โดนหลอกเอาเงินมัดจำ รถ CRV ปี 1999 (รถคุณหมอ ขับมือเดียว ไม่ติดแก๊ส)

**วัตถุประสงค์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ท่านอื่นระมัดระวัง การซื้อรถมือสอง ให้ตรวจดูเล่มทะเบียนรถให้ละเอียดรอบคอบจะได้ไม่โดนหลอกเอาเงินมัดจำฟรีๆ ค่ะ
02/11/15  / Part 1
เริ่มต้นเรื่องเลยนะค่ะ  ในวันจันทร์ที่ 2/11/15  แฟนเราได้เปิดดูเว็บไซด์รถมือสองชื่อดัง   พอดีไปเห็นรถที่ตัวเองชอบ  เลยตัดสินใจโทรไปหาคนขาย  เบื้องต้นที่คุยกันครั้งแรก  ก็นัดแนะกันเข้าไปดูรถที่บิ๊กซี วงศ์สว่าง  แฟนเราก็ไปดู  สภาพรถก็โอเค  และคนขายก็บอกว่าให้ทำจอง  โดยการวางเงินมัดจำเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท   แฟนเราก็ให้ไปเพราะคิดว่าเป็นการจองปกติอยู่แล้ว  และต้องการรถคันนี้จริงๆ  จากที่คุยกันก็บอกคนขายว่า  จะรีบมาจัดการเรื่องของเอกสารเพื่อยื่นไฟแนนท์   แต่คนขายก็บอกว่าพรุ่งนี้ให้นำเงินอีก 5,000 บาท มาวางมัดจำเพิ่ม รวมเป็น 10,000 บาท เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะเอารถคันนี้แน่ๆ    ในตอนนั้นแฟนเรารู้สึกไม่ค่อยโอเค เท่าไหร่  เพราะแปลก ๆ เงิน 5,000 บาทก็น่าจะพอนะ   แต่ทำไมคนขายเร่งเอาแต่เงิน  (ฉุกคิดอยู่ในใจ)
แฟนเราไม่ค่อยสบายใจ  มาเล่าให้เราฟัง  เราก็ว่าแปลกๆ  นะคนจะขายรถทำไม คิดแต่เรื่องวางเงินมัดจำ  แฟนเราก็บอกว่าพรุ่งนี้ไปดูรถด้วยกันอีกรอบเพื่อตัดสินใจ  ถ้าเราไม่โอเค ก็ยอมทิ้งเงิน 5,000 บาทที่วางมัดจำไป  เพราะยังงัยถ้าไม่เอาคนขายก็บอกเป็นค่าเสียโอกาสของเค้า และไม่คืนเงินอยู่แล้ว  

03/11/15  / Part 2
แฟนเราก็โทรไปบอกกับคนขายว่าช่วงค่ำวันนี้  จะพาแฟนเข้าไปดูรถอีกที  คนขายก็ถามถึงเรื่องเงินมัดจำเพิ่มอีก 5,000 บาท  แฟนเราก็เลยบอกว่าขอพาแฟนไปดูรถอีกที  เพราะแฟนอยากจะเห็นรถก่อน  ซึ่งคนขายก็ตกลง    พอพวกเราเข้าไป ก็ดูรถ     รถสภาพโอเค  ใช้ได้  คนขายก็ทวงค่ามัดจำอีก  เราก็รู้สึกว่าคนขายคนนี้ดูแปลก ๆ  เราก็เลยถามไปว่ารถคันนี้พี่  มีชุดโอนลอยใช่มั้ย เพราะเห็นบอกว่าคนถือกรรมสิทธิ์ไม่ใช่พี่  เค้าบอกว่าเป็นของภรรยาเค้า  แต่ตอนนี้เลิกกันแล้ว   ภรรยาเค้าได้เซ็นต์ในชุดโอนลอยไว้ให้แล้ว   และก็ถามเราว่าจะยังงัยต่อไป
