นอกเหนือจากโน้ตบุ๊คในตลาดที่คนส่วนมากเน้นไปที่ความคุ้มค่าเรื่องสเปกต่อราคาแล้ว ก็ยังมีโน้ตบุ๊คอีกประเภทหนึ่งที่ผู้คนให้ความสนใจไม่แพ้กัน โดยมีจุดเด่นในเรื่องของความบางเบาเป็นหลัก ซึ่งก็มีตั้งแต่โน้ตบุ๊คที่เบาและบางกว่าโน้ตบุ๊คปกติทั่วไปเล็กน้อย จนไปถึงระดับของโน้ตบุ๊คประเภท Ultrabook ที่จะมีตัวเครื่องดีไซน์ที่บางเบากว่าเป็นพิเศษ โดยส่วนมากจะมีน้ำหนักเพียงแค่โลนิดๆ เท่านั้น ซึ่งในกระทู้นี้ จะเป็นรีวิว Ultrabook รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง HP ที่มีความน่าสนใจมากๆ อย่าง HP Envy 13 รุ่นปี 2015
สำหรับ HP Envy 13 ที่เป็นน้องเล็กสุดกับในส่วนของซีรีย์ Envy ที่พรีเมียมสุดๆ โดยเป็นโน้ตบุ๊คที่มีความบางและเบามากๆ เพียง 12.95 มิลลิเมตรและน้ำหนักเพียง 1.36 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกได้ถือมือเดียวได้อย่างสบายๆ นับได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอ 13.3 นิ้วของ HP ที่เบาและบางที่สุดก็ว่าได้ ส่วนตัวคีย์บอร์ดนั้นก็ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ให้แต่ละปุ่มมีระยะห่างกัน 1.2 มิลลิเมตร ส่วนลำโพงเป็น Bang & Olufsen ที่จัดว่าคุณภาพเสียงดีกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไป
โดย HP Envy 13 มีหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว มีให้เลือกทั้งแบบที่รองรับความละเอียด Full HD หรือ QHD โดยมาพร้อมชิปประมวลผล Intel Gen 6 Skylake มีให้เลือกในรุ่น i5 และ i7 ส่วนหน่วยความจำแรม มีตัวเลือกมากสุดที่ขนาด 8GB และมีแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 256GB ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3.0 จำนวน 4 พอร์ต, HDMI, SD Card Reader สนนราคาที่ 33,990 – 39,990 บาท
ในเรื่องของสเปกภายในของ HP Envy 13 นั้น เครื่องที่ผมได้รับมาเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-6500U ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.50 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.10 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel HD Graphics 520 ที่ติดมาในชิปประมวลผลจาก Intel Core i Gen 6 (Skylake) แรมก็ให้มา 8GB เป็นแบบฝังติดบอร์ดมาเช่นเดียวกับ Ultrabook ส่วนใหญ่ในท้องตลาด โดยเลือกใช้ SSD ความจุสูงที่ 256GB นอกจากนี้ยังมีเรื่องจอที่ได้กล่าวไปแล้วว่าใช้จอขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 3200 x 1800 พิกเซล (276 ppi) แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย ที่สำคัญยังบางเฉียบและเบาเพียง 1.36 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็น Ultrabook ที่มาพร้อมคุณสมบัติครบครันจริงๆ ประสิทธิภาพโดยรวมก็ดีกว่า Ultrabook สเปกรุ่นปีก่อนๆ พอตัว
พอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานของกลุ่ม Ultrabook มาให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.0 และ HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ พร้อมจุดเด่นเดิมที่ป็นเอกลักษณ์ใหม่ของ HP นั่นคือมีประกันแบบ On-Site Service ให้เป็นระยะเวลา 2 ปีด้วยกัน
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ HP Envy 13 จัดได้ว่าเป็น Ultrabook หน้าจอ 13.3 นิ้ว ที่น่าสนใจอยู่พอสมควร จากการที่มีบางเบาที่สุดของทาง HP ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ส่วนของบอดี้ จะใช้เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา รวมไปถึงดูหรูหรามีราคา ที่สำคัญก็คือในส่วนของดีไซน์การเปิดตัวหน้าจอและคีย์บอร์ดที่จะทำมุมอย่างเหมาะสมเวลาเปิด ทำให้เวลาที่ใช้งานนั้นผู้ใช้จะรู้สึกว่าตัวเครื่องมีการระบายอากาศทางด้านล่างของโน๊ตบุ๊คออกไปอย่างรวดเร็วและให้ความรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้นเวลาพิมพ์ แน่นอนว่าคีย์บอร์ดก็ต้องมีไฟส่องสว่างตามสมัยนิยม
