไม่เค็มไม่หวานกินได้เรื่อยๆ เลย
พอกินอิ่มเราก็จัดการเคลียค่าห้องพักยอดที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 7500.- จากนั้นก็รับกุญแจ ขนสัมภาระเข้าห้อง เตรียมตัวผ่อนคลายสมองที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน เสพพพธรรมชาติ ดื่มด่ำให้มันเต็มที่ อ้อ! ลืมบอกไปว่าที่แพไม่มีคลื่นโทรศัพท์นะ เราใช้ ดีแทค เครือข่ายอื่นไม่มั่นใจว่ามีรึป่าว ก่อนหน้านี้สภาพอากาศที่สุราษฎร์เรียกได้ว่าเลวร้าย ฝนตก น้ำท่วม เพื่อนๆ เราก็กลัวว่ามาแล้วจะแบบแป้ก เราเลยบอกไปว่า มากับเราแล้วโชคดี 5555 ก็เป็นไปตามที่เราภาวนาค่ะ แดดเปรี้ยงปร้างตั้งแต่ลงเครื่องยันถึงแพ กิจกรรมที่แพก็ไม่มีอะไรมากค่ะ เล่นน้ำ จิบเบียร์ นอนฟังเพลง ชิลไปๆ ที่แพมีบริการเรือคายักและก็ชูชีพให้นักเที่ยวด้วย ไม่รอช้า ทุกคนเปลี่ยนชุดเตรียมตัวเล่นน้ำในสระว่ายน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลหน้าห้องเรา
ปลาตะเพียนหางแดงเต็มไปหมด ไซส์ใหญ่ๆ ทั้งนั้น ที่แพมีอาหารปลาขายให้นักท่องเที่ยวด้วยค่ะ เป็นเมล็ดข้าวโพดแห้งถุงละ 10 บาท เพื่อนๆไม่ต้องกลัวว่าเล่นน้ำแล้วจะกลัวปลามากัดนะ เพราะถ้าไม่มีอาหารมันก็ไม่มาหาเลย 555
ถึงเวลากระโดดน้ำแล้วววว.. ไปสนุกกันดีกว่า
เล่นน้ำจนถึงเย็น เราก็พายคายักดูพระอาทิตย์ตกดินกลางน้ำ อันที่จริงมันไม่ตกดินนะ มันซ่อนหลังเขาสวยงามไปอีกแบบ หายใจเข้าเต็มๆ ปอดเอากลิ่นธรรมชาติเข้าไป อะไรมันจะมีความสุขขนาดนั้น 555
ภาพจากหลังห้องที่เรานอนเอง
เย็นได้ที่แล้วเล่นน้ำจนเปื่อย จนเหนื่อย เราก็อาบน้ำเตรียมตัวที่จะไปกินอาหารค่ำ แบตกล้อง แบตมือถือก็หมด รอเวลาที่ทางแพจะเปิดไฟให้ ไฟมาแล้ววว...หลอดไฟ พัดผม เปิดติดนะ แต่ว่าปลั๊กเนี่ยชาจไม่เข้า ไฟไม่ติด เลยเรียกพนักงานเค้ามาดูให้ เป็นเพราะอะไร ??? ถามบ้านข้างๆ ก็บอกว่าไม่ติดเหมือนกัน สรุปคือทางแพตัดไฟที่เป็นปลั๊กทั้งหมด ให้ไปชาจที่เดียวคือหน้าเคาน์เตอร์ที่กินข้าว อ้าววว ตอนแรกตกใจเพราะไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า มารู้ก็ตอนที่จะเสียบปลั๊กชาจแบตนี่แหละ แต่ไม่เป็นไรโน๊ะมาไกลขนาดนี้ก็ต้องทำตามอย่างเค้าบอกนั่นแหละ ประหยัดไฟช่วยชาติดิ!
หิวแล้วค่าา เพื่อนบางคนไม่ได้อาบน้ำเลย ขอกินข้าวก่อน เพราะอาหารที่นี่เสิร์ฟตรงเวลาคือ 1 ทุ่มค่ะ เมนูก็มีดังต่อไปนี้
ปลาได้แค่ตัวเดียวนะคะ นอกนั้นเนี่ยเติมได้ไม่อั้น เล่นน้ำมาเหนื่อยๆ ก็กินซะคุ้มเลย หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน ได้เวลาเข้านอนแล้วค่ะ ไม่ได้มีปาร์ตี้ก่อนนอนแต่อย่างใด เพราะแสนเหนื่อยจากการเล่นน้ำ พรุ่งนี้มีนัดส่องสัตว์กัน 6 โมงเช้าอีกด้วย อดใจรอดูสัตว์ไม่ไหวแล้วว..
เดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้นะจ๊ะ