HIV และ AIDS ต่างกันอย่างไร
เชื้อ Human Immunodeficiency Virus(hiv) เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายเชื้อจะแบ่งตัวอย่างมากและมีการเกิดโรคที่อวัยวะต่างๆ เช่นสมอง หัวใจ ไตและที่สำคัญคือจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันนี้จะทำหน้าที่สร้างถูมิเพื่อต่อต้านการติดเชื้อและมะเร็งบางชนิด ในการสร้างภูมิจะต้องอาศัยเซลล์หลายชนิดที่สำคัญได้แก่เซลล์ CD4+ lymphocytes ซึ่งเป็นเซลล์ที่เชื้อ HIV ชอบ เมื่อเซลล์ CD4+ lymphocytes ถูกทำลายโดยเชื้อมากจะทำให้ภูมิของร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นปัญหาที่สำคัญของคนติดเชื้อ HIV คือปัญหาของโรคที่เกิดจาดภูมิที่อ่อนแอลงเช่นโรคติดเชื้อฉวยโอกาส opportunistic
infections เช่นโรคปอดบวมและโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และมะเร็งบางชนิด ปัจจุบันพบเชื้อ HIV มี2 ชนิดคือ
• HIV-1 เป็นชนิดที่แพร่ระบาดทั่วโลก
• HIV-2 พบที่แถบประเทศ Africa
• HIV-1มี sub-types หลายชนิด
HIV disease คือผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อHIV และยังไม่เกิดอาการจากเชื้อฉวยโอกาสและมีจำนวนเซลล์ CD4+ lymphocytes มากกว่า 200 cells/mm3(ปกติมากกว่า 100 cell/mm)โดยทั่วไปไม่มีอาการเป็นเวลา 5-10 ปีแม้ว่าจะไม่มีอาการเชื้อก็แบ่งตัวและทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและเมื่อภูมิถูกทำลายมากจนกระทั่งเกิดโรคที่เกิดจากภูมิบกพร่อง
Acquired Immunodeficiency Syndrome หรือโรคเอดส์ คือผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อ HIV และโรคได้ลุกลามจนภูมิคุ้นกันบกพร่อง และอาจจะทำให้เกิดโรคฉวยโอกาสและมะเร็ง ตามองค์การควบคุมโรคติดเชื้อของอเมริกาหมายถึง
• โรคติดเชื้อบางชนิดเช่น Pneumocystis carinii pneumonia (PCP), and cryptococcal meningitis
• มะเร็งบางชนิดเช่น cervical cancer, Kaposi’s sarcoma, และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ระบบประสาท( central
nervous system lymphoma )
• CD4+ count น้อยกว่า 200 cells/mm3(ค่าปกติ 600-1000) หรือ 14 percent of lymphocytes
AIDS ทำลายร่างกายอย่างไร
• ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสและมะเร็ง
• สมองถูกทำลายทำให้สมองเสื่อมและความจำเสื่อม
• ทำให้หัวใจวายมีอาการเหนื่อยง่าย บวมเท้าและท้อง
• ทำให้ไตวาย
• ไม่สามารถทำงานประจำวันได้เช่น การขับรถ
• มีการเปลี่ยนแปลงทางน้ำหนักและท้องร่วงเรื้อรัง
อาการของโรคติดเชื้อ HIV
อาการของการติดเชื้อ HIV จะมีความหลากหลายขึ้นกับระยะของโรค เนื่องจากเชื้อ HIV เป็นไวรัสชนิดหนึ่งอาการของการติดเชื้อ HIV จะเหมือนอาการของไข้หวัดคือ มีไข้ ปวดศีรษะ มีผื่น อ่อนเพลีย เราไม่สามารถวินิจฉัยได้จากอาการ แม้ว่าผู้ได้รับเชื้อ HIV จะไม่มีอาการแต่เขาสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ฉนั้นผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงควรได้รับการเจาะเลือด ในช่วงแรกของการติดเชื้อ HIV คุณอาจจะมีอาการดังต่อไปนี้
• ต่อมน้ำเหลืองโต ตับม้ามโต มักจะเป็นอาการอันแรกของการติดเชื้อ
• ท้องร่วง บางคนอาจจะเรื้อรัง
• น้ำหนักลด.
