เมื่อตอนต้นปีช่วงเดือน กพ-มีค เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวไอซ์แลนด์มาค่ะ ด้วยความตั้งใจเบื้องต้น ที่ก็อยากจะไปดูแสงเหนือ ดูมากจากหลายรีวิว ทั้งในพันทิพนี่ และอีกหลายๆ คนที่ไปแล้วกลับมาแชร์ ล้วนแต่สร้างแรงบันดาลใจมากๆ
เลยตั้งใจให้ทริปนี้เป็นทริปตามล่าหาแสงเหนือ กินเวลายาวนานถึง 23 วัน แต่ขึ้นชื่อว่าการดูแสงเหนือ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ย่อมไม่ได้ง่าย เพราะเค้าไม่ได้อยู่กับที่ รอให้เราไปดูตามเวลาที่เราต้องการ
ภาพที่ถ่ายมา อาจจะไม่สวยนัก เพราะบางอันเราก็ถ่ายเร็วๆ ด้วย iphone ค่ะ ส่วนกล้อง nikon ที่เอาไปด้วย ก็ใช้เลนส์ 18-200 ตัวเดียวเที่ยวทั่วโลก (แบบที่ช่างภาพมืออาชีพ เค้าไม่ใช้กัน 555 เน้นสะดวกค่ะ)
my map สำหรับ trip นี้สำหรับช่วงการเดินทางในไอซ์แลนด์ ทั้งหมด 9 วัน เที่ยวจริง 8 วันค่ะ วันสุดท้ายเป็นวันที่เดินทางออกจาก iceland เพื่อไป norway ต่อ
<iframe src="
https://www.google.co.th/maps/d/u/0/embed?mid=zMD2qonA1tNc.kC_S227ugbs4" width="640" height="480"></iframe>
เกริ่นนำ
เรามาเที่ยวไอซ์แลนด์ ด้วยความตั้งใจเบื้องต้นที่อยากจะไปดูแสงเหนือ (Aurora) ก็เลยทำให้เราไม่ได้หาข้อมูลอื่นของไอซ์แลนด์มากนัก วางแผนมาสวยหรูว่าจะมาดูแสงเหนือให้หนำใจ กลางวันขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ นอนแต่หัววัน ตื่นมาดูแสงเหนือเต้นระบำตอนดึกๆ แต่โชคชะตา หรือจะสู้ฟ้าลิขิต การมาไอซ์แลนด์ของเราครั้งนี้ ให้อะไรมากกว่าแสงเหนือ (ซึ่งความจริงมีให้ดูหลายประเทศอยู่) แต่มันเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยว แบบที่จำไปจนตายไม่มีวันลืม
สำหรับคนที่อยากท่องเที่ยว พบเจอสิ่งใหม่ๆ และเปลี่ยนบรรยากาศ หาความแตกต่างจากบ้านเราแบบสุดขั้ว (เน้นว่าสุดขั้วจริงๆ) ขอเชิญที่ไอซ์แลนด์หน้าหนาว
มันคือส่วนผสมของภูมิประเทศที่ สวย ประหลาด แปลกตา กับภูมิอากาศที่เหวี่ยงแบบสุดๆ
ทิวทัศน์ตลอดทริป 8 วัน ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2558 แข่งกันเด่น ข่มกันไม่ลงเลยสักวัน สวย โหด หลุดโลก จนบางทีก็แอบคิดไปได้ว่า นี่เราอยู่ดาวอังคารหรืออย่างไร ทิวทัศน์สองข้างทาง อย่างกับจำลองฉากภาพยนต์เรื่อง interstella มาเลย จนเพื่อนเราคนนึงตั้งชื่อให้กับทิวทัศน์แบบนี้ว่า #Marscape
เราขับรถออกมาจาก white on white scene แล้วก็เจอฉากนี้ จบเลย ไม่แวะไม่ได้แล้ว (ของจริงสวยกว่าในกล้องมากค่ะ)
ข้อมูลเบื้องต้น
ก่อนหน้าที่เราจะไปทริปนี้ พยายามหารีวิวเยอะมาก อยากรู้ว่าคนที่ไปเที่ยวช่วงนี้ เค้าเจออากาศแบบใหน ทิวทัศน์อย่างไรกันบ้าง เจออยู่ 2 กระทู้ เอาไว้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
http://topicstock.ppantip.com/blueplanet/topicstock/2012/07/E12406893/E12406893.html
