เตือนคนไทยที่จะไปมาเลเซีย

กระทู้คำถาม
สัปดาห์ก่อนผมไปธุระกับแฟนที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพราะตั๋วเที่ยวกลับไม่มี มันเว้นไป 1 วันจึงอยู่เตร็ดเตร่ต่อ
เมืองเขาก็ดูเจริญดี โดยเฉพาะรถไฟฟ้า โมโนเรล รถเมลล์ก็ดูทันสมัยมาก ยกเว้นแท็คซี่ค่อนข้างโบราณ
คนมาเลยเซียชอบเดินห้าง กินกันทั้งวัน ห้างก็ปิดราว 5 ทุ่ม 4 ทุ่มคนยังเดินเติมถนนและเต็มห้าง
แต่ด้วยห้างเมืองไทยก็มีมาก ทันสมัยและของถูกกว่า ผมจึงไม่ได้เดินห้าง
ด้วยความชอบส่วนตัวด้วยจึงไปเดินดูสถานที่ๆ สำคัญต่างๆ แทน รวมไปถึงจุดท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ
จุดหนึ่งมีรวมหลายๆ อย่างไว้ทั้งมิวเซียมและสวนนกคือบริเวณ Perdana Botanical Garden
จากความที่เห็นคนส่วนใหญ่มอัธยาศัยดี ส่วหนึ่งเพราะมองโลกในแง่ดีว่ากฏหมายบ้านเขารุ่นแรง แบบพกอาวุธก็ถูกจับแขวนคอได้  ก็เลยไม่ได้ระวังตัวอะไรมาก

และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิด
ผมกับแฟนเดินลัดออกจากสถานีรถไป  Pasar Seni เพื่อไปยังสวนดังกล่าว
ระหว่างทางเดินผ่านสวนหย่อมใกล้ City Carpark
ระหว่างเดินก็คิดๆ อยู่ว่า
1.    สะพายกล้อง ดูเป็นนักท่องเที่ยวไปหน่อย (เมืองไทยคนสะพายปกติแต่ที่นี่ไม่ค่อยมีใครสะพายกล้องกัน) ด้วยหน้าตา ถ้าไม่สะพายกล้องก็ดูไม่ต่างจากคนท้องถิ่น
2.    สวนหย่อมตรงนั้นค่อนข้างเปลี่ยวแม้จะเป็นกลางวัน (แต่คิดว่าคนเขาชอบเดินห้างเลยไม่ค่อยมีใครมา)

ณ จุดเปลี่ยวนั้น แฟนที่ไปด้วยกัน ขอหยุด เอาทรายออกจากรองเท้า ผมก็เลยเอาแผนที่มากางดูเส้นทาง
แล้จู่ๆ ก็มีรถยนต์มาจอด ผมก็เข้าใจว่าเขาจะถามทาง เลยบอกเขาไปว่าเราเป็น Tourist ไม่รู้ทางหรอก
แต่เมื่อเข้าไปใกล้ เขาบอกว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ ขอดู Passport หน่อย ตอนนั้นก็เริ่มงงๆ ชีวิตว่าเอาให้เขาดูทำไม แล้วช่วงเปิดเป้หา Passport เขาก็หยิบกระเป๋าสตางค์ไปดู บอกขอเช็คหน่อย ผมก็ให้ดูแบบงงๆ ปากพยายามจะถามว่าคุณเป็นตำรวจหรอ มีบัตรหรือเปล่า ก็ถามแต่ไม่ได้คำตอบและไม่ได้ยื้ออะไรเขา (แปลกใจตัวเองเหมือนกัน)

แฟนผมเขาก็รู้สึกว่าผมคุยอะไรกับคนแปลกหน้า จะเข้ามาถาม
ตัวผมเองก็ไม่มีอะไร เพราะพกเงินไม่มาก และก็เห็นว่าไม่มีอะไร (แต่เหมือนยังไม่รู้สึกตัว) รู้แค่ไม่มีอะไรสูญหาย
และก็กลายเป็นว่า ผมกลับถอยออกมาแล้วบอกว่าให้เขาเช็คสิ
แฟนผมก็เปิดกระเป๋าให้เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ทำไมก็ไม่รู้ (อีกเหมือนกัน)
ยังดีที่แฟนผมคิดว่าเงินเป็นของเขา เลยพยายามยื้อกันแบบเอาตัวเข้าไปในรถพักนึง
ผมก็ยังยืนไม่รู้เรื่อง แทนที่น่าจะช่วยยื้อหรือทำอะไรสักอย่าง
สุดท้ายยื้อเงินและกระเป๋ากลับมา คนแปลกหน้าก็รีบขับรถออกไป
แล้วแฟนผมก็เริ่มสั่นเพราะบอกว่าเงินถูกฉกหายไปหมื่นกว่าบาท
มันคือเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง แต่กลับถูกเอาไปง่ายๆ

