เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว ช่วงนี้เครียดมากๆกลับการทำงาน เลยมีความคิดว่าจะหาที่เที่ยวที่ไม่ไกลจากอยุธยา ขับรถชิวๆสบายๆไม่กี่ชั่วโมง เลยตกลงกันอย่างรวดเร็วว่าเราจะไปกาญจนบุรีกัน
เช้าวันที่ 26 พย. เลยรีบเปิดหาที่พัก ไหนๆก็ไปแล้ว เลือกนอนในแพเลยแล้วกัน สุดท้ายก็ไปได้ที่พักที่
ริเวอร์แควจังเกิลราฟท์โดยบังเอิญ(ห้องพักราคา 3250 บาทสามารถพักได้3คน)
หลังจากแวะกินข้าวเที่ยงกันแล้ว จึงเริ่มออกเดินทางจากอยุธยาบ้านเฮา ราวๆบ่ายโมง โดยใช้
เส้นทางบางเลน-กำแพงแสน ไปถึงที่ท่าเรือรีโซเทลก็เกือบจะ4 โมงเย็น (ท่าเรือรีโซเทลเป็นท่าเรือที่เราสามารถลงเรือเพื่อไปที่ริเวอร์แควจังเกิลราฟท์ ทางรีสอร์ทจะจัดเรือรับส่งจนถึง 6 โมงเย็น) นั่งรอเรือไม่นาน เราก็ขึ้นเรือไปยังรีสอร์ท ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขา และแพที่พักอื่นๆประมาณ 2-3 ที่ ซึ่งน่าจะเป็นรีสอร์ทในเครือเดียวกัน
เมื่อถึงที่พักก็จะมีคนมาคอยต้อนรับ อธิบายการปฏิบัติตนในขณะที่เราพักในรีสอร์ท คือ
- รีสอร์ทนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ เรามีเพียงแค่ตะเกียงเท่านั้น รวมถึงสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่ค่อยมีด้วย
- อาหารเย็นจะเริ่ม 1 ทุ่ม เป็นแบบเซ็ตอาหารเติมได้ไม่อั้น , อาหารเช้าจะเริ่มตอน 7 โมงเช้า
- ถ้าอยากเล่นน้ำสามารถมาหยิบเสื้อชูชีพได้บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ ลอยไปจนสุดเขตธงแดง ทางรีสอร์ทจะมีเรือไปรับกลับ
หลังจากได้รับกุญแจเข้าที่พัก เราก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปโดดน้ำทันที น้ำพาเราไหลมาจนถึงเขตธงแดง จะมีพี่คอยพาเรากลับเข้าฝั่งเพื่อรอเรือมารับกลับที่พัก
กลับมาถึงที่พักอาบน้ำแต่งตัวพร้อมสำหรับการไปรับประทานอาหารเย็น ก็ราวๆ 6.30 น.บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยแสงไฟที่มาจากตะเกียง ดูโรแมนติกมาก พอเรามานั่งที่โต๊ะก็จะมีพนักงานเดินมาถามว่า จะรับประทานอาหารเลยไหม พนักงานก็จะนำอาหารมาเสิร์ฟ อาหารมื้อนี้ มีผัดผัก แกงเขียวหวาน ซี่โครงหมูตุ๋น ไก่ผัดเม็ดมะม่วง และก็ผลไม้
เรานั่งรับประทานอาหารเสร็จประมาณ 2 ทุ่ม ก็กลับเข้าห้องพัก (เวลาประมาณ 3 ทุ่มจะมีโชว์รำมอญ)