เราก็บอกเค้าไปว่าขอคุยกับไฟแนนท์ก่อน   เค้าก็บอกประมาณว่าเข้าใจว่าคุยกับแฟนเราเป็นเงินสดอะไรประมาณนี้เราเลยถามแฟนเรา แฟนเราก็บอกว่าบอกพี่ไปแล้วนะครับตอนให้เงินมัดจำ 5,000 บาทแรก  บอกว่าจะรีบไปดำเนินการเรื่องเอกสาร  “เค้าก็บอกว่ายังงัยก็เข้าใจว่าไปหาเงินมาให้เค้า  เราเลยบอกว่าพี่เศรษฐกิจอย่างนี้พี่จะให้ซื้อเงินสด คงไม่ได้ค่ะ  ยังงัยก็จะรีบเช็คกับทางไฟแนนท์ให้แล้วกัน  เค้าก็บอกว่าไฟนง ไฟแนนท์อะไรไม่รู้จักหรอก  เพื่อนเค้าบอกว่าติดต่อไฟแนนท์ต้องรอเป็นเดือน  นานอะ   และเค้าต้องรอนานแค่ไหนกว่าเค้าจะได้เงิน”  เราก็บอกเค้าไปว่าปกติ ติดต่อไฟแนนท์ก็ประมาณ 3-4 วัน  แต่ยังงัยก็จะรีบให้  และเค้าก็ย้ำมาว่าแต่เช็คต้องจ่ายในชื่อของเค้านะ
เราก็เลยบอกว่างั้นต้องเช็คเรื่องกับทางไฟแนนท์ก่อนว่าทำได้หรือไม่ (เพราะทางเราก็ไม่รู้เรื่องการจ่ายเงินแบบนี้สักเท่าไหร่)ก็เลยบอกคนขายไปว่า งั้นขอเช็ครายละเอียดให้ก่อน  แล้วคนขายก็บอกว่าให้รีบๆ ให้หน่อย  คือพรุ่งนี้ ให้รีบตอบเค้าก่อนเที่ยงนะ  และถ้าไฟแนนท์สามารถจ่ายเป็นชื่อเค้าได้  ก็ให้โอนเงินค่ามัดจำเพิ่มมาอีก 5,000 พันที่เหลือเลยนะ   ทางเราก็ตอบโอเคไป    ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  
ระหว่างที่เราติดต่อกับคนขาย ก็ได้มีการติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ (ผญ)  ของเว็บไซด์รถมือสองชื่อดัง (ขอเรียกว่า คุณ ต. ค่ะ)  แต่ในระหว่างที่เรานั่งรถกับแฟนกลับบ้าน   คุณ ต.  ก็โทรมาบอกว่าคนขายโทรหาเค้าถามเรื่องรายละเอียดการจ่ายเงิน ว่าเค้าไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์  ไฟแนนท์จะจ่ายเช็คเป็นชื่อเค้าได้หรือไม่  เจ้าหน้าที่คนนี้ก็ตอบไปว่าได้  แล้วก็เลยมาโทรขอเอกสารของผู้ซื้อกับเรา  เราก็บอกว่าเดี๊ยวพรุ่งนี้เช้าจะส่งให้ค่ะ

04/11/15  /  Part 3
พอวันรุ่งขึ้นก็ดำเนินการส่งเอกสารให้คุณ ต. เพื่อติดต่อไฟแนนท์ให้เรา  ทางเราเช็คมาหลายไฟแนนท์เค้าไม่รับรถปี 1999 แล้ว  พอไฟแนนท์แจ้งมาสามารถจ่ายเช็คเป็นชื่อของคนขายที่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ได้  และคุณ ต. นี้  ก็บอกรายละเอียดการจัดไฟแนนท์มาให้เรา  คือ  จัดทุนได้ 120,000 บาท  ที่เหลืออีก 40,000 พร้อมค่าใช้จ่ายในการจัดไฟแนนท์อีก 14,802 บาท  เราต้องเสียส่วนต่างอีก 