.
คำว่า คอรัปชั่น (corruption) คือคำที่เราใช้เรียกทับศัพท์ตามสมัยนิยม แทนคำว่า"
ฉ้อราษฎร์บังหลวง" ซึ่งความหมายคือ การทุจริตโดยใช้หรืออาศัยตำแหน่งหน้าที่อำนาจและอิทธิพลที่ตนมีอยู่เพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่นรวมถึงการเลือกที่รักมักที่ชัง การเห็นแก่ญาติพี่น้องกินสินบน การใช้ระบบอุปถัมภ์ และความไม่เป็นธรรมอื่นๆที่ข้าราชการหรือบุคคลใดใช้เป็นเครื่องมือในการลิดรอนความเป็นธรรมและความถูกต้องตามกฎหมาย
สังคมปัจจุบันเป็นที่รู้กันดีว่า การคอรัปชั่นในประเทศไทยเป็นปัญหามากแม้จะมีมาตรการป้องกันและแก้ไขก็ไม่สามารถขจัดปัญหาคอรัปชั่นให้หมดไปจากสังคมไทยได้ ประเด็นของกะทู้นี้มีแค่อย่างเดียว คือ
ทำไม..จึงเป็นเช่นนั้น
มีหลายคนพยายามจะโยนความผิดให้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ว่าเป็นตัวการทำให้คนไทยดำรงชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ใช้เงินมากกว่ารายได้ และเป็นที่มาของการคอรัปชั่นเพื่อหารายได้มาตอบสนองความไม่รู้จักพอของคนไทยในสมัยนี้ แถมยกคำว่า“เศรษฐกิจพอเพียง” มาเอ่ยอ้าง และชักชวนชี้นำว่าเป็นระบบเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งฟังแล้วดูดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ระบบเศรษฐกิจไม่ใช่ตัวปัญหาที่ก่อให้เกิดการคอรัปชั่น
เพราะในต่างประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเต็มรูปแบบ เขาก็ไม่ได้มีปัญหาคอรัปชั่นเหมือเรา ไม่ต้องยกตัวอย่างที่ไหนไกล ดูอย่างเช่น สิงคโปร์ ที่ได้รับการยกย่องว่าประเทศเขานั้น เป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดเป็นลำดับต้นๆของโลก
แล้วอะไรล่ะ..? ที่ทำให้คนไทยมีนิสัย “ขี้โกง” เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ตอนแรกผมอยากจะตอบว่า เป็นเพราะประเทศไทย ใช้ระบบ
ศักดินาอุปถัมภ์ ปกครองประเทศมาอย่างยาวนาน และเจ้าขุนมูลนายในสมัยก่อน ที่เพาะบ่มนิสัย “ขี้โกง” ให้อยู่ใน “กำพืด” ในแวดวงชนชั้นปกครอง และลุกลามไปในทุกส่วนของชนชั้นสังคม
แม้จะเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ใน ปี 2475 แต่ระบบศักดินาอุปถัมภ์ ก็ยังคงอยู่ในชนชั้นคนกลุ่มเดิม คือขุนนาง หรือที่รู้จักกันในภายหลังว่า ข้าราชการ
คนกลุ่มนี้ก็ยังยึดมั่นในระบบ อุปถัมภ์มิเสื่อมคลาย และยังถือตนเองว่าสูงกว่าคนอื่น วางท่าเจ้ายศเจ้าอย่าง ชอบให้ผู้คนเข้ามากราบไหว้ พินอบพิเทา เกรงอกเกรงใจ ทั้งๆที่ผลตอบแทนที่ตนเองได้รับนั้น ล้วนมาจากเงินภาษีของประชาชน
แต่ผมก็ไม่สามารถโทษระบบอุปถัมภ์ได้อย่างเต็มที่ ว่าเป็นตัวการที่ทำให้ประเทศของเรามีการคอรัปชั่นอย่างมากมาย คล้ายๆว่าเป็นเรื่องที่แทบจะทำได้อย่างเปิดเผย
เพราะว่าที่จริงแล้วเรามีวิธการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นที่เกิดจากระบบอุปถัมภ์อยู่แล้ว เพียงแต่มันไม่เคยทำหน้าที่ได้อย่างวัตถุประสงค์เลย ดังนั้นตัวการที่แท้จริงของปัญหาคอรัปชั่นในเมืองไทย ก็คือ
ระบบการตรวจสอบที่ล้มเหลว เพราะในระบบการตรวจสอบของเรา ก็ยังมีระบบอุปถัมภ์แทรกซึมอยู่ในทุกองค์กร
