กาญจนบุรี-ริเวอร์แคว จังเกิ้ลราฟท์-2วัน1คืน-นอนแพแบบป่าๆ-ไม่มีไฟฟ้า-ไม่มีwifi-แต่มีผู้ชายถือว่าจบ เดินทางวันที่ 26-27 สิงหาคม 2560
ทริปนี้กระทันหันนิดนึง ไปวันเสาร์จองวันพฤหัส แพยอดฮิตทุกแพ เต็มหมดเลย ตอนแรกเกือบถอดใจว่าจะไปจังหวัดอื่น แต่ก็ยังลองเช็คเปรียบเทียบราคาในเว็บจองโรงแรมหลายเว็บ สุดท้ายก็มาถูกใจริเวอร์แควจังเกิ้ลราฟท์ วิวสวยมาก แต่ราคาบนอะโกด้าอยู่เกือบสามพัน เลยตัดสินใจโทรเข้าโรงแรมเลย ได้ราคา 2585/ห้อง รวมอาหารเช้า+เย็นสำหรับ 2 คน รวมเรือรับส่งจากท่าเรือพุตะเคียน ต้องจองห้องผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม และชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
**แต่ๆๆ เจ้าหน้าที่ย้ำว่า ที่พักของเราไม่มีไฟฟ้านะครับ ไม่มีที่ชาร์ตโทรศัพท์ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ใช้ตะเกียงน้ำมันฯให้แสงสว่างตอนกลางคืน เราเริ่มลังเลใจนิดนึง ตอนแรกเพื่อนที่ทำงานอยากไปด้วยอีกสองสามคน พอบอกว่าไม่มีไฟฟ้าเพื่อนก็ว่า เจ้!! เสียตังเป็นพันพัดลมก็ไม่ได้ ไปพั้วววว? สุดท้ายเลยเหลือแค่สองคนค่ะ ที่เหลือสองคนเพราะอะไรคะ? เพราะอีกคนไม่รู้ค่ะว่าจะไปนอนไหน "ยูตัดสินใจเลย" "โอเคงั้น ไอตัดสินใจล่ะนะ"
เริ่มต้นทริปแบบเป็นทางการ ไปกาญฯ ทริปนี้เริ่มจากเส้นทางเบสิคก่อนนะ จะขับไปถึงสะพานมอญ หรือทองผาภูมิก็ไม่ไหว ชนีขับรถมีขีดจำกัดนิดนึง จากกรุงเทพฯไปกาญ ระยะทางประมาณ 200 กม. ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง - 3 ชั่วโมง ขับรถเที่ยวกาญนี่มันง๊ายง่าย ใช้ Google map เป็นอุปกรณ์หลัก
ที่แรกที่ไปถึงเมื่อเข้าเมืองกาญฯ คือสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก และพิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทยพม่า จอดรถข้างทางเล้ยยย ขับรถเที่ยวตจว.นี่มันดีอย่างนี้ ค่าจอดก็ไม่มี แถมไม่มีล็อคล้อ ลองมาแถวห้วยขวางสิ 5 นาทีรู้เรื่อง ระหว่างเดินอ่านป้ายหน้าหลุมศพอยู่ เจอนักท่องเที่ยวคนไทย ไปถ่ายรูปกันในสุสานแบบแฟชั่นมาก นี่สุสานนะจ๊ะพี่จย๋า
ส่วนพิพิธภัณฑ์จะตั้งอยู่ข้างๆสุสานเลย มีค่าเข้านะคะ สามารถเอาบัตรไปแลกเครื่องดื่มได้ที่ชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ค่ะ
วันนี้ออกสายไปหน่อยค่ะ ออกจากกรุงเทพฯ เกือบ 8 โมง ไปถึงถาญฯ ก็เกือบ 11โมงแล้ว (มัวแต่หลงอยู่ในกรุงเทพฯ) พอไปถึงจุดที่สอง จุดแลนด์มาร์ค สะพานข้ามแม่น้ำแคว คนเยอะมากกกกก ทัวร์ลงพอดีเลย เสียดายมากเลยไม่ได้รูปสวยๆเลย ใครวางแผนจะไปแนะนำออกเร็วกว่านี้นะคะ
ในขณะที่ทุกคนแห่กันไปถ่ายรูปที่สะพาน เรายอมแพ้กับจำนวนนักท่องเที่ยว เราเลยหันมาถ่ายฝั่งสถานีแทน แต่ป้ายห้องน้ำอันใหญ่โตก็ทำลายความเงียบสงบทุกอย่างลงค่ะ
หลังจากที่เราหมดหวังกับการหามุมดีๆถ่ายรูปที่สะพานไปแล้ว เพื่อนร่วมทริปก็บอกว่า "เรารีบไปที่ต่อไปก่อนที่ทัวร์จะไปถึงกันเถอะ" ตอนนั้นเที่ยงพอดี กรุ๊ปทัวร์เลยต้องไปกินข้าวกันก่อน เราก็อาศัยจังหวะนี้แหละค่ะ รีบไปดักที่ถ้ำกระแซ ทางรถไฟสายมรณะ กว่าจะไปถึงเราก็มีต่อนยอนนิดหน่อย แวะเติมแก๊ส ทาครีมกันแดดกันเรียบร้อย ไปถึงจุดหยุดรถถ้ำกระแซตอนเกือบบ่ายสอง รถไฟกำลังออกพอดีเลยค่ะ