ตัดฉากมาที่ตอนเช้า ตื่นนอนมาก็ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็เดินขึ้นไปยังหมู่บ้านมอญ เพื่อถ่ายภาพ ชมวิว บนนั้นจะมีร้านขายของฝาก ร้านค้า บ้านคน โรงเรียนแล้วก็วัดขนาดเล็ก ที่ก่อสร้างด้วยความเรียบง่ายตามวิถีชาวมอญ
หลังจากนั้นเราก็กลับมาอาบน้ำ อาบท่าเพื่อเดินทางกลับ จะมีเรือรับส่งไปยังท่าเรือรีโซเทล ตั้งแต่ 9.30น. เป็นต้นไป
ขับรถออกมาจากท่าเรือเพื่อเดินทางไปยังปราสาทเมืองสิงห์ซึ่งเป็นโบราณสถานที่มีความสวยงามเก่าแก่ที่หนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
บริเวณรอบๆปราสาทเมืองสิงห์
หลังจากที่เราถ่ายรูปเสร็จก็เดินทางไปยัง สะพานข้ามแม่น้ำแคว บังเอิญวันนี้มีงานประจำปี คนจึงเยอะมาก มีทัวร์ลง คนแน่น ร้อนสุดๆจึงรีบๆถ่ายรูปแล้วรีบออกมาจากตรงนั้น
ไม่นานท้องก็ให้สัญญาณเตือนว่า "หิวแล้ว" เลยเปิดหาร้านอาหารในจังหวัดกาญจนบุรี เราจึงตรงไปที่ “ครัวชุกโดน” พอไปถึงปรากฎว่าคนมหาศาลไม่มีที่จอดรถ เลยตัดสินใจไปที่
ร้านโรงแรมไทยเสรี ร้านไทยเสรี แต่เดิมน่าจะเคยเป็นโรงแรมเก่ามาก่อน แต่ตอนนี้ได้แปลงร่างมาเป็นร้านอาหารแทน พอเข้ามาถึงในร้านบรรยากาศก็จะสงบๆเป็นห้องกระจกติดแอร์ เราสั่งอาหารไป 3 อย่าง ไม่นานก็มีอาหารมาเสิร์ฟ เมนูมื้อเที่ยงนี้ ก็มี ต้มยำทะเล ผัดผักรวมกุ้ง ยำวุ้นเส้นทะเล
โฉมหน้าต้มยำทะเล
ผัดผักรวมก็ไม่น้อยหน้า
จานนี้ทีเด็ดค่าาา
กับข้าวที่นี่อร่อย จานขนาดพอดีเหมาะสำหรับทานกัน 2 คน ส่วนราคาก็ไม่ถือว่าแพงถ้าเทียบกับปริมาณอาหาร ราคาเริ่มต้นตั้งแต่จานละ 100 บาทขึ้นไป
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็เดินทางไปที่วัดถ้ำเสือ วัดถ้ำเสืออยู่ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ก็ถึง พอไปถึงก็เจอคนมหาศาลแต่โชคดีที่ยังมีที่จอดรถ
บริเวณวัดจะมีรูปปั้นเสืออยู่รอบๆ เราสามารถขึ้นไปบนวัดได้โดยการเดินเท้า แต่ทางค่อนข้างชันและสูงมาก และยังสามารถขึ้นรถรางไปได้ในราคา 10 บาท ประหยัดแรงไปได้เยอะเลยค่ะ
ขึ้นไปด้านบนเราจะพบเจดีย์ คิดเอาเองว่าเป็นรูปแบบแบบจีน ที่เราเห็นบนซองถั่วตราเจดีย์คู่ยังไงอย่างนั้น
เสร็จจากการไหว้พระ ถ่ายรูปแล้ว เราก็เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ.....
