นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีนว่า ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ กระทรวงคมนาคมของไทยจะประชุมร่วมกับทางการจีนครั้งที่ 9 ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เบื้องต้นจะยังไม่ลงนามกรอบความร่วมมือ ซึ่งเป็นกรอบการทำงานร่วมกัน (เฟรมเวิร์ก)ที่ ครม.ได้อนุมัติมาก่อนหน้านี้
เนื่องจากทางการจีนขอเปลี่ยนตัวบริษัทคู่สัญญาที่จะซื้อยางพาราจากรัฐบาลไทยกะทันหันขณะเดียวกันก็ขอเปลี่ยนเงื่อนไขโดยขอซื้อเฉพาะยางพาราใหม่เท่านั้นซึ่งขัดกับเงื่อนไขเดิมที่ตกลงกันไว้ว่าจะซื้อยางเก่าดังนั้นหากเรื่องยางพารายังไม่ได้ข้อยุติรัฐบาลไทยจะยังไม่ลงนามกับสัญญากับจีนเพิ่มเติม
"ตามกำหนดการเดิมกระทรวงคมนาคมจะเซ็นกรอบความร่วมมือด้านรถไฟในวันที่3ธ.ค.นี้จากนั้นในวันที่4 ธ.ค.จะเซ็นเรื่องข้าวและยางพารา แต่เมื่อยางพารายังไม่มีข้อสรุป จึงแจ้งไปที่จีนแล้วว่าจะตกลงอย่างไร เพราะนอกจากจะเปลี่ยนคู่สัญญาแล้ว ยังมีเรื่องเงื่อนไขการซื้อยางที่จะไม่ซื้อยางเก่า แต่จะซื้อยางใหม่ในตลาด ทั้งที่การเจรจาตั้งแต่ต้นจีนบอกว่าจะซื้อยางในโครงการมูลภัณฑ์กันชนของไทย ดังนั้น การเซ็นสัญญาทั้ง 3 ฉบับจำเป็นต้องเลื่อนไปก่อน"
การเลื่อนลงนามออกไปเนื่องจากรัฐบาลไทยกำหนดไว้แล้วว่า ไทยกับจีนต้องลงนามความร่วมมือ 3 ฉบับ ไปพร้อมๆ กัน แต่เมื่อยางพารามีปัญหา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จึงให้นโยบายทุกหน่วยยุติการลงนามกับรัฐบาลจีนออกไปก่อน จนกว่าไทยและจีนจะได้ข้อสรุปเรื่องสัญญาขายยางพารา
นายอาคมกล่าวอีกว่า ส่วนโครงการความร่วมมือไทยญี่ปุ่นหลังจากที่ลงนามในบันทึกความร่วมมือพัฒนารถไฟไทย-ญี่ปุ่นเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกตอนล่างเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง-สระแก้วที่ประเทศญี่ปุ่นจากนี้ 2 ฝ่ายจะร่วมกันปรับปรุงราง ตั้งบริษัทร่วมทุนเดินรถร่วมกันและเริ่มทดสอบการเดินรถ และจะพัฒนาก่อสร้างเป็นทางคู่ในอนาคต
ส่วนการจัดตั้งบริษัท ร่วมทุนในการเดินรถ จะดำเนินการแล้วเสร็จเดือนม.ค.2559
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449021811
เหอๆๆ
จีนน่าคบ ?? รถไฟไทย-จีนวุ่น! สมคิดยุติลงนาม หลังจีนยึกยักตั้งแง่ซื้อยางพารา
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีนว่า ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ กระทรวงคมนาคมของไทยจะประชุมร่วมกับทางการจีนครั้งที่ 9 ที่โรงแรมโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เบื้องต้นจะยังไม่ลงนามกรอบความร่วมมือ ซึ่งเป็นกรอบการทำงานร่วมกัน (เฟรมเวิร์ก)ที่ ครม.ได้อนุมัติมาก่อนหน้านี้
เนื่องจากทางการจีนขอเปลี่ยนตัวบริษัทคู่สัญญาที่จะซื้อยางพาราจากรัฐบาลไทยกะทันหันขณะเดียวกันก็ขอเปลี่ยนเงื่อนไขโดยขอซื้อเฉพาะยางพาราใหม่เท่านั้นซึ่งขัดกับเงื่อนไขเดิมที่ตกลงกันไว้ว่าจะซื้อยางเก่าดังนั้นหากเรื่องยางพารายังไม่ได้ข้อยุติรัฐบาลไทยจะยังไม่ลงนามกับสัญญากับจีนเพิ่มเติม
"ตามกำหนดการเดิมกระทรวงคมนาคมจะเซ็นกรอบความร่วมมือด้านรถไฟในวันที่3ธ.ค.นี้จากนั้นในวันที่4 ธ.ค.จะเซ็นเรื่องข้าวและยางพารา แต่เมื่อยางพารายังไม่มีข้อสรุป จึงแจ้งไปที่จีนแล้วว่าจะตกลงอย่างไร เพราะนอกจากจะเปลี่ยนคู่สัญญาแล้ว ยังมีเรื่องเงื่อนไขการซื้อยางที่จะไม่ซื้อยางเก่า แต่จะซื้อยางใหม่ในตลาด ทั้งที่การเจรจาตั้งแต่ต้นจีนบอกว่าจะซื้อยางในโครงการมูลภัณฑ์กันชนของไทย ดังนั้น การเซ็นสัญญาทั้ง 3 ฉบับจำเป็นต้องเลื่อนไปก่อน"
การเลื่อนลงนามออกไปเนื่องจากรัฐบาลไทยกำหนดไว้แล้วว่า ไทยกับจีนต้องลงนามความร่วมมือ 3 ฉบับ ไปพร้อมๆ กัน แต่เมื่อยางพารามีปัญหา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จึงให้นโยบายทุกหน่วยยุติการลงนามกับรัฐบาลจีนออกไปก่อน จนกว่าไทยและจีนจะได้ข้อสรุปเรื่องสัญญาขายยางพารา
นายอาคมกล่าวอีกว่า ส่วนโครงการความร่วมมือไทยญี่ปุ่นหลังจากที่ลงนามในบันทึกความร่วมมือพัฒนารถไฟไทย-ญี่ปุ่นเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกตอนล่างเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง-สระแก้วที่ประเทศญี่ปุ่นจากนี้ 2 ฝ่ายจะร่วมกันปรับปรุงราง ตั้งบริษัทร่วมทุนเดินรถร่วมกันและเริ่มทดสอบการเดินรถ และจะพัฒนาก่อสร้างเป็นทางคู่ในอนาคต
ส่วนการจัดตั้งบริษัท ร่วมทุนในการเดินรถ จะดำเนินการแล้วเสร็จเดือนม.ค.2559
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1449021811
เหอๆๆ