เรื่องของนางพระสิงคาลมาตาเถรี ผู้มีความเป็นเลิศในด้านพ้นกิเลสด้วยศรัทธา

สิงคาลมาตาเถริยาปทานที่ ๔
ว่าด้วยบุพจริยาของพระสิงคาลมาตาเถรี

[๑๗๔]     ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้ พระพิชิตมารผู้เป็นนายกของโลกพระนามว่าปทุมุตระ
ทรงรู้จบธรรมทั้งปวงเสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้น ดิฉันเกิดในสกุลอำมาตย์ที่รุ่งเรืองด้วยรัตนะต่างๆ เป็นตระกูลมั่งคั่ง เจริญ มีทรัพย์มาก ในพระนครหงสวดี
ดิฉันมีมหาชนเป็นบริวารไปกับบิดา ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วออกบวชเป็นภิกษุณี

ครั้นบวชแล้ว เว้นบาปกรรมทางกาย ละวจีทุจริตชำระ อาชีวะบริสุทธิ์
มีความเลื่อมใสเพราะเคารพมากในพระพุทธเจ้าพระธรรม และพระสงฆ์ ขวนขวายในการฟังธรรม
มีความเห็นพระพุทธเจ้าเป็นปกติ

ในครั้งนั้น ดิฉันได้ฟังภิกษุณีองค์หนึ่งซึ่งเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย ฝ่ายสัทธาธิมุติ
จึงปรากฏตำแหน่งนั้นแล้วได้บำเพ็ญไตรสิกขา

ครั้งนั้น พระสุคตเจ้าผู้มีพระอัธยาศัยประกอบด้วยกรุณา
ตรัสกะดิฉันว่าบุคคลผู้มีศรัทธาไม่หวั่นไหว ตั้งมั่นดีในพระตถาคต มีศีลงามที่พระอริยะรักใคร่สรรเสริญ
มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ มีความเห็นตรง นักปราชญ์เรียกผู้นั้นว่า เป็นผู้ไม่ขัดสน ชีวิตของผู้นั้นไม่เป็นหมัน
เพราะฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญา เมื่อระลึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พึงหมั่นประกอบศรัทธา ศีล
ความเลื่อมใสและความเห็นธรรม

ดิฉันได้ฟังพระพุทธดำรัสนั้นแล้ว มีความเบิกบานใจ ได้ทูลถามถึงความปรารถนาดีของดิฉัน
ครั้งนั้นพระสุคตเจ้าผู้นำชั้นพิเศษผู้มีปัญญาไม่ทราม มีพระคุณนับไม่ถ้วน
ทรงพยากรณ์ว่าท่านเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า มีธรรมงาม จักได้ตำแหน่งนั้นที่ท่านปรารถนาดีแล้วในกัปที่หนึ่งแสนแต่กัปนี้
พระศาสดาพระนามว่าโคดม มีสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก
ท่านจักได้เป็นธรรมทายาทแห่งพระศาสดาพระองค์นั้น จักเป็นโอรสอันธรรมนิรมิต
เป็นมารดาแห่งสิงคาลมาณพ จักได้เป็นสาวิกาของพระศาสดาครั้งนั้น

ดิฉันได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว มีความยินดี มีจิตประกอบด้วยเมตตา บำรุงพระพิชิตมารผู้เป็นนายกของโลก
ด้วยความปฏิบัติทั้งหลาย จนสิ้นชีวิต

ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้วนั้นและด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ ดิฉันละร่างกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในภพหลังครั้งนี้ ดิฉันเกิดในสกุลเศรษฐีมีความเจริญ สั่งสมรัตนะไว้มาก ในพระนครราชคฤห์อันอุดม
บุตรของดิฉันชื่อสิงคาลมณพ ยินดีในทางผิด แล่นไปสู่ทิฏฐิอันรกชัฏ มีการบูชาทิศเป็นเบื้องหน้า ย่อมไหว้ทิศต่างๆ

พระพุทธเจ้าผู้นำชั้นพิเศษ เสด็จเข้าไปสู่พระนครราชคฤห์เพื่อทรงรับบิณฑบาต ทอดพระเนตรเห็นบุตรของดิฉันแล้ว
ประทับอยู่ที่หนทาง ตรัสแสดงธรรมแก่บุตรของดิฉัน แต่เขายังมีความเห็นผิดอยู่อย่างเดิม
ธรรมาภิสมัยได้มีแก่บุรุษและสตรี ๒ โกฏิ
ครั้งนั้นดิฉันไปในที่ประชุมนั้นได้ฟังสุคตภาษิตแล้ว ได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้วออกบวชเป็นภิกษุณี ได้เห็นพระพุทธเจ้าเป็นปกติ
เจริญพุทธานุสสติอยู่ไม่นาน ก็ได้บรรลุอรหัตผล ดิฉันได้เห็นพระพุทธเจ้าอยู่ร่ำไปมิได้เบื่อชมพระรูปเป็นที่เพลินตา
เป็นพระรูปที่เกิดแต่พระบารมีทั้งปวง เป็นดังว่าเรือนหลวงที่ประกอบด้วยสิริมีพระลักษณะงามทั่วไป
พระพิชิตมารโปรดในคุณสมบัตินั้น จึงทรงตั้งดิฉันไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า
ภิกษุณีมารดาของสิงคาลมาณพเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายฝ่ายสัทธาธิมุต

ข้าแต่พระมหามุนีหม่อมฉันเป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์ มีความชำนาญในทิพโสตธาตุมีความชำนาญในเจโตปริยญาณ
ย่อมรู้ปุพเพนิวาสญาณและทิพจักษุอันหมดจดวิเศษ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว บัดนี้ ภพใหม่มิได้มีอีก
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันมีญาณในอรรถะ ธรรมะ นิรุตติ และปฏิภาณ เกิดขึ้นในสำนักของพระองค์
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.
             
ทราบว่า ท่านพระภิกษุณีมารดาสิงคาลมาณพได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.

จบสิงคาลมาตาเถริยาปทาน.

จาก http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=6367&Z=6421

ข้อสังเกต... พระสิงคาลมาตาเถรี ท่านมีศรัทธาแล้วมิใช่ศรัทธาเฉยๆ แต่ศรัทธานั้นนำท่านให้ประกอบกิจในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
และผู้มีสัทธาจริต พึงยึดกรรมฐานด้านอนุสสติ ทั้ง ๖ เป็นกำลัง(บทใดบทหนึ่ง) มีพุทธานุสสติ เป็นต้น

เห็นพระพุทธเจ้าเป็นปกติ... อย่างเราก็ได้แต่เห็นพระพุทธรูปกระมัง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่