สรุปค่าใช้จ่ายในทริป
- ค่าห้องพักที่ริเวอร์แควจังเกิลราฟท์ 3250 บาท
- ค่าเครื่องดื่มบนแพ (เบียร์, ค็อกเทล) 500 บาท
- ค่าน้ำมันรถ 600 บาท
- ค่าข้าวตอนขากลับประมาณ 500 บาท
- ค่าเข้าอุทยานปราสาทเมืองสิงห์ 90 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 4940 บาท
ถ้าใครสนใจลองไปเที่ยวกันดูนะคะ ประเทศไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยว สวยๆอีกเยอะ เหมือนคำในโฆษณาที่ว่า "เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้"
ฝากติดตามกระทู้นี้และกระทู้ต่อๆไปด้วยนะคะ รีวิวเป็นครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
[CR] รักกัน รักกาญ(จนบุรี) @ริเวอร์แควจังเกิลราฟท์
เช้าวันที่ 26 พย. เลยรีบเปิดหาที่พัก ไหนๆก็ไปแล้ว เลือกนอนในแพเลยแล้วกัน สุดท้ายก็ไปได้ที่พักที่ริเวอร์แควจังเกิลราฟท์โดยบังเอิญ(ห้องพักราคา 3250 บาทสามารถพักได้3คน)
หลังจากแวะกินข้าวเที่ยงกันแล้ว จึงเริ่มออกเดินทางจากอยุธยาบ้านเฮา ราวๆบ่ายโมง โดยใช้เส้นทางบางเลน-กำแพงแสน ไปถึงที่ท่าเรือรีโซเทลก็เกือบจะ4 โมงเย็น (ท่าเรือรีโซเทลเป็นท่าเรือที่เราสามารถลงเรือเพื่อไปที่ริเวอร์แควจังเกิลราฟท์ ทางรีสอร์ทจะจัดเรือรับส่งจนถึง 6 โมงเย็น) นั่งรอเรือไม่นาน เราก็ขึ้นเรือไปยังรีสอร์ท ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขา และแพที่พักอื่นๆประมาณ 2-3 ที่ ซึ่งน่าจะเป็นรีสอร์ทในเครือเดียวกัน
เมื่อถึงที่พักก็จะมีคนมาคอยต้อนรับ อธิบายการปฏิบัติตนในขณะที่เราพักในรีสอร์ท คือ
- รีสอร์ทนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ เรามีเพียงแค่ตะเกียงเท่านั้น รวมถึงสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่ค่อยมีด้วย
- อาหารเย็นจะเริ่ม 1 ทุ่ม เป็นแบบเซ็ตอาหารเติมได้ไม่อั้น , อาหารเช้าจะเริ่มตอน 7 โมงเช้า
- ถ้าอยากเล่นน้ำสามารถมาหยิบเสื้อชูชีพได้บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ ลอยไปจนสุดเขตธงแดง ทางรีสอร์ทจะมีเรือไปรับกลับ
หลังจากได้รับกุญแจเข้าที่พัก เราก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปโดดน้ำทันที น้ำพาเราไหลมาจนถึงเขตธงแดง จะมีพี่คอยพาเรากลับเข้าฝั่งเพื่อรอเรือมารับกลับที่พัก
กลับมาถึงที่พักอาบน้ำแต่งตัวพร้อมสำหรับการไปรับประทานอาหารเย็น ก็ราวๆ 6.30 น.บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยแสงไฟที่มาจากตะเกียง ดูโรแมนติกมาก พอเรามานั่งที่โต๊ะก็จะมีพนักงานเดินมาถามว่า จะรับประทานอาหารเลยไหม พนักงานก็จะนำอาหารมาเสิร์ฟ อาหารมื้อนี้ มีผัดผัก แกงเขียวหวาน ซี่โครงหมูตุ๋น ไก่ผัดเม็ดมะม่วง และก็ผลไม้
เรานั่งรับประทานอาหารเสร็จประมาณ 2 ทุ่ม ก็กลับเข้าห้องพัก (เวลาประมาณ 3 ทุ่มจะมีโชว์รำมอญ)