• มีไข้
• ไอและหายใจลำบาก
เมื่อไม่ได้รับการรักษาเชื้อก็จะแบ่งตัวเรื่อยและทำลายระบบภูมิคุ้มกันและกลายเป็นโรคเอดส์ซึ่งจะมีอาการดังนี้
• เหงื่ออกกลางคืน
• ไข้หนาวสั่น ไข้สูงเรื้อรัง
• ไอเรื้อรังและหายใจลำบาก
• ท้องร่วงเรื้อรัง
• ลิ้นเป็นฝ้าขาว
• ปวดศีรษะ
• ตามัวลงหรือเห็นเป็นเส้นลอยไปมา
• น้ำหนักลด
• การติดเชื้อฉวยโอกาส
• เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย
• หากเป็นผู้หญิงก็มีอาการตกขาวบ่อย
• เพลียและเหนื่อยง่าย
• บางคนมีผื่นตามตัว
ท่านที่ติดเชื้อ HIV จะมีสุขภาพดีจะต้องทำอย่างไร
ท่านที่ติดเชื้อ HIV สามารถมีสุขภาพดีได้โดยจะต้องปฏิบัติตัวโดยเคร่งครัด คังนี้
• ปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญโรคนี้
• ไปตามที่แพทย์นัด รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง หากมีผลข้างเคียงของยาต้องปรึกษาแพทย์ห้ามหยุดยาเอง
• ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอดบวม
• ให้หยุดสรุปบุหรี่
• รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
• พักผ่อนให้เต็มที่
• รู้จักผ่อนคลาย
ที่มา : LIV Capsule
HIV และ AIDS ต่างกันอย่างไร
เชื้อ Human Immunodeficiency Virus(hiv) เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายเชื้อจะแบ่งตัวอย่างมากและมีการเกิดโรคที่อวัยวะต่างๆ เช่นสมอง หัวใจ ไตและที่สำคัญคือจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันนี้จะทำหน้าที่สร้างถูมิเพื่อต่อต้านการติดเชื้อและมะเร็งบางชนิด ในการสร้างภูมิจะต้องอาศัยเซลล์หลายชนิดที่สำคัญได้แก่เซลล์ CD4+ lymphocytes ซึ่งเป็นเซลล์ที่เชื้อ HIV ชอบ เมื่อเซลล์ CD4+ lymphocytes ถูกทำลายโดยเชื้อมากจะทำให้ภูมิของร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นปัญหาที่สำคัญของคนติดเชื้อ HIV คือปัญหาของโรคที่เกิดจาดภูมิที่อ่อนแอลงเช่นโรคติดเชื้อฉวยโอกาส opportunistic
infections เช่นโรคปอดบวมและโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และมะเร็งบางชนิด ปัจจุบันพบเชื้อ HIV มี2 ชนิดคือ
• HIV-1 เป็นชนิดที่แพร่ระบาดทั่วโลก
• HIV-2 พบที่แถบประเทศ Africa
• HIV-1มี sub-types หลายชนิด
HIV disease คือผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อHIV และยังไม่เกิดอาการจากเชื้อฉวยโอกาสและมีจำนวนเซลล์ CD4+ lymphocytes มากกว่า 200 cells/mm3(ปกติมากกว่า 100 cell/mm)โดยทั่วไปไม่มีอาการเป็นเวลา 5-10 ปีแม้ว่าจะไม่มีอาการเชื้อก็แบ่งตัวและทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและเมื่อภูมิถูกทำลายมากจนกระทั่งเกิดโรคที่เกิดจากภูมิบกพร่อง