อันแรกนี้เดินทางช่วงกลางเดือนมีนา ขับรถวันละ 300 กม คาดว่าเจ้าของกระทู้คงจะเชี่ยวชาญในการขับรถทางไกลพอสมควร ดูในภาพ อากาศก็ไม่น่าจะโหดเท่าไร
ส่วนกระทู้นี้ไปตอนต้นปีค่ะ ดูจากสภาพอากาศแล้ว สงสัยเราไม่ไหว และแสงน้อยเกินไป
http://topicstock.ppantip.com/blueplanet/topicstock/2012/03/E11869681/E11869681.html
ช่วงเวลา-สภาพอากาศ
ช่วงเวลาที่เราเลือกไปไอซ์แลนด์ครั้งนี้ เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งต้องการไปดูแสงเหนือ อยากไปดูถ้ำน้ำแข็ง อยากขับรถเอง แต่ไม่ว่างตั้งแต่เดือน ตค-ธค โปรแกรมจึงมาตกที่ช่วงต้นปีเป็นต้นไป แต่พอไปดูพยากรณ์อากาศของ iceland ในช่วงเดือนมกราคม ของปีก่อนๆ แล้วจึงพบว่า สิ่งที่น่ากังวล ไม่ใช่อุณหภูมิ แต่เป็นช่วงเวลาที่มีแสงสว่าง
เพราะ iceland แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งน้ำแข็ง แต่กลับไม่ได้หนาวจัดมากนัก เพราะอยู่ในแนวกระแสน้ำอุ่นแอตแลนติคเหนือ แม้ในหน้าหนาว โดยเฉพาะเมืองตามแนวชายฝั่ง ลองเช็คอากาศแล้ว ก็ยังไม่เจอติดลบจัดๆ แบบ -20 -30 อาจจะมีที่ -10 กลางๆ แต่ถ้าเป็น High Land ก็อาจจะใกล้เคียงกับหน้าหนาวของใจกลางทวีป แบบสวีเดน รัสเซีย หรือแม้แต่บิเอะ (มี -40 มาแล้ว) ที่เที่ยวส่วนใหญ่ที่จะไป ก็อยู่แนวชายฝั่ง เพราะอย่างนั้น อุณหภูมิไม่น่าจะเป็นปัญหา
แต่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น-ตกในเดือนมกราคมนี่สิ sun rise 11am / sun set 3-4pm อุแม่เจ้า มีแสงแค่ 4-5 ชม เท่านั้น แล้วฉันจะไปดูอะไร ขับรถบนถนนที่มีหิมะ ทำความเร็วได้เท่าไรกันเชียว (คาดเอาไว้สัก 60 km/hr ก็เก่งแล้ว) ยังไม่รวมแวะพักกินข้าว ยืดเส้นยืดสาย 4 ชม. สงสัยไม่ไหว
ตารางการเดินทางเลยมาตกที่ปลายเดือนกุมภา อากาศอุ่นขึ้นนิดนึงแล้ว ประมาณ 5 ถึง -5 กลางวันกลางคืนก็ไม่แตกต่างกันมากนัก และที่สำคัญ sun rise 9am / sun set 6pm มีแสง 9-10 ชม. พอเหมาะกับการขับรถมาก ตื่นมา กินข้าวเช้าเสร็จฟ้าก็สว่าง ออกเดินทางได้พอดี
ซึ่งแม้ว่าปลายเดือน กพ - ต้นเดือน มีค จะเหมาะทั้งอุณหภูมิ(ไม่หนาวมากนัก ยังมีหิมะและน้ำแข็งให้ดู) และความสว่างเพียงพอ แต่เราก็มารู้ตอนที่มาถึงที่นี่ว่ามันเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนฤดู จากฤดูหนาว เข้าฤดูใบไม้ผลิ อากาศจะเหวี่ยงมาก ราวกับหญิงวัยทอง แดดจ้า เมฆทึบ ฝน หิมะ หิมะปนฝนที่ตกมาแบบแฉะๆ แปะๆ ที่กระจก เจอครบได้ภายใน 2 ชม เรียกได้ว่ามีโอกาสเจอสภาวะ "วันเดียวเที่ยวครบทุกสภาพอากาศ"
เช็คสภาพอากาศที่ไอซ์แลนด์ได้ตามลิงค์ ข้อมูลค่อนข้างละเอียดแม่นยำ มีแผนที่เมฆ บอกทิศทางลม และพายุว่ากำลังพุ่งตรงไปทางใหน
http://en.vedur.is/weather/forecasts/areas/
ส่วนถ้าจะใช้เป็น IOS application ก็ตามนี้
Veður by Stokkur Software
https://appsto.re/th/j99hO.i