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ตัวเครื่องทั้งหมดใช้เป็นวัสดุอลูมิเนียม ส่งให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป โดยเป็นรอยนิ้วมือได้ยากในระดับนึงฉะนั้นใช้งานได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน ว่านี่คือ Ultrabook ตัวเครื่องระดับบน ที่มีการออกแบบมาเป็นอย่างดีพร้อมใส่ในรายละเอียดอย่างที่สุด
นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก ที่สำคัญยังมีการในส่วนของดีไซน์การออกแบบ HP Envy 13 ยังมี Finger Print กับระบบป้องกันความปลอดภัย ที่จัดได้ว่าเป็นอะไรที่โดดเด่นกว่า Ultrabook รุ่นอื่นๆ และเป็นตัวช่วยได้เป็นอย่างดีในการเข้าใช้งานแต่ละครั้ง
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ HP Envy 13 มีความน่าสนใจก็คือ มีซอฟต์แวร์อินเตอร์เน็ต WiFi รอบโลกอย่าง iPass ที่มากับผลิตภัณฑ์ HP ทุกเครื่องที่ติดตั้ง Windows 10 แบบ Pre Install เอาไว้ ซึ่ง iPass นี้เองจะสามารถใช้งานได้จริงๆ กว่าหลายๆ ร้อยประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เพียงแค่เชื่อมต่ออินเตอร์ WiFi และ Log-in ผ่านแอปพลิเคชั่น iPass ก็สามารถใช้งานได้แล้วละครับ โดยในประเทศไทยทั้ง True, AIS และ 3BB ก็รองรับ ซึ่งทาง HP ใจดี ให้ใช้กันได้ฟรีๆ เป็นระยะวะเวลา 1 ปีสำหรับ ผลิตภัณฑ์ HP ทุกเครื่องที่ติดตั้ง Windows 10 ด้วย ถือว่าเป็น Key Feature ที่น่าสนใจมาก และเป็นเจ้าแรกในตลาด PC ประเทศไทยเลยก็ว่าได้ที่กล้าให้ผู้ใช้ได้ขนาดนี้
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหา Ultrabook ระดับสูง หรือโน้ตบุ๊คที่เน้นควาบางเบาพกพาสะดวกแล้วล่ะก็ (รวมไปถึง MacBook Air หรือ MacBook Pro Retina) HP Envy 13 คงจะตอบโจทย์การใช้งานได้รอบด้านอยู่ไม่น้อย สนนราคาที่ 33,990 บาท และ 39,990 บาท โดยต่างกันที่สเปกภายในอย่างชิปประมวลผล แรม และหน้าจอ ซึ่งถ้าจะให้แนะนำ รุ่นที่เป็น Core i7 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะเพิ่มอีก 6,000 บาท ได้อะไรๆ ขึ้นมาหลายอย่างเลย ส่วนถ้าใครงบไม่ถึง รุ่น Core i5 ก็ไม่ได้น้อยหน้าเรื่องประสิทธิภาพการทำงานแต่อย่างใด ยังไงใครสนใจก็ลองไปชมตามหน้าร้านของจริงได้ พิจารณากันดูนะครับ
*** ในชุดบันเดิล เราจะได้สายแปลง USB > LAN และ HDMI > VGA อีกด้วย ช่วยให้สะดวกมากๆ เลยในการใช้งาน
[SR] รีวิว HP Envy 13 Ultrabook บางเฉียบเบาเวอร์ ดีไซน์หรู ได้สเปก Core i7/RAM 8GB/SSD 256GB ราคา 39,990 บาท
สำหรับ HP Envy 13 ที่เป็นน้องเล็กสุดกับในส่วนของซีรีย์ Envy ที่พรีเมียมสุดๆ โดยเป็นโน้ตบุ๊คที่มีความบางและเบามากๆ เพียง 12.95 มิลลิเมตรและน้ำหนักเพียง 1.36 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกได้ถือมือเดียวได้อย่างสบายๆ นับได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอ 13.3 นิ้วของ HP ที่เบาและบางที่สุดก็ว่าได้ ส่วนตัวคีย์บอร์ดนั้นก็ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ให้แต่ละปุ่มมีระยะห่างกัน 1.2 มิลลิเมตร ส่วนลำโพงเป็น Bang & Olufsen ที่จัดว่าคุณภาพเสียงดีกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไป
