คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ยังงานทำไปเรื่อยๆอยู่ ลงทุนอสังหาไว้หลายแห่ง หักภาษี,ค่าใช้จ่ายแล้วได้เดือนละ4หมื่น(แถมมูลค่ามันเพิ่มขึ้นทุกปี)
ถ้าจะแบบมั่นคงควรจะมีรายได้Passive income เดือนละ1-2แสน ถึงจะพออยู่ได้ในอนาคตครับ เงินเฟ้อขึ้นทุกปี
ยกตัวอย่าง10ปีก่อนข้าวแกง20-30 ปัจจุบัน40-70(นี่แบบร้านพื้นๆ) อีก10ปีข้างหน้าข้าวซักจาน อาจจะแตะ100กว่าบาท ยกเว้นอยู่ตจว.มีที่มีทาง มีผลผลิตทางการเกษตรอาจจะอยู่ได้วันๆแทบไม่ต้องควักเงินใช้ เพียงแต่เผื่อไว้ด้านรักษาพยาบาลครับ ตรงนี้โหดมาก ป่วยไรหนักๆถ้ารอคิวรพ.รัฐไม่ไหว เข้าเอกชน เงินล้านอาจจะต้องมีทีเดียว
ถ้าจะแบบมั่นคงควรจะมีรายได้Passive income เดือนละ1-2แสน ถึงจะพออยู่ได้ในอนาคตครับ เงินเฟ้อขึ้นทุกปี
ยกตัวอย่าง10ปีก่อนข้าวแกง20-30 ปัจจุบัน40-70(นี่แบบร้านพื้นๆ) อีก10ปีข้างหน้าข้าวซักจาน อาจจะแตะ100กว่าบาท ยกเว้นอยู่ตจว.มีที่มีทาง มีผลผลิตทางการเกษตรอาจจะอยู่ได้วันๆแทบไม่ต้องควักเงินใช้ เพียงแต่เผื่อไว้ด้านรักษาพยาบาลครับ ตรงนี้โหดมาก ป่วยไรหนักๆถ้ารอคิวรพ.รัฐไม่ไหว เข้าเอกชน เงินล้านอาจจะต้องมีทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
คำว่าอิสรภาพทางการเงินของแต่ละท่านคือ ที่เท่าไหร่ครับ
เงินใน bond/ กองผสม สัก 10 ล้าน ได้ 4% ประมาณ 4 แสนบาทต่อปี
เงินใน stock สัก 10 ล้าน ได้ปันผล 4% ประมาณ 4 แสนบาทต่อปี
เงินใน กองต่างประเทศและ LTF สัก 5 ล้าน ไม่คิดปันผลละกัน
เงินสดไว้ในพอร์ตรอตอนซื้อหุ้นตก สัก 5 ล้าน ไว้ในพอร์ตได้ 5 หมื่นบาทต่อปี
ตอนนี้ อายุ 33 เดินทางมาได้ 20% ของเป้า ไม่รู้จะถึงเมื่อไหร่ ถ้าถึงได้คงมีอิสรภาพทางใจไม่น้อย