Acquired Immunodeficiency Syndrome หรือโรคเอดส์ คือผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อ HIV และโรคได้ลุกลามจนภูมิคุ้นกันบกพร่อง และอาจจะทำให้เกิดโรคฉวยโอกาสและมะเร็ง ตามองค์การควบคุมโรคติดเชื้อของอเมริกาหมายถึง
• โรคติดเชื้อบางชนิดเช่น Pneumocystis carinii pneumonia (PCP), and cryptococcal meningitis
• มะเร็งบางชนิดเช่น cervical cancer, Kaposi’s sarcoma, และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ระบบประสาท( central
nervous system lymphoma )
• CD4+ count น้อยกว่า 200 cells/mm3(ค่าปกติ 600-1000) หรือ 14 percent of lymphocytes
AIDS ทำลายร่างกายอย่างไร
• ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาสและมะเร็ง
• สมองถูกทำลายทำให้สมองเสื่อมและความจำเสื่อม
• ทำให้หัวใจวายมีอาการเหนื่อยง่าย บวมเท้าและท้อง
• ทำให้ไตวาย
• ไม่สามารถทำงานประจำวันได้เช่น การขับรถ
• มีการเปลี่ยนแปลงทางน้ำหนักและท้องร่วงเรื้อรัง
อาการของโรคติดเชื้อ HIV
อาการของการติดเชื้อ HIV จะมีความหลากหลายขึ้นกับระยะของโรค เนื่องจากเชื้อ HIV เป็นไวรัสชนิดหนึ่งอาการของการติดเชื้อ HIV จะเหมือนอาการของไข้หวัดคือ มีไข้ ปวดศีรษะ มีผื่น อ่อนเพลีย เราไม่สามารถวินิจฉัยได้จากอาการ แม้ว่าผู้ได้รับเชื้อ HIV จะไม่มีอาการแต่เขาสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ฉนั้นผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงควรได้รับการเจาะเลือด ในช่วงแรกของการติดเชื้อ HIV คุณอาจจะมีอาการดังต่อไปนี้
• ต่อมน้ำเหลืองโต ตับม้ามโต มักจะเป็นอาการอันแรกของการติดเชื้อ
• ท้องร่วง บางคนอาจจะเรื้อรัง
• น้ำหนักลด.
• มีไข้
• ไอและหายใจลำบาก
เมื่อไม่ได้รับการรักษาเชื้อก็จะแบ่งตัวเรื่อยและทำลายระบบภูมิคุ้มกันและกลายเป็นโรคเอดส์ซึ่งจะมีอาการดังนี้
• เหงื่ออกกลางคืน
• ไข้หนาวสั่น ไข้สูงเรื้อรัง
• ไอเรื้อรังและหายใจลำบาก
• ท้องร่วงเรื้อรัง
• ลิ้นเป็นฝ้าขาว
• ปวดศีรษะ
• ตามัวลงหรือเห็นเป็นเส้นลอยไปมา
• น้ำหนักลด
• การติดเชื้อฉวยโอกาส
• เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย
• หากเป็นผู้หญิงก็มีอาการตกขาวบ่อย
• เพลียและเหนื่อยง่าย
• บางคนมีผื่นตามตัว
ท่านที่ติดเชื้อ HIV จะมีสุขภาพดีจะต้องทำอย่างไร
ท่านที่ติดเชื้อ HIV สามารถมีสุขภาพดีได้โดยจะต้องปฏิบัติตัวโดยเคร่งครัด คังนี้
• ปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญโรคนี้
• ไปตามที่แพทย์นัด รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง หากมีผลข้างเคียงของยาต้องปรึกษาแพทย์ห้ามหยุดยาเอง
• ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอดบวม
• ให้หยุดสรุปบุหรี่
• รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
• พักผ่อนให้เต็มที่
• รู้จักผ่อนคลาย
ที่มา : LIV Capsule