กรณีการเบิกจ่ายงบสัมมาของหน่วนงาน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สตง น่าจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ว่าระบบการตรวจสอบของเรานั้นมีปัญหาเพียงใด ขนาดผู้นำหน่วยงานการตรวจสอบ ยังโกง ก็ไม่ต้องพูดถึงเจ้าหน้าที่ในระดับล่าง ปปช.ไทย ขึ้นชื่อลือชาแค่ไหน เคยถูก PERC (Political and Economic Risk Consultancy)จัดอันดับให้ รั้งท้ายในภูมิภาคมาแล้ว
องค์กรอิสระเรามีมากมาย แต่กลับเลือกทำหน้าที่ตรวจสอบเฉพาะบางกรณีเท่านั้น กระแสข่าวการทุจริตคอรัปชั่นในบางหน่วยงานอย่างโจ่งแจ้ง และอยู่ในอำนาจหน้าที่การตรวจสอบของตัวเอง ย่างกรณี “อุทยาน” ก็กลับนิ่งเฉย ปล่อยให้หน่วยงานนั้นๆตรวจสอบซักฟอกกันเอง นั้นเข้าข่าย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือเปล่า..? เชี่ยวชาญกฎหมายกันดีอยู่แล้ว ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ
ซึ่งสรุปประเด็นก็คือ ปัญหาคอรัปชั่น ของเรานั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะแก้ไข เพราะเรามีหน่วยงานตรวจสอบมากมายอยู่แล้ว เพียงแต่ที่การคอรัปชั่นยังเป็นปัญหาอยู่
นั้นก็เพราะบุคลากรในองค์กรการตรวจสอบของเรานั้น “ห่วย” ไร้ประสิทธิภาพ เกินไปที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ เพราะบุคลากรที่เรามีอยู่นั้น ต่างคุ้นเคยที่จะใช้ระบบอุปถัมภ์ศักดินาในการทำหน้าที่ มากกว่าจะกำจัดระบบอุปถัมภ์ ตามหน้าที่ที่ตัวเองควรทำ
ปล.กะทู้นี้ถูกตั้งขึ้นเพราะ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสุจริตใจ ไม่ได้มีเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และไม่ขัดต่อประกาศ คสช ฉบับที่ 97.
(1) ข้อความอันเป็นเท็จ หรือที่ส่งไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
(2) ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทบุคคลอื่น
(3) การวิพากษ์ วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง
(4) ข้อมูลเสียง ภาพ วีดิทัศน์ ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ
(5) ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร
(6) การชักชวน ซ่องสุม ให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(7) การขู่จะประทุษร้ายหรือทำร้ายบุคคล อันนำไปสู่ความตื่นตระหนก หวาดกลัวแก่ประชาชน
และผมยินดีที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของเว็บบอร์ดแห่งนี้ทุกประการ ซึ่งถ้าที่สุดแล้ว wm หรือฝ่ายกฎหมายเห็นว่ากะทู้นี้เข้าข่ายผิดกฎหมาย แล้วลบกะทู้
แต่กรุณาชี้แจ้งให้กระผมทราบด้วย ว่าผิดกฎหมายมาตราใด หรือขัดกับประกาศ คสช.ฉบับไหน เพราะตัวผมเองก็ไม่ได้ศึกษากฎหมายอย่างลึกซึ้งจนเข้าใจในทุกมาตรา แต่ก็ศึกษาหาความรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองตลอดมา และถ้าหากท่านชี้แจงว่า ลบกะทู้นี้เพราะผิดกฎหมายในมาตราใด ผมจะได้เข้าใจมากขึ้น และปฏิบัติตัวในอยู่ในของเขตของกฎหมาย และกฎระเบียบของเว็บไซต์
ขอบคุณครับ
*แก้ไขคำผิด
ทำไม..? ประเทศไทยถึงมีแต่ปัญหาคอรัปชั่น
