พละ ติดเชื้อ HIV
ไม่น่ากลัว ป้องกันได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็น AIDs
AIDs หมายถึง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่กำเนิด
เชื้อ HIV เป็นสาเหตุหนึ่งของโรค AIDs
เพราะเมื่อเชื้อไวรัสแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากพอที่จะสามารถก่อโรค
ไวรัสก็จะไปก่ออาการต่างๆตามสายพันธ์ุของมัน
ไข้เลือดออกเกิดจากไวรัสเดงกี่
ตับอักเสบบางสาเหตุก็เกิดจากไวรัสตับอักเสบ
ส่วน HIV จะไปทำลายเซลเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสที่น่ากลัว เช่น วัณโรค เริม งูสวัส หรือ ติดเชื้อราในกระแสเลือด
ย้ำอีกที HIV ยังไม่เป็น AIDs จนกว่าจำนวนไวรัสจะมากพอที่จะทำลายเม็ดเลือดขาวให้ต่ำกว่าระดับที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
ดังนั้น
การรับประทานยาต้าน HIV จะช่วยกดจำนวนเชื้อเอาไว้ ไม่ให้แสดงอาการของ AIDs
การรับประทานยาอย่างตรงเวลาจะช่วยให้ระดับยาในเลือดสม่ำเสมอเพียงพอต่อการกดจำนวนเชื้อเอาไว้ตลอดทั้งวัน
ไม่มีช่วงที่ระดับยาตกจากระดับต่ำสุดที่ใช้ทำลายเชื้อ(ช่วงนี้เชื้อมีโอกาสกลายพันธุ์) ซึ่งจะเสี่ยงต่อการทำให้เชื้อดื้อยา
ในซีรี่ย์ดูคุณยายจะเข้มงวดกับพละมาก จนในสายตาของคนหลายคนดูว่า คุณยายทำเกินไป
แต่เมื่อฟังว่า พละได้เชื้อมาจากแม่ ซึ่งได้รับเชื้อมาจากพ่ออีกที
จึงต้องถอยอายุตัวละครไปจนขวบครึ่ง
สมัยก่อน
อินเตอร์เน็ตยังไม่ได้แพร่หลายชนิดมีอยู่ในมือกันทุกคน
โรคเอดส์เป็นโรคที่รักษาไม่หายและเป็นแล้วตายแน่
( จริงๆแล้ว ทุกโรคถ้าเป็นหนักๆก็มีโอกาสตายได้หมดนะครับ )
โรคเอดส์เป็นโรคติดต่อทางเพศ ดังนั้น คนที่มีเชื้อ HIV ต้องชอบเที่ยวผู้หญิง เจ้าชู้
โรคเอดส์เป็นโรคติดต่อจากการใช้เข็มฉีดยา ดังนั้น คนที่มีเชื้อ HIV ต้องติดยาเสพติด
โรคเอดส์เป็นโรคที่มักพบในกลุ่มเพศที่สามโดยเฉพาะชายรักชาย ดังนั้น คนที่มีเชื้อ HIV ต้องเป็นกระเทยหรือไม่ก็เกย์
โรคเอดส์ถูกใช้เป็นเครื่องมือสอนศีลธรรมในลักษณะการลงโทษเชิงบาปกรรมอย่างน่ากลัว
และตรรกกะป่วยๆอีกมากมาย
ที่จริงแล้วก็มีส่วนที่เป็นไปตามนั้นอยู่
แต่เพราะตรรกะคำตอบเดียวแบบนี้
ทำให้กลุ่มผู้รับเคราะห์ ตกเป็น เหยื่อ ของสังคม โดยเฉพาะคำว่า สังคมรังเกียจ
เชื้อ HIV ติดต่อทางสารคัดหลั่ง เลือด น้ำเหลือง
แต่สมัยก่อน
บ้านใดมีผู้ป่วยเอดส์ บ้านนั้นถึงกับต้องย้ายบ้านหนีสังคมรอบข้าง
ผู้ป่วยต้องลงทุนเดินทางไกลไปรักษาตัวให้ห่างจากภูมิลำเนามากที่สุด
เด็กที่มีพ่อแม่ติดเชื้อ HIV ถึงแม้ว่าพ่อหรือแม่จะรับมาหลังจากที่เขาเกิด บางรายก็ถูกตัดสินว่าติดเชื้อ
ที่ร้ายที่สุดคือแม้แต่คนในครอบครัวยังตั้งข้อรังเกียจไปด้วย
เชื่อว่า ทุกคนคงเคยเห็นข่าว ที่ครอบครัวบางครอบครัวพาผู้ป่วยเอดส์ไปทิ้งไว้ที่วัดพระพุทธบาทน้ำพุ
เล่าสั้นๆเพียงห้าบรรทัด แต่ถ้าบางคนถูกห้าบรรทัดนี้วนเวียนอยู่ในชีวิตตลอดสามร้อยหกสิบกว่าวัน
ตลอดช่วงระยะเวลาที่เด็กคนหนึ่งเติบโตจนถึงชั้นมัธยม
....