จากนั้นเราก็ต้องเดินสำรวจทางรถไฟกันหน่อย ตอนขับรถลงทางลาดชันมาเรื่อยๆ เราก็ตื่นเต้นมาก เพราะเห็นรูปทางรถไฟตรงส่วนถ้ำกระแซมานานมากแล้ว มันสวยมาก แต่ไม่เคยมาเห็นด้วยตาตัวเองสักที จุดนี้ใครตัวใหญ่ ใครกลัวความสูง ต้องระวังนิดนึง ทางรถไฟอยู่ริมหน้าผา มีทางเดินเป็นแผ่นเหล็กอยู่ตรงกลางราง บางจุดก็เผยอบ้างไรบ้าง มีเอี๊ยดอ๊าดบ้าง ก้มมองทางเดินกันด้วยนะคะ
หลังจากถ่ายรูปกันเต็มอิ่มแล้ว เราก็มาหาข้าวกินกันแถวสถานีรถไฟวังโพธิ์ ขับออกมาจากถ้ำกระแส 5 นาทีเอง ตรงมาอย่างเดียว เพื่อนแนะนำร้านพิมพญาอยู่หลังสถานีรถไฟวังโพธิ์ แต่ไปถึงตอนบ่ายสามกว่า ร้านเค้าปิดไปแล้ว
เลยไปกินที่ร้านข้างๆแทน ชื่อสวนอาหารวังโพธิ์ค่ะ ราคาไม่แพง สั่งไก่ทอด 2 หมูมะนาว1 ข้าวเปล่า 2 น้ำเปล่า 2 ราคา 300กว่าบาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไก่ทอดอร่อยค่ะ แต่อย่าสั่งหมูมะนาวนะ
ทานข้าวเสร็จก็เกือบสี่โมงเย็นแล้ว สมควรแก่เวลาเข้าที่พักค่ะ เพราะจากถ้ำกระแซไปท่าเรือก็ใช้เวลาพอสมควร ต้องกะเวลาให้ดีเพราะเรือออกทุกชั่วโมง ลำสุดท้ายคือ 18.00 น. ถ้าไปหลังจากนั้นต้องจ้างเรือเข้าไปเอง ราคา 1,000/เที่ยว
สำหรับใครที่จะไปพักโรงแรมของเครือ SERENATA อันได้แค่ ริเวอร์แคว รีโซเทล, เดอะโฟลทเฮ้าส์, โฮมพุเตย, ริเวอร์แควจังเกิ้ลราฟท์ และหินตกริเวอร์แคมป์ การเดินทางเหมือนกัน คือต้องไปขึ้นเรือที่ท่าเรือรีโซเทล หรือท่าเรือพุตะเคียน หาไม่ยากเลยค่ะ เลยน้ำตกแควน้อยมานิดหน่อย ตามจีพีเอสมาเรื่อยๆ เป็นท่าเรือส่วนตัวของโรงแรม มีที่จอดรถ มีคนดูแลรถให้
GPS ที่ท่าเรือพุตะเคียน (ท่าเรือรีโซเทล): 14.281035, 99.000796
ไปถึงท่าเรือ พอคนเยอะแล้วเค้าก็ออกเรือให้เลยค่ะ ไม่ต้องรอครบชั่วโมง ระหว่างนั่งเรือไปก็จะผ่านโรงแรมริเวอร์แคว รีโซเทล และเดอะโฟลทเฮ้าส์ จนไปถึงโรงแรมที่ 3 ก็คือจังเกิ้ลราฟท์ค่ะ ตั้งแต่ก้าวขาลงเรือมา ต้องทำใจแล้วนะคะว่าจะไม่มีไฟฟ้าใช้แล้ว 555 สำหรับเราเป็นคนมีอุดมคติค่ะ "ขาดเธอไม่เป็นไร ขาดโซเชียลไปดิ้นแน่นอน" แต่ก็เอาน่าคืนเดียว เดี๋ยววันรุ่งขึ้นค่อยอัพรัวๆ นอกจากไม่มีไฟฟ้าแล้ว สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีเช่นกันค่ะ ตัดขาดกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
เมื่อไม่มีไฟฟ้าแล้ว เราทำอะไรได้บ้าง? เยอะแยะเลยค่ะ ได้ลองนอนเปลญวนฟังเสียงน้ำ โดดน้ำลอยตุบป่องกับเพื่อนบ้านใหม่ๆ ดินเนอร์ใต้แสงไฟตะเกียง นั่งจิบเครื่องดื่มที่ jungle bar ตอนกลางคืนนั่งคุยกับเพื่อนร่วมทริปหน้าห้องเห็นหิงห้อยบินผ่านไปมาด้วย ลืมไปเลยว่าไม่มีไฟฟ้า สนุกกว่าเดิมอีก
ข้อดีของการใช้ชีวิตแบบอันปลั๊กก็คือ ทำให้เราได้สนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น เช่น ผู้คน ธรรมชาติ ต้นไม้ น้ำ เสียง อากาศ และอีกหลายๆอย่าง ถ้าใครอยากจัดทริปกระชับมิตร ปรับทัศนคตินี่สมควรเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะเมื่อไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแล้ว ทำให้เราได้สนใจคนข้างๆมากขึ้นด้วย คุยกันมากกว่าทริปไหนๆที่ไปมา
คราวนี้ลืมถ่ายรูปห้องพักไปเลยค่ะ เพราะมัวแต่ตื่นตากับวิวข้างนอก ห้องพักเป็นเตียงใหญ่ 1 เตียงและเตียงเล็ก 1 เตียง มีมุ้งให้ แม้ไม่มีพัดลมแต่มีพัดมือให้ห้องละ 2 อันค่ะ จริงๆก็ไม่ได้ใช้เท่าไหร่ เพราะอากาศกำลังสบายๆ ชื้นๆอบๆนิดหน่อยแต่ไม่ร้อนค่ะ ตอนเช้ามืดอากาศเย็น ต้องห่มผ้าห่มเลย ตอนหัวค่ำมียุง ตัวใหญ่มากกกกกก แต่พอดึกๆไปก็ไม่มีแล้ว
แสงไฟจากตะเกียงน้ำมัน สวยกว่าแสงไฟนีออนอีก ว่ามั้ยคะ?