คำว่า คอรัปชั่น (corruption) คือคำที่เราใช้เรียกทับศัพท์ตามสมัยนิยม แทนคำว่า"ฉ้อราษฎร์บังหลวง" ซึ่งความหมายคือ การทุจริตโดยใช้หรืออาศัยตำแหน่งหน้าที่อำนาจและอิทธิพลที่ตนมีอยู่เพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่นรวมถึงการเลือกที่รักมักที่ชัง การเห็นแก่ญาติพี่น้องกินสินบน การใช้ระบบอุปถัมภ์ และความไม่เป็นธรรมอื่นๆที่ข้าราชการหรือบุคคลใดใช้เป็นเครื่องมือในการลิดรอนความเป็นธรรมและความถูกต้องตามกฎหมาย
สังคมปัจจุบันเป็นที่รู้กันดีว่า การคอรัปชั่นในประเทศไทยเป็นปัญหามากแม้จะมีมาตรการป้องกันและแก้ไขก็ไม่สามารถขจัดปัญหาคอรัปชั่นให้หมดไปจากสังคมไทยได้ ประเด็นของกะทู้นี้มีแค่อย่างเดียว คือ ทำไม..จึงเป็นเช่นนั้น
มีหลายคนพยายามจะโยนความผิดให้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ว่าเป็นตัวการทำให้คนไทยดำรงชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ใช้เงินมากกว่ารายได้ และเป็นที่มาของการคอรัปชั่นเพื่อหารายได้มาตอบสนองความไม่รู้จักพอของคนไทยในสมัยนี้ แถมยกคำว่า“เศรษฐกิจพอเพียง” มาเอ่ยอ้าง และชักชวนชี้นำว่าเป็นระบบเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งฟังแล้วดูดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ระบบเศรษฐกิจไม่ใช่ตัวปัญหาที่ก่อให้เกิดการคอรัปชั่น
เพราะในต่างประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเต็มรูปแบบ เขาก็ไม่ได้มีปัญหาคอรัปชั่นเหมือเรา ไม่ต้องยกตัวอย่างที่ไหนไกล ดูอย่างเช่น สิงคโปร์ ที่ได้รับการยกย่องว่าประเทศเขานั้น เป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่นน้อยที่สุดเป็นลำดับต้นๆของโลก
แล้วอะไรล่ะ..? ที่ทำให้คนไทยมีนิสัย “ขี้โกง” เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ตอนแรกผมอยากจะตอบว่า เป็นเพราะประเทศไทย ใช้ระบบศักดินาอุปถัมภ์ ปกครองประเทศมาอย่างยาวนาน และเจ้าขุนมูลนายในสมัยก่อน ที่เพาะบ่มนิสัย “ขี้โกง” ให้อยู่ใน “กำพืด” ในแวดวงชนชั้นปกครอง และลุกลามไปในทุกส่วนของชนชั้นสังคม
แม้จะเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ใน ปี 2475 แต่ระบบศักดินาอุปถัมภ์ ก็ยังคงอยู่ในชนชั้นคนกลุ่มเดิม คือขุนนาง หรือที่รู้จักกันในภายหลังว่า ข้าราชการ คนกลุ่มนี้ก็ยังยึดมั่นในระบบ อุปถัมภ์มิเสื่อมคลาย และยังถือตนเองว่าสูงกว่าคนอื่น วางท่าเจ้ายศเจ้าอย่าง ชอบให้ผู้คนเข้ามากราบไหว้ พินอบพิเทา เกรงอกเกรงใจ ทั้งๆที่ผลตอบแทนที่ตนเองได้รับนั้น ล้วนมาจากเงินภาษีของประชาชน
แต่ผมก็ไม่สามารถโทษระบบอุปถัมภ์ได้อย่างเต็มที่ ว่าเป็นตัวการที่ทำให้ประเทศของเรามีการคอรัปชั่นอย่างมากมาย คล้ายๆว่าเป็นเรื่องที่แทบจะทำได้อย่างเปิดเผย
เพราะว่าที่จริงแล้วเรามีวิธการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นที่เกิดจากระบบอุปถัมภ์อยู่แล้ว เพียงแต่มันไม่เคยทำหน้าที่ได้อย่างวัตถุประสงค์เลย ดังนั้นตัวการที่แท้จริงของปัญหาคอรัปชั่นในเมืองไทย ก็คือ ระบบการตรวจสอบที่ล้มเหลว เพราะในระบบการตรวจสอบของเรา ก็ยังมีระบบอุปถัมภ์แทรกซึมอยู่ในทุกองค์กร