ส่วนถ้าใครอยากได้พยากรณ์ Aurora ของ iceland ก็ดูได้ตามลิงค์นี้ค่ะ ใครบอกว่าต้อง moderate ถึงได้เห็น แต่จากคำบอกเล่าของคนในพื้นที่ 1-2 แต่ฟ้าเปิดๆ ลมแรงๆ นี่ก็มีโอกาสแจ็คพ็อตแตกได้เหมือนกันค่ะ เจอมากับตัวล่ะ
http://en.vedur.is/weather/forecasts/aurora/ ใครไปเจอช่วงขาวๆ นี่ เตรียมลุ้นได้เลย
ลม ลม ลม
แม้ไอซ์แลนด์จะไม่เด่นเรื่องอุณหภูมิติดลบ แต่จัดเต็มเรื่องลม พวกเราได้รับคำแนะนำจากบริษัทให้เช่ารถว่า การขับรถที่ไอซ์แลนด์ คุณแทบไม่ต้องระวังว่าจะเกิดอุบัติเหตุจาการเฉี่ยวชน ประเทศเรานี้ ไม่ได้มีจำนวนประชากรหนาแน่นพอจะทำให้เกิดปัญหาเหล่านั้น แต่กรุณาระวังเวลาเปิดประตูรถ เพราะลมที่นี่ จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ประตูรถเปิดไปชนรถคันอื่นได้
คือตอนนั้นนึกไม่ออกหรอกค่ะ ว่า "ลม" มันจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อย่างไร แต่ก็รับฟังเอาไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย
พอมาขับรถ เจอของจริงเท่านั้น บอกได้เลยว่า ลมที่นี่เป็นตัวแปรของสภาพอากาศที่หนักหนาที่สุด เราเจอลมแรงสารพัดรูปแบบ
-แค่แง้มประตูรถ ถ้าอยู่ในแนวลมพัดให้ประตูเปิดได้ ลมจะดีดประตูอ้าออกไปทันที จับไม่ทัน ดีว่าไม่มีรถอะไรจอดอยู่ข้างๆ
-จะลงจากรถแต่เปิดประตูไม่ได้ เพราะจอดรถขวางลม ต้องตะกายไปออกอีกด้านหนึง ซึ่งไม่มีลมเลย เพราะรถเป็นเกราะกันลมชั้นดี
-เราได้รับคำแนะนำว่า ให้จอดรถให้ชิดอาคาร ในตำแหน่ง นี้ นี้ นี้ นะคะ เพราะอาคารจะช่วยได้ กรณีที่พายุเข้ามาพร้อมกับของบางอย่างที่อาจจะลอยมาตามลม(เช่นประตู หน้าต่าง จากบ้านอื่น) อาคารจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับรถของเราได้
-ขับรถฝ่าพายุ (เพราะไม่ได้ดูพยากรณ์อากาศ+ถนน) ลมพัดให้รถคลอนเป็นระยะๆ ทั้งๆ ที่ขับอยู่อย่างนั้น มารู้ที่หลังว่า บนถนนเส้นเดียวกันห่างไปไม่ไกล พายุนั้นพัดรถตกถนนไปเลย 7 คัน
-หน้าต่างห้องนอน แม้จะหน้าหนาว จะไม่เปิดก็ไม่ได้ เพราะอากาศข้างในมันจะร้อนไป หายใจไม่ออก ต้องแง้มนิดๆ แต่ก็ต้องทนกับเสียงลมหวีดหวิว และหน้าต่างสะเทือนดังกึกๆ ไปทั้งคืน
-ติดอยู่ที่มุมตึก เดินเลี้ยวไม่ได้ เพราะเป็นทิศทางลม ต้องหาที่ยึดเกาะแล้วค่อยๆ เดินไป
-ต้องเดินถอยหลัง เพราะหันหน้าสู้ลมไม่ได้
หิมะ
ช่วงเวลาปลายฤดูหนาว ต้นฤดูใบไม้ผลิ เป็นโอกาสอันดีสำหรับคนที่มีจากเขตศูนย์สูตรแบบเรา ที่จะได้เห็นหิมะเกือบทุกรูปแบบ
-หิมะโปรยปรายแบบลมนิ่งๆ (อันนี้เห็นไม่เยอะ เพราะส่วนใหญ่มากับลมทั้งนั้น)
-หิมะตกเฉียงๆ ทำมุม 100-180 องศา แต่เป็นละอองเล็กๆ
-หิมะตกเฉียงๆ ทำมุม 100-180 องศา แต่เป็นชิ้นใหญ่ๆ แบบตกทีแล้วมองไม่เห็นทางเลย
-หิมะที่ตกลงมาเป็นก้อนน้ำแข็งอันเล็กๆ คล้ายๆ ลูกเห็บ กระทบกระจกรถ เสียงกรุบกริบ ตลอดทาง
-หิมะที่ตกลงมาพร้อมกับฝน คล้ายๆ น้ำแข็งใสที่ผสมน้ำมาแล้ว กระทบกระจกรถ จะเป็นเสียงแปร่ะๆ