54,802 บาท  ซึ่งเป็นเงินสดที่เยอะพอสมควร  สำหรับช่วงนี้ที่เราไม่ค่อยพร้อมสักเท่าไหร่  ก็เลยขอตัดสินใจกับแฟนอีกครั้งว่าจะเอามั้ย  เพราะด้วยพฤติกรรมของคนขายที่เร่งจะเอาแต่เงินมัดจำ ทำให้รู้สึกแปลกๆ ด้วย  ยังไม่ทันจะเที่ยงเลยคนขายก็โทรมาตามอีกว่าได้เรื่องยังงัย  เพราะเบื้องต้นเค้าคุยกับทางคุณ ต. นี้  สามารถจ่ายเป็นชื่อเค้าได้   และก็ทวงค่ามัดจำเพิ่มอีก   เรากับแฟนเรา ก็ตกลงกันว่าไม่เอาดีกว่า  เพราะตามจริงในตอนแรกที่จัดไฟแนนท์เข้าใจว่าจะเสียส่วนต่างน้อยกว่านี้หน่อย  แต่เอาเข้าจริงเสียค่อนข้างเยอะ  ช่วงบ่ายๆ  จึงแจ้งคนขายไปว่า “ต้องขอโทษด้วยครับ เนื่องจากไฟแนนท์จัดรถคันนี้ได้ต่ำไปหน่อย ต้องเสียเงินสดส่วนต่างค่อนข้างเยอะ  ไม่ค่อยสะดวกช่วงนี้  งั้นขอไม่เอารถคันนี้แล้วกันนะครับ” (แต่เงินมัดจำเค้าไม่คืนให้เรานะ)  

05/11/15  / Part 4
พอเช้าวันต่อมา เราก็เห็นแฟนเราเหมือนเสียดายอะ  เราก็เลยถามแฟนเราอีกรอบว่าเสียดาย จะเอาก็ได้นะ  เพราะดูสภาพรถและราคาก็พอซื้อได้   สรุปแฟนเราก็ตกลงจะเอา  เราก็เตรียมรวบรวมเงินสำหรับค่าส่วนต่าง  แล้วแฟนเราก็โทรไปสอบถามคนขายว่ายังไม่มีใครเอารถคันนี้ใช่มั้ย  คนขายบอกว่ายัง  ก็เป็นอันตกลงจะเอา  คนขายก็ให้โอนเงินมัดจำเพิ่มอีกเช่นเคย  พูดเหมือนเดิมทุกอย่าง  ก็เลยว่างั้นเดี๊ยวจะทำสัญญาจะซื้อจะขายไปให้เซ็นต์  ซึ่งมีเนื้อหาว่าคนขายรับเงินมัดจำเราไปเป็นจำนวนเท่าไหร่  เมื่อเซ็นต์มาแล้วจะโอนเงินมัดจำเพิ่มไปให้  ปรากฎคนขายไม่ยอมเซ็นต์บอกว่าเราต้องโอนเงินไปให้เค้าก่อน เค้าถึงจะเซ็นต์และแฟกซ์กลับมาให้เรา  เราก็บอกไปว่าเค้าจะกลัวอะไรในเมื่อเค้าได้เงิน 5,000 บาทแรกเราไปแล้ว  แต่เราซิที่ไม่มีเอกสารอะไรของทางเค้าเลย ยังงัยก็ขอรบกวนเซ็นต์เอกสารให้เราด้วย  คนขายก็ยืนกรานไม่เซ็นต์   เราจึงพูดตรงๆ เลยว่า “พี่ไม่ใช่คนถือกรรมสิทธิ์รถคันนี้  เอกสารที่ถืออยู่เป็นชุดโอนลอยไว้  แล้วผู้ซื้อจะมั่นใจได้ยังงัยในเมื่อไม่มีอะไรเป็นของผู้ขายเลยด้วยซ้ำ”  เค้าก็บอกว่าอ๋อเข้าใจคุณละ ที่คุณยังไม่โอนเงินมัดจำเพิ่มอีก 5,000 บาท เพราะเรื่องนี้เอง  งั้นเค้าก็ขอพูดเลยว่ารถเค้าโอนได้ หากติดปัญหาอะไรของทางเค้า เค้ายินดีคืนเงินมัดจำให้ทั้งหมดเป็นจำนวน 10,000 บาท (เรามีหลักฐานการอัดคลิปเสียง “ร้องไห้หนักมาก  เพราะไม่สามารถทำอะไรได้เลย”)