กรณีการเบิกจ่ายงบสัมมาของหน่วนงาน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สตง น่าจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ว่าระบบการตรวจสอบของเรานั้นมีปัญหาเพียงใด ขนาดผู้นำหน่วยงานการตรวจสอบ ยังโกง ก็ไม่ต้องพูดถึงเจ้าหน้าที่ในระดับล่าง ปปช.ไทย ขึ้นชื่อลือชาแค่ไหน เคยถูก PERC (Political and Economic Risk Consultancy)จัดอันดับให้ รั้งท้ายในภูมิภาคมาแล้ว
องค์กรอิสระเรามีมากมาย แต่กลับเลือกทำหน้าที่ตรวจสอบเฉพาะบางกรณีเท่านั้น กระแสข่าวการทุจริตคอรัปชั่นในบางหน่วยงานอย่างโจ่งแจ้ง และอยู่ในอำนาจหน้าที่การตรวจสอบของตัวเอง ย่างกรณี “อุทยาน” ก็กลับนิ่งเฉย ปล่อยให้หน่วยงานนั้นๆตรวจสอบซักฟอกกันเอง นั้นเข้าข่าย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือเปล่า..? เชี่ยวชาญกฎหมายกันดีอยู่แล้ว ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ
ซึ่งสรุปประเด็นก็คือ ปัญหาคอรัปชั่น ของเรานั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะแก้ไข เพราะเรามีหน่วยงานตรวจสอบมากมายอยู่แล้ว เพียงแต่ที่การคอรัปชั่นยังเป็นปัญหาอยู่ นั้นก็เพราะบุคลากรในองค์กรการตรวจสอบของเรานั้น “ห่วย” ไร้ประสิทธิภาพ เกินไปที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ เพราะบุคลากรที่เรามีอยู่นั้น ต่างคุ้นเคยที่จะใช้ระบบอุปถัมภ์ศักดินาในการทำหน้าที่ มากกว่าจะกำจัดระบบอุปถัมภ์ ตามหน้าที่ที่ตัวเองควรทำ
ปล.กะทู้นี้ถูกตั้งขึ้นเพราะ เป็นการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสุจริตใจ ไม่ได้มีเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และไม่ขัดต่อประกาศ คสช ฉบับที่ 97.
(1) ข้อความอันเป็นเท็จ หรือที่ส่งไปในทางหมิ่นประมาท หรือสร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
(2) ข่าวสารที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมทั้งหมิ่นประมาทบุคคลอื่น
(3) การวิพากษ์ วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง
(4) ข้อมูลเสียง ภาพ วีดิทัศน์ ความลับของการปฏิบัติงานของหน่วยราชการต่างๆ
(5) ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร
(6) การชักชวน ซ่องสุม ให้มีการรวมกลุ่มก่อการอันเกิดการต่อต้านเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(7) การขู่จะประทุษร้ายหรือทำร้ายบุคคล อันนำไปสู่ความตื่นตระหนก หวาดกลัวแก่ประชาชน
และผมยินดีที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของเว็บบอร์ดแห่งนี้ทุกประการ ซึ่งถ้าที่สุดแล้ว wm หรือฝ่ายกฎหมายเห็นว่ากะทู้นี้เข้าข่ายผิดกฎหมาย แล้วลบกะทู้ แต่กรุณาชี้แจ้งให้กระผมทราบด้วย ว่าผิดกฎหมายมาตราใด หรือขัดกับประกาศ คสช.ฉบับไหน เพราะตัวผมเองก็ไม่ได้ศึกษากฎหมายอย่างลึกซึ้งจนเข้าใจในทุกมาตรา แต่ก็ศึกษาหาความรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองตลอดมา และถ้าหากท่านชี้แจงว่า ลบกะทู้นี้เพราะผิดกฎหมายในมาตราใด ผมจะได้เข้าใจมากขึ้น และปฏิบัติตัวในอยู่ในของเขตของกฎหมาย และกฎระเบียบของเว็บไซต์
ขอบคุณครับ
*แก้ไขคำผิด