สรุปว่า ถ้าใครจะมาช่วงนี้ ให้เตรียมใจเอาไว้ว่าเราจะได้มาดูธรรมชาติที่เราไม่เคยเห็นในเขตร้อน อย่าไปคิดว่า ฝนตก-หิมะตก แล้วจะออกไปเที่ยวใหนไม่ได้ เพราะถ้าคิดอย่างนั้น มัวแต่รอให้อากาศดี คงได้แต่นอนอยู่ที่โรงแรมแน่ๆ
การเตรียมอุปกรณ์
เพราะเนื่องจากลมที่ไอซ์แลนด์พัดแรงมาก ถึงมากที่สุด สิ่งที่ควรต้องมี และไม่ต้องมี หากต้องการเดินทางไปในช่วงหน้าหนาว หรือปลายหนาวต่อใบไม้ผลิ
-เสื้อ/กางเกง/ถุงมือ กันน้ำและลม ควรเป็น GORE-TEX แบบที่ดีที่สุด เท่าที่จะหาได้ เพราะอานุภาพของลมที่ไอซ์แลนด์ สามารถแทรกเข้ามาตามเส้นใยเสื้อผ้า หนาบางไม่สำคัญ ถ้าไม่ได้เคลือบสารกันน้ำ-ลมแล้วละก็ ชีวิตมีปัญหา เที่ยวไม่สนุกแน่ๆ
-ร่ม ไม่ต้องพกไปให้เสียเวลา แบบพับ แบบก้านยาว ก้านแข็ง ก้านแข็งโครตๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ฝนตกหนักแค่ใหนก็ไม่ได้ใช้ กางไม่ขึ้นแน่ๆ
-แว่นตา จะกันแดด หรือไม่กันแดดก็ได้ เพราะจุดประสงค์หลัก คือเอาไว้กันลม เวลาลมแรงๆ ใส่แว่นจะช่วยให้เดินฝ่าลมได้
-เสื้อผ้า อย่าให้รุ่มร่าม detail เยอะแยะนัก เช่นเห็นนักท่องเที่ยวจีนบางคน ใส่ผ้าพันคอทิ้งชายยาวสวยงาม เจอลมพัดปลิว หอบหายไปเลย
ที่พัก
โดยส่วนใหญ่เราใช้บริการ www.booking.com ก็สะดวกดี แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ เห็นมีนักท่องเที่ยว walk-in มาหาที่พักอยู่เหมือนกัน คนไม่ค่อยเที่ยว ที่พักส่วนใหญ่ก็จะว่าง หลายๆ คนใช้วิธีขับไปเรื่อยๆ อยากแวะที่ใหนก็แวะ เราก็กะว่า มาครั้งหน้าอยากลองเที่ยวแบบนี้ดูเหมือนกัน
ค่าที่พักแตกต่างกันไปในแต่ละที่ แต่เฉลี่ยประมาณ 2 พัน ต้นๆ /ห้อง/คืน อาหารเช้าก็มีบ้างไม่มีบ้าง แล้วแต่ที่
เช่ารถ
ประเภท : คำตอบสุดท้าย รถใหญ่ไว้ก่อน ใหญ่เท่าที่กำลังทรัพย์จะไหว 4x4 เท่านั้น
โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เราไป เป็นช่วงที่อากาศแปรปรวน ถือว่าเราโชคดีมากๆ ที่เลือกรถใหญ่ (โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่ามันสำคัญแค่ใหน) การทรงตัวดีกว่า มีกำลังพอจะขึ้นจากหล่มหิมะแห้งๆ (ซึ่งมารู้ทีหลังว่ามันอันตรายพอๆ กับหล่มโคลน) ลุยเข้าไปในทางลูกรังปนหิมะได้สบายๆ นั่งสบาย กว้างขวาง เหมาะกับการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในรถ ฯลฯ
เกียร์ : ออโต้ หายากหน่อย แต่คุ้นเคยกว่า ขับสบาย อยากได้ก็ต้องหาเอาจากหลายๆ agency และมีรถไม่มากนัก ควรจองล่วงหน้า
agency เล่าให้เราฟังว่า ถ้า walk-in ส่วนใหญ่มีแต่เกียร์ธรรมดา ที่นี่รถไม่ติด คนไม่ได้รู้สึกว่าการขับรถเกียร์ธรรมดาเป็นเรื่องยากลำบาก ซึ่งก็คล้ายๆ กับประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ ที่มักจะมีแต่เกียร์ธรรมดาให้เช่า เกียร์ออโต้เป็นเรื่องพิเศษในระดับหนึ่ง (แพงกว่า)
เราใช้บริการ www.rental.com จ่ายล่วงหน้าไปเลย ถูกกว่า และคืนเงินได้เต็มจำนวน กรณีที่เราเกิดยกเลิกการเดินทาง เช่า Ford Kuga 4x4 ทั้งหมด 9 วัน ราคาประมาณ 27,000 บาท