เราก็ถามย้ำไปว่าจะคืนให้ทั้งหมดนะ  หากติดปัญหาของทางเค้าใช่มั้ย เค้าบอกใช่ เค้าก็บอกว่าคืนให้แน่นอน  สุดท้ายก็ให้โอนเงินมัดจำก่อน (กลับมาจุดเดิม)  เราก็บอกเซ็นต์มาให้ก่อนสิ จะเดินไปโอนให้เลยตอนนี้   เค้าจึงโวยวายมาว่า “ให้เราจ้างมอเตอร์ไซด์วินมาส่งสัญญาพร้อมจ่ายค่ามัดจำ เค้ายินดีจ่ายค่ามอเตอร์ไซด์ให้เลย  ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเค้านะ”  (เรานี้เงิบเลยขอบอก)  เราบอกว่ามันจะเป็นไปได้ยังงัยให้เราเอาเงินสด 5,000 บาทให้มอเตอร์ไซด์วินไป  เกิดเค้าไม่ไปส่งให้เราก็แย่ดิ   “เค้าก็บอกฝากคนรู้จัก เพื่อน ก็ได้ที่มาแถววงศ์สว่างนี่”   เราบอกไม่มีใครว่างไปทางนั้นหรอกค่ะ   เอาเป็นว่าเป็นวันอาทิตย์ได้มั้ย นัดเจอกัน   เพราะวันศุกร์ เสาร์  เราไปต่างจัดหวัด  “เค้าบอกไม่ใช่ปัญหาของทางเค้า  คุณไม่อยู่แล้วยังงัย ก็โอนเงินมาสิ  กว่าเค้าจะได้เงินก็วันอาทิตย์”   เราก็บอกว่าก็เซ็นต์มาก่อนสิ  จะไปโอนให้เลยวันนี้  สุดท้ายก็ไม่เซ็นต์   “เค้าก็บ่นๆ มาว่าซื้อขายกับเรามีปัญหาเยอะ”   เราเลยบอกไปว่างั้นเราไม่เอาก็ได้นะ รถคันนี้ เพราะรู้สึกว่าปัญหาเยอะเหมือนกัน   คนขายเงียบไปสักพัก    “ก็กลับมาเรื่องเอกสารสัญญาที่เราส่งไปทางแฟกซ์อ้างว่าไม่มีลายเซ็นต์เรา”  (ทั้งๆ ที่ในมือเราถือสัญญาชุดนี้อยู่ก็มีลายเซ็นต์)  “เค้าก็ยืนยันว่าไม่มี”  เราก็ยืนยันว่าเราเซ็นต์ไปแล้ว  ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร  งั้นจะส่งไปให้ใหม่  “เค้าก็บอกไม่ต้องละ  เอาเป็นว่าวันอาทิตย์ก็ได้ จะได้เซ็นต์สัญญาจะซื้อจะขาย  และรับเงินมัดจำเพิ่มต่อหน้ากันเลย”
หลังจากที่คุยกับคนขาย  ทางเรารู้สึกไม่ดี  เลยลองโทรเช็คกับคุณ ต.   ที่ติดต่อไฟแนนท์แห่งหนึ่งให้เราตั้งแต่แรกว่าคนขายแปลกๆ  ไม่รู้รถมีปัญหาอะไรหรือเปล่า  เร่งและจะเอาแต่เงินมัดจำเพิ่ม   เราจึงขอร้องคุณ ต.  คนนี้ให้ช่วยเช็คสำเนาเล่มทะเบียนให้เราได้มั้ย  เพราะก่อนจะจ่ายเงินค่ามัดจำเพิ่มอีก 5,000 บาท  ขอแน่ใจก่อน  แต่คุณ ต.  