คุณยายของพละ
คงต้องเคยเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างที่หนักหนามาไม่น้อยเลยทีเดียว
ธรรมดา คนเป็นปู่ ย่า ตา ยาย มักจะรักหลานอยู่แล้ว
และเมื่อหลานต้องเผชิญภาวะหนักขนาดนี้
หัวจิตหัวใจของคนเป็นยาย คงต้องเป็นห่วงหนักเข้าไปอีก จนดูเหมือนเข้มงวดมาก
เห็นใจคุณยายนะครับ
เพราะ
คนติดเชื้อ HIV ต้องดูแลรักษาตัวดีๆ มีวินัยในการกินยา ดูแลร่างกายตนเองให้แข็งแรง และ ไม่ทำตัวให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคทุกประเภท
คนติดเชื้อเหนื่อยแล้ว
คนที่ดูแลอยู่ข้างๆย่อมเหนื่อยกว่าอีก
ดูแลเด็กเล็กๆทีซุกซน ให้กินยาตามเวลา(อ้วกมีแน่) ระวังไม่ให้ป่วย (ไม่ให้เล่นกับสัตว์) น้ำดื่มต้องสะอาดจริง
อื่นๆ อีกมากมายหาอ่านทางอินเตอร์เน็ตนะครับ
และสุดท้าย
ไม่สามารถบ่นถึงความเหน็ดเหนื่อยที่ไม่มีใครเข้าใจให้ใครฟังได้เลย
เพราะเกรงว่าหากสังคมรู้ " ตัวเด็ก " จะถูกสังคมตัดสินด้วยตรรกะผิดๆ
ซึ่งอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้ายๆหลายๆอย่าง
เอาเป็นว่าสมัยก่อน HIV มันน่ากลัวจริงๆครับ
ตัวโรคน่ากลัวอยู่แล้ว
ค่ายาสมัยก่อนก็แพงมาก
แต่ ตัวสังคมที่ไม่รู้จักแยกแยะเหยื่อที่ติดเชื้อโดยไม่ได้ก่อนี่น่ากลัวว่า
และขอเป็นกำลังใจให้
คนที่ติดเชื้อ HIV กินยาตรงเวลา ไม่เกิดผลข้างเคียง(เอาแค่อาการอาเจียนระดับแพ้ท้องนี่ก็อยากเลิกกินยาไปหลายรายแล้วครับ) มีร่างกายแข็งแรง
คนที่ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ก็ขอให้มีกำลังใจเข้มแข็ง เพราะทุกโรคหนักๆ กำลังใจของผู้ดูแลนั้นมีส่วนสำคัญพอๆกับผู้ป่วย
ทุกคนต่างไม่มีวันรู้ว่าวันใดเชื้อจะดื้อยา
ทุกคนต่างไม่มีวันรู้ว่าวันใดตนเองจะเป็น AIDs
มันไม่รู้วันเวลาที่ชัดเจน ทุกคนต่างสู้กับเวลาที่เป็นกังวล
เจ้าหน้าที่สาธารสุขบางท่านโดนเลือดกระเด็นเข้าตา
ต้องกินยาป้องกัน ทนอาการข้างเคียง รอเวลาผลตรวจเชื้อ HIV ออกคงเข้าใจสิ่งที่เล่ามา
ขอบคุณส้มส้ม ที่ศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจหลังจาก ชะงักไปวันหนึ่ง
ขอบคุณคุณยาย ที่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการดูแลผู้ติดเชื้อ HIV นั้นเหนื่อยและเครียดเพียงใด
ขอบคุณพละ ที่เป็นตัวอย่างของการรักษาตัวที่ดีของผู้ติดเชื้อ HIV
ขอบคุณผู้เขียนบทและทีมงานที่หยิบยกประเด็นนี้มาบอกกล่าวแก่สังคมอย่างตรงหลักวิชาการ
ปล. จูบกันในซีรี่ย์บอกไม่ติดเชื้อ แต่ระวังอย่างไปจูบตอนที่ตัวเองหรือฝ่ายตรงข้ามมีแผลในปากนะครับ
ส้มส้ม อย่าเคืองคุณยายนะครับ
ถึง คุณยาย ของพละ ผมเข้าใจนะ
ไม่น่ากลัว ป้องกันได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็น AIDs
AIDs หมายถึง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่กำเนิด