เวลาที่เกิดมันเร็วมาก
สติผมกลับมาแต่ก็รู้ว่าโดนซะแล้ว และรู้ว่าคงทำอะไรไม่ได้
ก็ได้แต่ปลอบแฟน ให้หายสั่น โดยหายใจลึกๆ ตั้งสติย้อนคิดก็ว่าเกิดอะไรขึ้น
เราคิดว่า มันต้องมีอะไรสักอย่างทำให้ผมและแฟนขาดสติกันไปได้
โดยสันดานของผม ถ้ามีอะไรแปลกแบบนี้ ผมจะหยุดถามก่อน และคิดอะไรอีกหลายๆ อย่างว่าจะทำยังไง
ไม่ยอมให้ดูกระเป๋าเงินง่ายๆ แบบนี้แน่

ตอนมีสติก็คุยกันแบบปลอบใจตัวเองกับเงินที่เสียไปว่า
ถ้าเราไม่ยอม ยื้อเขาหรือวิ่งหนี เขาอาจจะตามมาทำร้าย อาจจะบาดเจ็บ
แฟนอาจจะถูกลากขึ้นรถไป แล้วก็ถูกเอากระเป๋าและของอื่นไปมากกว่านี้
ฟาดเคราะห์แค่เสียเงิน ก็ยังดีกว่าเจอเรื่องอื่นๆ ที่อาจจะแย่กว่านี้

เหตุการณ์นี้บอกให้เรารู้ว่า เราให้ระวังกว่านี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนไม่ใช่แค่เพียงมาเลเซีย
และอยากจะบอกทุกคนที่จะเดินทางไปยังประเทศที่ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าปลอดภัย สิ่งที่ควรทำคือ
1.    พกเงินเท่าที่จำเป็น อย่าพกเงินมาก เพราะถึงไม่โดนฉก แต่ถ้าหาย ก็เสียดายมาก และเงินเยอะก็ล่อตาล่อใจมิชฉาชีพอยู่ดี
2.    แยกเงินพกไม่เก็บไว้ที่เดียว
3.    เช็คข้อมูลก่อนไปในที่ๆ เราไม่คุ้นว่าสถานที่ไหนไม่ควรไป หรือควรระวังให้มาก
4.    หัดภาษาถิ่นซัก 2-3 คำที่น่าจะทำให้พวกมิชฉาชีพกลัว เช่น โน่นคุณตำรวจ เป็นต้น
5.    อย่าแต่งตัวดูเป็นพวกนักท่องเที่ยวเกินไป แต่งตัวให้รัดกุม
6.    ไปกับ Public transport หรือรถที่เขาจัดเตรียมสำหรับนักท่องเที่ยว แพงแต่ก็ปลอดภัยกว่า

เรื่องนี้ใครจะมองว่าผมโง่ – บื้อเอง ก็ยอมครับ
แต่ที่เขียนมาเล่าให้ฟัง เพราะอยากจะช่วยเตือนสติ
โดยเฉพาะนักเดินทางที่ชอบเดินทางไปที่ต่างๆ ด้วยตนเอง
เพราะไม่อยากให้เจอเหตุการณ์แบบที่ผมเจอมาครับ
มันเสียทั้งเงินเสียทั้งความรู้สึกครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
แค่คิดว่าคนมาเลย์อัธยาศัยดีนี่ก็ผิดแล้วค่ะ นิสัยส่วนมากจะเอาแต่พวกตัวเองเป็นหลัก คนมลายู คนจีน คนอินเดีย แบ่งกันชัดเจนเป็นก๊กเป็นเหล่า (อยู่ร่วมกันได้ ทำงานด้วยกันได้ แต่ไม่สนิทใจ 100%)  เราเองเป็นลูกเสี้ยวที่หน้าตาออกจะมลายู่แท้ๆ แต่พอเห็นพูดมลายูไม่ได้ยังจ้องจะเอาเปรียบเราเลย อีกอย่างคืออาชญากรรมใน KL ไม่ได้ต่ำกว่าเมืองไทยเลยนะคะ กระชากกระเป๋า จี้เงินนักท่องเที่ยวก็ยังมีให้เห็นอยู่ทุกวัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่