ตัดฉากมาที่ตอนเช้า ตื่นนอนมาก็ล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็เดินขึ้นไปยังหมู่บ้านมอญ เพื่อถ่ายภาพ ชมวิว บนนั้นจะมีร้านขายของฝาก ร้านค้า บ้านคน โรงเรียนแล้วก็วัดขนาดเล็ก ที่ก่อสร้างด้วยความเรียบง่ายตามวิถีชาวมอญ
หลังจากนั้นเราก็กลับมาอาบน้ำ อาบท่าเพื่อเดินทางกลับ จะมีเรือรับส่งไปยังท่าเรือรีโซเทล ตั้งแต่ 9.30น. เป็นต้นไป
ขับรถออกมาจากท่าเรือเพื่อเดินทางไปยังปราสาทเมืองสิงห์ซึ่งเป็นโบราณสถานที่มีความสวยงามเก่าแก่ที่หนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
บริเวณรอบๆปราสาทเมืองสิงห์
หลังจากที่เราถ่ายรูปเสร็จก็เดินทางไปยัง สะพานข้ามแม่น้ำแคว บังเอิญวันนี้มีงานประจำปี คนจึงเยอะมาก มีทัวร์ลง คนแน่น ร้อนสุดๆจึงรีบๆถ่ายรูปแล้วรีบออกมาจากตรงนั้น
ไม่นานท้องก็ให้สัญญาณเตือนว่า "หิวแล้ว" เลยเปิดหาร้านอาหารในจังหวัดกาญจนบุรี เราจึงตรงไปที่ “ครัวชุกโดน” พอไปถึงปรากฎว่าคนมหาศาลไม่มีที่จอดรถ เลยตัดสินใจไปที่ร้านโรงแรมไทยเสรี ร้านไทยเสรี แต่เดิมน่าจะเคยเป็นโรงแรมเก่ามาก่อน แต่ตอนนี้ได้แปลงร่างมาเป็นร้านอาหารแทน พอเข้ามาถึงในร้านบรรยากาศก็จะสงบๆเป็นห้องกระจกติดแอร์ เราสั่งอาหารไป 3 อย่าง ไม่นานก็มีอาหารมาเสิร์ฟ เมนูมื้อเที่ยงนี้ ก็มี ต้มยำทะเล ผัดผักรวมกุ้ง ยำวุ้นเส้นทะเล
โฉมหน้าต้มยำทะเล
ผัดผักรวมก็ไม่น้อยหน้า
จานนี้ทีเด็ดค่าาา
กับข้าวที่นี่อร่อย จานขนาดพอดีเหมาะสำหรับทานกัน 2 คน ส่วนราคาก็ไม่ถือว่าแพงถ้าเทียบกับปริมาณอาหาร ราคาเริ่มต้นตั้งแต่จานละ 100 บาทขึ้นไป
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็เดินทางไปที่วัดถ้ำเสือ วัดถ้ำเสืออยู่ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ก็ถึง พอไปถึงก็เจอคนมหาศาลแต่โชคดีที่ยังมีที่จอดรถ
บริเวณวัดจะมีรูปปั้นเสืออยู่รอบๆ เราสามารถขึ้นไปบนวัดได้โดยการเดินเท้า แต่ทางค่อนข้างชันและสูงมาก และยังสามารถขึ้นรถรางไปได้ในราคา 10 บาท ประหยัดแรงไปได้เยอะเลยค่ะ
ขึ้นไปด้านบนเราจะพบเจดีย์ คิดเอาเองว่าเป็นรูปแบบแบบจีน ที่เราเห็นบนซองถั่วตราเจดีย์คู่ยังไงอย่างนั้น
เสร็จจากการไหว้พระ ถ่ายรูปแล้ว เราก็เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ.....
สรุปค่าใช้จ่ายในทริป
- ค่าห้องพักที่ริเวอร์แควจังเกิลราฟท์ 3250 บาท
- ค่าเครื่องดื่มบนแพ (เบียร์, ค็อกเทล) 500 บาท
- ค่าน้ำมันรถ 600 บาท
- ค่าข้าวตอนขากลับประมาณ 500 บาท
- ค่าเข้าอุทยานปราสาทเมืองสิงห์ 90 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 4940 บาท
ถ้าใครสนใจลองไปเที่ยวกันดูนะคะ ประเทศไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยว สวยๆอีกเยอะ เหมือนคำในโฆษณาที่ว่า "เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้"
ฝากติดตามกระทู้นี้และกระทู้ต่อๆไปด้วยนะคะ รีวิวเป็นครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