เชื้อ HIV เป็นสาเหตุหนึ่งของโรค AIDs
เพราะเมื่อเชื้อไวรัสแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากพอที่จะสามารถก่อโรค
ไวรัสก็จะไปก่ออาการต่างๆตามสายพันธ์ุของมัน
ไข้เลือดออกเกิดจากไวรัสเดงกี่
ตับอักเสบบางสาเหตุก็เกิดจากไวรัสตับอักเสบ
ส่วน HIV จะไปทำลายเซลเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสที่น่ากลัว เช่น วัณโรค เริม งูสวัส หรือ ติดเชื้อราในกระแสเลือด
ย้ำอีกที HIV ยังไม่เป็น AIDs จนกว่าจำนวนไวรัสจะมากพอที่จะทำลายเม็ดเลือดขาวให้ต่ำกว่าระดับที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
ดังนั้น
การรับประทานยาต้าน HIV จะช่วยกดจำนวนเชื้อเอาไว้ ไม่ให้แสดงอาการของ AIDs
การรับประทานยาอย่างตรงเวลาจะช่วยให้ระดับยาในเลือดสม่ำเสมอเพียงพอต่อการกดจำนวนเชื้อเอาไว้ตลอดทั้งวัน
ไม่มีช่วงที่ระดับยาตกจากระดับต่ำสุดที่ใช้ทำลายเชื้อ(ช่วงนี้เชื้อมีโอกาสกลายพันธุ์) ซึ่งจะเสี่ยงต่อการทำให้เชื้อดื้อยา
ในซีรี่ย์ดูคุณยายจะเข้มงวดกับพละมาก จนในสายตาของคนหลายคนดูว่า คุณยายทำเกินไป
แต่เมื่อฟังว่า พละได้เชื้อมาจากแม่ ซึ่งได้รับเชื้อมาจากพ่ออีกที
จึงต้องถอยอายุตัวละครไปจนขวบครึ่ง
สมัยก่อน
อินเตอร์เน็ตยังไม่ได้แพร่หลายชนิดมีอยู่ในมือกันทุกคน
โรคเอดส์เป็นโรคที่รักษาไม่หายและเป็นแล้วตายแน่
( จริงๆแล้ว ทุกโรคถ้าเป็นหนักๆก็มีโอกาสตายได้หมดนะครับ )
โรคเอดส์เป็นโรคติดต่อทางเพศ ดังนั้น คนที่มีเชื้อ HIV ต้องชอบเที่ยวผู้หญิง เจ้าชู้
โรคเอดส์เป็นโรคติดต่อจากการใช้เข็มฉีดยา ดังนั้น คนที่มีเชื้อ HIV ต้องติดยาเสพติด
โรคเอดส์เป็นโรคที่มักพบในกลุ่มเพศที่สามโดยเฉพาะชายรักชาย ดังนั้น คนที่มีเชื้อ HIV ต้องเป็นกระเทยหรือไม่ก็เกย์
โรคเอดส์ถูกใช้เป็นเครื่องมือสอนศีลธรรมในลักษณะการลงโทษเชิงบาปกรรมอย่างน่ากลัว
และตรรกกะป่วยๆอีกมากมาย
ที่จริงแล้วก็มีส่วนที่เป็นไปตามนั้นอยู่
แต่เพราะตรรกะคำตอบเดียวแบบนี้
ทำให้กลุ่มผู้รับเคราะห์ ตกเป็น เหยื่อ ของสังคม โดยเฉพาะคำว่า สังคมรังเกียจ
เชื้อ HIV ติดต่อทางสารคัดหลั่ง เลือด น้ำเหลือง
แต่สมัยก่อน
บ้านใดมีผู้ป่วยเอดส์ บ้านนั้นถึงกับต้องย้ายบ้านหนีสังคมรอบข้าง
ผู้ป่วยต้องลงทุนเดินทางไกลไปรักษาตัวให้ห่างจากภูมิลำเนามากที่สุด
เด็กที่มีพ่อแม่ติดเชื้อ HIV ถึงแม้ว่าพ่อหรือแม่จะรับมาหลังจากที่เขาเกิด บางรายก็ถูกตัดสินว่าติดเชื้อ
ที่ร้ายที่สุดคือแม้แต่คนในครอบครัวยังตั้งข้อรังเกียจไปด้วย
เชื่อว่า ทุกคนคงเคยเห็นข่าว ที่ครอบครัวบางครอบครัวพาผู้ป่วยเอดส์ไปทิ้งไว้ที่วัดพระพุทธบาทน้ำพุ
เล่าสั้นๆเพียงห้าบรรทัด แต่ถ้าบางคนถูกห้าบรรทัดนี้วนเวียนอยู่ในชีวิตตลอดสามร้อยหกสิบกว่าวัน
ตลอดช่วงระยะเวลาที่เด็กคนหนึ่งเติบโตจนถึงชั้นมัธยม
....