[CR] Adventure Iceland 2015 : ตอนที่ 1_เตรียมตัว-เตรียมใจ ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์หน้าหนาว
เลยตั้งใจให้ทริปนี้เป็นทริปตามล่าหาแสงเหนือ กินเวลายาวนานถึง 23 วัน แต่ขึ้นชื่อว่าการดูแสงเหนือ เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ย่อมไม่ได้ง่าย เพราะเค้าไม่ได้อยู่กับที่ รอให้เราไปดูตามเวลาที่เราต้องการ
ภาพที่ถ่ายมา อาจจะไม่สวยนัก เพราะบางอันเราก็ถ่ายเร็วๆ ด้วย iphone ค่ะ ส่วนกล้อง nikon ที่เอาไปด้วย ก็ใช้เลนส์ 18-200 ตัวเดียวเที่ยวทั่วโลก (แบบที่ช่างภาพมืออาชีพ เค้าไม่ใช้กัน 555 เน้นสะดวกค่ะ)
my map สำหรับ trip นี้สำหรับช่วงการเดินทางในไอซ์แลนด์ ทั้งหมด 9 วัน เที่ยวจริง 8 วันค่ะ วันสุดท้ายเป็นวันที่เดินทางออกจาก iceland เพื่อไป norway ต่อ
<iframe src="https://www.google.co.th/maps/d/u/0/embed?mid=zMD2qonA1tNc.kC_S227ugbs4" width="640" height="480"></iframe>
เกริ่นนำ
เรามาเที่ยวไอซ์แลนด์ ด้วยความตั้งใจเบื้องต้นที่อยากจะไปดูแสงเหนือ (Aurora) ก็เลยทำให้เราไม่ได้หาข้อมูลอื่นของไอซ์แลนด์มากนัก วางแผนมาสวยหรูว่าจะมาดูแสงเหนือให้หนำใจ กลางวันขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ นอนแต่หัววัน ตื่นมาดูแสงเหนือเต้นระบำตอนดึกๆ แต่โชคชะตา หรือจะสู้ฟ้าลิขิต การมาไอซ์แลนด์ของเราครั้งนี้ ให้อะไรมากกว่าแสงเหนือ (ซึ่งความจริงมีให้ดูหลายประเทศอยู่) แต่มันเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยว แบบที่จำไปจนตายไม่มีวันลืม
สำหรับคนที่อยากท่องเที่ยว พบเจอสิ่งใหม่ๆ และเปลี่ยนบรรยากาศ หาความแตกต่างจากบ้านเราแบบสุดขั้ว (เน้นว่าสุดขั้วจริงๆ) ขอเชิญที่ไอซ์แลนด์หน้าหนาว
มันคือส่วนผสมของภูมิประเทศที่ สวย ประหลาด แปลกตา กับภูมิอากาศที่เหวี่ยงแบบสุดๆ
ทิวทัศน์ตลอดทริป 8 วัน ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2558 แข่งกันเด่น ข่มกันไม่ลงเลยสักวัน สวย โหด หลุดโลก จนบางทีก็แอบคิดไปได้ว่า นี่เราอยู่ดาวอังคารหรืออย่างไร ทิวทัศน์สองข้างทาง อย่างกับจำลองฉากภาพยนต์เรื่อง interstella มาเลย จนเพื่อนเราคนนึงตั้งชื่อให้กับทิวทัศน์แบบนี้ว่า #Marscape
เราขับรถออกมาจาก white on white scene แล้วก็เจอฉากนี้ จบเลย ไม่แวะไม่ได้แล้ว (ของจริงสวยกว่าในกล้องมากค่ะ)
ข้อมูลเบื้องต้น
ก่อนหน้าที่เราจะไปทริปนี้ พยายามหารีวิวเยอะมาก อยากรู้ว่าคนที่ไปเที่ยวช่วงนี้ เค้าเจออากาศแบบใหน ทิวทัศน์อย่างไรกันบ้าง เจออยู่ 2 กระทู้ เอาไว้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
http://topicstock.ppantip.com/blueplanet/topicstock/2012/07/E12406893/E12406893.html
อันแรกนี้เดินทางช่วงกลางเดือนมีนา ขับรถวันละ 300 กม คาดว่าเจ้าของกระทู้คงจะเชี่ยวชาญในการขับรถทางไกลพอสมควร ดูในภาพ อากาศก็ไม่น่าจะโหดเท่าไร