คนนี้แจ้งว่า  ไม่สามารถเช็คได้จนกว่าผู้ซื้อจะดำเนินการเซ็นต์สัญญากับไฟแนนท์ และทางทางไฟแนนท์อนุมัติ  เค้าถึงจะเช็ครถคันนี้ได้  โดยในวันที่เซ็นต์สัญญาคนซื้อไปที่บริษัทไฟแนนท์ฝ่ายเดียว  ส่วนคนขายทางไฟแนนท์จะนัดมาดูรถ พร้อมส่งรถ และตรวจในอีกวันหนึ่ง และบอกกับทางเราว่าถ้าคุยกับคนขายไม่โอเค ก็ทิ้งเงินมัดจำไปเถอะ  (เราก็อ้าวเช็คให้ไม่ได้ แถมยังมาบอกให้เราทิ้งเงินมัดจำอีก)  เราก็รู้สึกทะยิ้มๆ  แต่ก็ปล่อยผ่านไป  คิดว่าตัวเองอาจคิดมากไปก็ได้
ข่วงวันศุกร์และเสาร์  ที่เรากับแฟนทำธุระกันอะ  เราก็ลองโทรไปปรึกษากับบริษัทไฟแนนท์อีกแห่งหนึ่งที่รับรถปี 1999 นี้   ซึ่งจริงๆ กะจะให้เค้าจัดไฟแนนท์ให้ แต่เค้ามีเงื่อนไขว่าถ้าจัดกับเค้า เช็คที่สั่งจ่ายเมื่อทำเรื่องโอนรถ จะต้องเป็นชื่อของผู้ถือกรรมสิทธิ์ถึงจะจัดได้  เราเลยบอกว่าแต่รถคันนี้เค้ามีชุดโอนลอย เพราะคนขายให้เราไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์  เราก็เลยถามเจ้าหน้าที่ไฟแนนท์ท่านนี้ไปว่า แล้วทำไมเว็บไซด์รถมือสองชื่อดังจัดได้  เค้าเลยบอกว่าเค้าเป็นโบรกเกอร์ใหญ่ สามารถจ่ายเช็คในชื่อของคนที่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ได้  
ได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่ติดต่อกับคนขายให้เจ้าหน้าที่ไฟแนนท์ (ผช) แห่งนี้ฟัง (ขอเรียกเค้าว่า คุณ น.)   เค้าก็บอกว่าคนขายแปลกๆ จะเอาแต่เงินมัดจำ  (เค้าก็คิดเหมือนเราว่าแปลก)  เค้าก็บอกว่าจะเอารถคันนี้เหรอ  ดูแปลกๆ  ถอนตัวมั้ย เพราะเค้าอยู่วงการนี้มานาน  มีดีน้อย  ไม่ดีค่อนข้างเยอะนะ   เราก็ลังเลเหมือนกัน  เค้าก็บอกว่าเสียไปแล้ว 5,000 บาทก็เสียไปเถอะ  เพราะไม่รู้ว่ายังงัยเกิดเจอไม่ดีขึ้นมาจะเสียมากกว่านี้   “ซึ่งในตอนนั้นก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้อึ้งสุดๆ เป็นความรู้รอบตัวสำหรับการดูเล่มทะเบียน   ซึ่งถ้าไม่เจอไม่รู้เลยอะ ว่ามีแบบนี้ด้วย”
สุดท้ายเรากับแฟนเราก็คิดกันไว้ว่า  หากไปเจอคนขายในวันอาทิตย์ (08/11/15) พูดจาไม่ดี ดูไม่น่าไว้ใจ และถ้าขอลองรถระยะไกล และขอดูเอกสารชุดโอนลอย, เล่มทะเบียน   หากผู้ขายไม่โอเค ก็จะไม่เอาแล้วรถคันนี้  (เพราะในใจไม่อยากให้เงินเพิ่มอีก 5,000 บาท เพราะหลายสำนักบอกมาว่ามัดจำ 5,000 บาทก็น่าจะเพียงพอแล้ว ทำไมต้องจ่ายเพิ่ม)

ปล. แป๊ะไว้ก่อนค่ะ  จะมาเล่าต่อนะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่