คุณยายของพละ
คงต้องเคยเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างที่หนักหนามาไม่น้อยเลยทีเดียว
ธรรมดา คนเป็นปู่ ย่า ตา ยาย มักจะรักหลานอยู่แล้ว
และเมื่อหลานต้องเผชิญภาวะหนักขนาดนี้
หัวจิตหัวใจของคนเป็นยาย คงต้องเป็นห่วงหนักเข้าไปอีก จนดูเหมือนเข้มงวดมาก
เห็นใจคุณยายนะครับ
เพราะ
คนติดเชื้อ HIV ต้องดูแลรักษาตัวดีๆ มีวินัยในการกินยา ดูแลร่างกายตนเองให้แข็งแรง และ ไม่ทำตัวให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคทุกประเภท
คนติดเชื้อเหนื่อยแล้ว
คนที่ดูแลอยู่ข้างๆย่อมเหนื่อยกว่าอีก
ดูแลเด็กเล็กๆทีซุกซน ให้กินยาตามเวลา(อ้วกมีแน่) ระวังไม่ให้ป่วย (ไม่ให้เล่นกับสัตว์) น้ำดื่มต้องสะอาดจริง
อื่นๆ อีกมากมายหาอ่านทางอินเตอร์เน็ตนะครับ
และสุดท้าย
ไม่สามารถบ่นถึงความเหน็ดเหนื่อยที่ไม่มีใครเข้าใจให้ใครฟังได้เลย
เพราะเกรงว่าหากสังคมรู้ " ตัวเด็ก " จะถูกสังคมตัดสินด้วยตรรกะผิดๆ
ซึ่งอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้ายๆหลายๆอย่าง
เอาเป็นว่าสมัยก่อน HIV มันน่ากลัวจริงๆครับ
ตัวโรคน่ากลัวอยู่แล้ว
ค่ายาสมัยก่อนก็แพงมาก
แต่ ตัวสังคมที่ไม่รู้จักแยกแยะเหยื่อที่ติดเชื้อโดยไม่ได้ก่อนี่น่ากลัวว่า
และขอเป็นกำลังใจให้
คนที่ติดเชื้อ HIV กินยาตรงเวลา ไม่เกิดผลข้างเคียง(เอาแค่อาการอาเจียนระดับแพ้ท้องนี่ก็อยากเลิกกินยาไปหลายรายแล้วครับ) มีร่างกายแข็งแรง
คนที่ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ก็ขอให้มีกำลังใจเข้มแข็ง เพราะทุกโรคหนักๆ กำลังใจของผู้ดูแลนั้นมีส่วนสำคัญพอๆกับผู้ป่วย
ทุกคนต่างไม่มีวันรู้ว่าวันใดเชื้อจะดื้อยา
ทุกคนต่างไม่มีวันรู้ว่าวันใดตนเองจะเป็น AIDs
มันไม่รู้วันเวลาที่ชัดเจน ทุกคนต่างสู้กับเวลาที่เป็นกังวล
เจ้าหน้าที่สาธารสุขบางท่านโดนเลือดกระเด็นเข้าตา
ต้องกินยาป้องกัน ทนอาการข้างเคียง รอเวลาผลตรวจเชื้อ HIV ออกคงเข้าใจสิ่งที่เล่ามา
ขอบคุณส้มส้ม ที่ศึกษาหาความรู้และทำความเข้าใจหลังจาก ชะงักไปวันหนึ่ง
ขอบคุณคุณยาย ที่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการดูแลผู้ติดเชื้อ HIV นั้นเหนื่อยและเครียดเพียงใด
ขอบคุณพละ ที่เป็นตัวอย่างของการรักษาตัวที่ดีของผู้ติดเชื้อ HIV
ขอบคุณผู้เขียนบทและทีมงานที่หยิบยกประเด็นนี้มาบอกกล่าวแก่สังคมอย่างตรงหลักวิชาการ
ปล. จูบกันในซีรี่ย์บอกไม่ติดเชื้อ แต่ระวังอย่างไปจูบตอนที่ตัวเองหรือฝ่ายตรงข้ามมีแผลในปากนะครับ
ส้มส้ม อย่าเคืองคุณยายนะครับ