ส่วนกระทู้นี้ไปตอนต้นปีค่ะ ดูจากสภาพอากาศแล้ว สงสัยเราไม่ไหว และแสงน้อยเกินไป
http://topicstock.ppantip.com/blueplanet/topicstock/2012/03/E11869681/E11869681.html
ช่วงเวลา-สภาพอากาศ
ช่วงเวลาที่เราเลือกไปไอซ์แลนด์ครั้งนี้ เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งต้องการไปดูแสงเหนือ อยากไปดูถ้ำน้ำแข็ง อยากขับรถเอง แต่ไม่ว่างตั้งแต่เดือน ตค-ธค โปรแกรมจึงมาตกที่ช่วงต้นปีเป็นต้นไป แต่พอไปดูพยากรณ์อากาศของ iceland ในช่วงเดือนมกราคม ของปีก่อนๆ แล้วจึงพบว่า สิ่งที่น่ากังวล ไม่ใช่อุณหภูมิ แต่เป็นช่วงเวลาที่มีแสงสว่าง
เพราะ iceland แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งน้ำแข็ง แต่กลับไม่ได้หนาวจัดมากนัก เพราะอยู่ในแนวกระแสน้ำอุ่นแอตแลนติคเหนือ แม้ในหน้าหนาว โดยเฉพาะเมืองตามแนวชายฝั่ง ลองเช็คอากาศแล้ว ก็ยังไม่เจอติดลบจัดๆ แบบ -20 -30 อาจจะมีที่ -10 กลางๆ แต่ถ้าเป็น High Land ก็อาจจะใกล้เคียงกับหน้าหนาวของใจกลางทวีป แบบสวีเดน รัสเซีย หรือแม้แต่บิเอะ (มี -40 มาแล้ว) ที่เที่ยวส่วนใหญ่ที่จะไป ก็อยู่แนวชายฝั่ง เพราะอย่างนั้น อุณหภูมิไม่น่าจะเป็นปัญหา
แต่ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น-ตกในเดือนมกราคมนี่สิ sun rise 11am / sun set 3-4pm อุแม่เจ้า มีแสงแค่ 4-5 ชม เท่านั้น แล้วฉันจะไปดูอะไร ขับรถบนถนนที่มีหิมะ ทำความเร็วได้เท่าไรกันเชียว (คาดเอาไว้สัก 60 km/hr ก็เก่งแล้ว) ยังไม่รวมแวะพักกินข้าว ยืดเส้นยืดสาย 4 ชม. สงสัยไม่ไหว
ตารางการเดินทางเลยมาตกที่ปลายเดือนกุมภา อากาศอุ่นขึ้นนิดนึงแล้ว ประมาณ 5 ถึง -5 กลางวันกลางคืนก็ไม่แตกต่างกันมากนัก และที่สำคัญ sun rise 9am / sun set 6pm มีแสง 9-10 ชม. พอเหมาะกับการขับรถมาก ตื่นมา กินข้าวเช้าเสร็จฟ้าก็สว่าง ออกเดินทางได้พอดี
ซึ่งแม้ว่าปลายเดือน กพ - ต้นเดือน มีค จะเหมาะทั้งอุณหภูมิ(ไม่หนาวมากนัก ยังมีหิมะและน้ำแข็งให้ดู) และความสว่างเพียงพอ แต่เราก็มารู้ตอนที่มาถึงที่นี่ว่ามันเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนฤดู จากฤดูหนาว เข้าฤดูใบไม้ผลิ อากาศจะเหวี่ยงมาก ราวกับหญิงวัยทอง แดดจ้า เมฆทึบ ฝน หิมะ หิมะปนฝนที่ตกมาแบบแฉะๆ แปะๆ ที่กระจก เจอครบได้ภายใน 2 ชม เรียกได้ว่ามีโอกาสเจอสภาวะ "วันเดียวเที่ยวครบทุกสภาพอากาศ"
เช็คสภาพอากาศที่ไอซ์แลนด์ได้ตามลิงค์ ข้อมูลค่อนข้างละเอียดแม่นยำ มีแผนที่เมฆ บอกทิศทางลม และพายุว่ากำลังพุ่งตรงไปทางใหน http://en.vedur.is/weather/forecasts/areas/
ส่วนถ้าจะใช้เป็น IOS application ก็ตามนี้
Veður by Stokkur Software https://appsto.re/th/j99hO.i
ส่วนถ้าใครอยากได้พยากรณ์ Aurora ของ iceland ก็ดูได้ตามลิงค์นี้ค่ะ ใครบอกว่าต้อง moderate ถึงได้เห็น แต่จากคำบอกเล่าของคนในพื้นที่ 1-2 แต่ฟ้าเปิดๆ ลมแรงๆ นี่ก็มีโอกาสแจ็คพ็อตแตกได้เหมือนกันค่ะ เจอมากับตัวล่ะ