ตอนไปถึงใหม่ๆ ยังไม่ค่อยคุ้นรู้สึกว่าตะเกียงน้ำมันก๊าซกลิ่นแรงมาก แต่ก็ต้องใช้เพราะไม่งั้นห้องจะมืดมาก เราเลยเอาไปแขวนไว้ในห้องน้ำแทนค่ะ ในห้องมีตะเกียงแบตเตอรี่ให้ด้วย ส่วนตัวก็มีพกตะเกียงแบตเตอรี่ไปแบบสว่างเห็นทั้งห้อง แต่พอจริงๆก็ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะรู้สึกว่ามันสว่างเกินไป
พอไม่มีไฟฟ้าใช้ เราก็เข้านอนเร็วกว่าปกติ และตื่นเช้าโดยอัตโนมัติ ตอนเช้าออกมาหน้าห้องก็เห็นหมอกลอยหนาๆอยู่ข้างหน้า วิวอลังการมากค่ะ ฟินสุดๆ
อาหารที่นี่ ทั้งเช้าและเย็น สามารถเติมได้ไม่อั้นค่ะ
พอทานอาหารเช้าเสร็จแล้วก็ไปเดินย่อยกันหน่อย เป็นกิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่ห้ามพลาดเมื่อมาที่นี่ คือการสำรวจหมู่บ้านมอญค่ะ อย่าลืมทายากันยุงก่อนนะคะ ยุงเยอะมากกกกก
ทางขึ้นจากแพไปหมู่บ้านมอญค่ะ พอเดินตามทางขึ้นไปก็จะไปเจอกับทางเดินมีหลังคาแบบนี้
พอเดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับสนามฟุตบอลใหญ่ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแปลงสับปะรดไปแล้ว
ด้านหลังแปลงสับปะรด จะเจอกับสนามบาสกลางป่าแบบนี้ บรรยากาศแปลกหูแปลกตาดีค่ะ
เดินเลยมาไม่ไกลก็จะเจอกับวัดแห่งเดียวในหมู่บ้าน จุดนี้ยุงเยอะมากจริงๆค่ะ
ตอนแรกกะว่าจะไปให้ถึงจุดชมวิวบนภูเขา แต่ไม่ได้พกยากันยุงมาเลย แวะถามทางพี่ผชที่ขี่มอไซด์ผ่านมา พี่เค้าบอกว่า น้องไม่มีกย. น้องไปไม่ได้หรอกบอกเลย
พี่เค้าแบ่งกย.ให้แต่ก็ยังสู้กับฝูงยุงไม่ไหว เลยได้แค่ถ่ายรูปตรงทางขึ้นเขา แล้วถอยออกมาค่ะ
ได้เวลาอำลา ชีวิตแบบ unplugged แล้ว เรายังเหลือจุดท่องเที่ยวที่ไม่ไปไม่ได้ ก็คือ
"ช่องเขาขาด" เป็นจุดหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะ ใช้แรงงานคนสะกัดหินภูเขาออกเพื่อทำทางรถไฟ ที่นี่ต้องใช้เวลาเดินเท้านาน ควรใส่รองเท้าที่เดินสบาย เป็นรองเท้าผ้าใบดีที่สุดค่ะ ขากลับเดินขึ้นบันไดเหนื่อยมาก
จุดชมวิวหุบเขาแควน้อย อย
[CR] กาญจนบุรี-ริเวอร์แคว จังเกิ้ลราฟท์-2วัน1คืน-นอนแพแบบป่าๆ-ไม่มีไฟฟ้า-ไม่มีwifi-แต่มีผู้ชายถือว่าจบ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น