http://en.vedur.is/weather/forecasts/aurora/ ใครไปเจอช่วงขาวๆ นี่ เตรียมลุ้นได้เลย
ลม ลม ลม
แม้ไอซ์แลนด์จะไม่เด่นเรื่องอุณหภูมิติดลบ แต่จัดเต็มเรื่องลม พวกเราได้รับคำแนะนำจากบริษัทให้เช่ารถว่า การขับรถที่ไอซ์แลนด์ คุณแทบไม่ต้องระวังว่าจะเกิดอุบัติเหตุจาการเฉี่ยวชน ประเทศเรานี้ ไม่ได้มีจำนวนประชากรหนาแน่นพอจะทำให้เกิดปัญหาเหล่านั้น แต่กรุณาระวังเวลาเปิดประตูรถ เพราะลมที่นี่ จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ประตูรถเปิดไปชนรถคันอื่นได้
คือตอนนั้นนึกไม่ออกหรอกค่ะ ว่า "ลม" มันจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อย่างไร แต่ก็รับฟังเอาไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย
พอมาขับรถ เจอของจริงเท่านั้น บอกได้เลยว่า ลมที่นี่เป็นตัวแปรของสภาพอากาศที่หนักหนาที่สุด เราเจอลมแรงสารพัดรูปแบบ
-แค่แง้มประตูรถ ถ้าอยู่ในแนวลมพัดให้ประตูเปิดได้ ลมจะดีดประตูอ้าออกไปทันที จับไม่ทัน ดีว่าไม่มีรถอะไรจอดอยู่ข้างๆ
-จะลงจากรถแต่เปิดประตูไม่ได้ เพราะจอดรถขวางลม ต้องตะกายไปออกอีกด้านหนึง ซึ่งไม่มีลมเลย เพราะรถเป็นเกราะกันลมชั้นดี
-เราได้รับคำแนะนำว่า ให้จอดรถให้ชิดอาคาร ในตำแหน่ง นี้ นี้ นี้ นะคะ เพราะอาคารจะช่วยได้ กรณีที่พายุเข้ามาพร้อมกับของบางอย่างที่อาจจะลอยมาตามลม(เช่นประตู หน้าต่าง จากบ้านอื่น) อาคารจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับรถของเราได้
-ขับรถฝ่าพายุ (เพราะไม่ได้ดูพยากรณ์อากาศ+ถนน) ลมพัดให้รถคลอนเป็นระยะๆ ทั้งๆ ที่ขับอยู่อย่างนั้น มารู้ที่หลังว่า บนถนนเส้นเดียวกันห่างไปไม่ไกล พายุนั้นพัดรถตกถนนไปเลย 7 คัน
-หน้าต่างห้องนอน แม้จะหน้าหนาว จะไม่เปิดก็ไม่ได้ เพราะอากาศข้างในมันจะร้อนไป หายใจไม่ออก ต้องแง้มนิดๆ แต่ก็ต้องทนกับเสียงลมหวีดหวิว และหน้าต่างสะเทือนดังกึกๆ ไปทั้งคืน
-ติดอยู่ที่มุมตึก เดินเลี้ยวไม่ได้ เพราะเป็นทิศทางลม ต้องหาที่ยึดเกาะแล้วค่อยๆ เดินไป
-ต้องเดินถอยหลัง เพราะหันหน้าสู้ลมไม่ได้
หิมะ
ช่วงเวลาปลายฤดูหนาว ต้นฤดูใบไม้ผลิ เป็นโอกาสอันดีสำหรับคนที่มีจากเขตศูนย์สูตรแบบเรา ที่จะได้เห็นหิมะเกือบทุกรูปแบบ
-หิมะโปรยปรายแบบลมนิ่งๆ (อันนี้เห็นไม่เยอะ เพราะส่วนใหญ่มากับลมทั้งนั้น)
-หิมะตกเฉียงๆ ทำมุม 100-180 องศา แต่เป็นละอองเล็กๆ
-หิมะตกเฉียงๆ ทำมุม 100-180 องศา แต่เป็นชิ้นใหญ่ๆ แบบตกทีแล้วมองไม่เห็นทางเลย
-หิมะที่ตกลงมาเป็นก้อนน้ำแข็งอันเล็กๆ คล้ายๆ ลูกเห็บ กระทบกระจกรถ เสียงกรุบกริบ ตลอดทาง
-หิมะที่ตกลงมาพร้อมกับฝน คล้ายๆ น้ำแข็งใสที่ผสมน้ำมาแล้ว กระทบกระจกรถ จะเป็นเสียงแปร่ะๆ
สรุปว่า ถ้าใครจะมาช่วงนี้ ให้เตรียมใจเอาไว้ว่าเราจะได้มาดูธรรมชาติที่เราไม่เคยเห็นในเขตร้อน อย่าไปคิดว่า ฝนตก-หิมะตก แล้วจะออกไปเที่ยวใหนไม่ได้ เพราะถ้าคิดอย่างนั้น มัวแต่รอให้อากาศดี คงได้แต่นอนอยู่ที่โรงแรมแน่ๆ
การเตรียมอุปกรณ์
เพราะเนื่องจากลมที่ไอซ์แลนด์พัดแรงมาก ถึงมากที่สุด สิ่งที่ควรต้องมี และไม่ต้องมี หากต้องการเดินทางไปในช่วงหน้าหนาว หรือปลายหนาวต่อใบไม้ผลิ
-เสื้อ/กางเกง/ถุงมือ กันน้ำและลม ควรเป็น GORE-TEX แบบที่ดีที่สุด เท่าที่จะหาได้ เพราะอานุภาพของลมที่ไอซ์แลนด์ สามารถแทรกเข้ามาตามเส้นใยเสื้อผ้า หนาบางไม่สำคัญ ถ้าไม่ได้เคลือบสารกันน้ำ-ลมแล้วละก็ ชีวิตมีปัญหา เที่ยวไม่สนุกแน่ๆ
-ร่ม ไม่ต้องพกไปให้เสียเวลา แบบพับ แบบก้านยาว ก้านแข็ง ก้านแข็งโครตๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ฝนตกหนักแค่ใหนก็ไม่ได้ใช้ กางไม่ขึ้นแน่ๆ
-แว่นตา จะกันแดด หรือไม่กันแดดก็ได้ เพราะจุดประสงค์หลัก คือเอาไว้กันลม เวลาลมแรงๆ ใส่แว่นจะช่วยให้เดินฝ่าลมได้
-เสื้อผ้า อย่าให้รุ่มร่าม detail เยอะแยะนัก เช่นเห็นนักท่องเที่ยวจีนบางคน ใส่ผ้าพันคอทิ้งชายยาวสวยงาม เจอลมพัดปลิว หอบหายไปเลย
ที่พัก
โดยส่วนใหญ่เราใช้บริการ www.booking.com ก็สะดวกดี แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ เห็นมีนักท่องเที่ยว walk-in มาหาที่พักอยู่เหมือนกัน คนไม่ค่อยเที่ยว ที่พักส่วนใหญ่ก็จะว่าง หลายๆ คนใช้วิธีขับไปเรื่อยๆ อยากแวะที่ใหนก็แวะ เราก็กะว่า มาครั้งหน้าอยากลองเที่ยวแบบนี้ดูเหมือนกัน
ค่าที่พักแตกต่างกันไปในแต่ละที่ แต่เฉลี่ยประมาณ 2 พัน ต้นๆ /ห้อง/คืน อาหารเช้าก็มีบ้างไม่มีบ้าง แล้วแต่ที่
เช่ารถ
ประเภท : คำตอบสุดท้าย รถใหญ่ไว้ก่อน ใหญ่เท่าที่กำลังทรัพย์จะไหว 4x4 เท่านั้น
โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เราไป เป็นช่วงที่อากาศแปรปรวน ถือว่าเราโชคดีมากๆ ที่เลือกรถใหญ่ (โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่ามันสำคัญแค่ใหน) การทรงตัวดีกว่า มีกำลังพอจะขึ้นจากหล่มหิมะแห้งๆ (ซึ่งมารู้ทีหลังว่ามันอันตรายพอๆ กับหล่มโคลน) ลุยเข้าไปในทางลูกรังปนหิมะได้สบายๆ นั่งสบาย กว้างขวาง เหมาะกับการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในรถ ฯลฯ
เกียร์ : ออโต้ หายากหน่อย แต่คุ้นเคยกว่า ขับสบาย อยากได้ก็ต้องหาเอาจากหลายๆ agency และมีรถไม่มากนัก ควรจองล่วงหน้า
agency เล่าให้เราฟังว่า ถ้า walk-in ส่วนใหญ่มีแต่เกียร์ธรรมดา ที่นี่รถไม่ติด คนไม่ได้รู้สึกว่าการขับรถเกียร์ธรรมดาเป็นเรื่องยากลำบาก ซึ่งก็คล้ายๆ กับประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ ที่มักจะมีแต่เกียร์ธรรมดาให้เช่า เกียร์ออโต้เป็นเรื่องพิเศษในระดับหนึ่ง (แพงกว่า)
เราใช้บริการ www.rental.com จ่ายล่วงหน้าไปเลย ถูกกว่า และคืนเงินได้เต็มจำนวน กรณีที่เราเกิดยกเลิกการเดินทาง เช่า Ford Kuga 4x4 ทั้งหมด 9 วัน ราคาประมาณ 27,000 บาท