โดย HP Envy 13 มีหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว มีให้เลือกทั้งแบบที่รองรับความละเอียด Full HD หรือ QHD โดยมาพร้อมชิปประมวลผล Intel Gen 6 Skylake มีให้เลือกในรุ่น i5 และ i7 ส่วนหน่วยความจำแรม มีตัวเลือกมากสุดที่ขนาด 8GB และมีแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 256GB ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3.0 จำนวน 4 พอร์ต, HDMI, SD Card Reader สนนราคาที่ 33,990 – 39,990 บาท
ในเรื่องของสเปกภายในของ HP Envy 13 นั้น เครื่องที่ผมได้รับมาเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-6500U ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.50 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.10 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel HD Graphics 520 ที่ติดมาในชิปประมวลผลจาก Intel Core i Gen 6 (Skylake) แรมก็ให้มา 8GB เป็นแบบฝังติดบอร์ดมาเช่นเดียวกับ Ultrabook ส่วนใหญ่ในท้องตลาด โดยเลือกใช้ SSD ความจุสูงที่ 256GB นอกจากนี้ยังมีเรื่องจอที่ได้กล่าวไปแล้วว่าใช้จอขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 3200 x 1800 พิกเซล (276 ppi) แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย ที่สำคัญยังบางเฉียบและเบาเพียง 1.36 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็น Ultrabook ที่มาพร้อมคุณสมบัติครบครันจริงๆ ประสิทธิภาพโดยรวมก็ดีกว่า Ultrabook สเปกรุ่นปีก่อนๆ พอตัว
พอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานของกลุ่ม Ultrabook มาให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.0 และ HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ พร้อมจุดเด่นเดิมที่ป็นเอกลักษณ์ใหม่ของ HP นั่นคือมีประกันแบบ On-Site Service ให้เป็นระยะเวลา 2 ปีด้วยกัน
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ HP Envy 13 จัดได้ว่าเป็น Ultrabook หน้าจอ 13.3 นิ้ว ที่น่าสนใจอยู่พอสมควร จากการที่มีบางเบาที่สุดของทาง HP ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ส่วนของบอดี้ จะใช้เป็นอลูมิเนียมคุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา รวมไปถึงดูหรูหรามีราคา ที่สำคัญก็คือในส่วนของดีไซน์การเปิดตัวหน้าจอและคีย์บอร์ดที่จะทำมุมอย่างเหมาะสมเวลาเปิด ทำให้เวลาที่ใช้งานนั้นผู้ใช้จะรู้สึกว่าตัวเครื่องมีการระบายอากาศทางด้านล่างของโน๊ตบุ๊คออกไปอย่างรวดเร็วและให้ความรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้นเวลาพิมพ์ แน่นอนว่าคีย์บอร์ดก็ต้องมีไฟส่องสว่างตามสมัยนิยม
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ตัวเครื่องทั้งหมดใช้เป็นวัสดุอลูมิเนียม ส่งให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป โดยเป็นรอยนิ้วมือได้ยากในระดับนึงฉะนั้นใช้งานได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน ว่านี่คือ Ultrabook ตัวเครื่องระดับบน ที่มีการออกแบบมาเป็นอย่างดีพร้อมใส่ในรายละเอียดอย่างที่สุด
นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก ที่สำคัญยังมีการในส่วนของดีไซน์การออกแบบ HP Envy 13 ยังมี Finger Print กับระบบป้องกันความปลอดภัย ที่จัดได้ว่าเป็นอะไรที่โดดเด่นกว่า Ultrabook รุ่นอื่นๆ และเป็นตัวช่วยได้เป็นอย่างดีในการเข้าใช้งานแต่ละครั้ง
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ HP Envy 13 มีความน่าสนใจก็คือ มีซอฟต์แวร์อินเตอร์เน็ต WiFi รอบโลกอย่าง iPass ที่มากับผลิตภัณฑ์ HP ทุกเครื่องที่ติดตั้ง Windows 10 แบบ Pre Install เอาไว้ ซึ่ง iPass นี้เองจะสามารถใช้งานได้จริงๆ กว่าหลายๆ ร้อยประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เพียงแค่เชื่อมต่ออินเตอร์ WiFi และ Log-in ผ่านแอปพลิเคชั่น iPass ก็สามารถใช้งานได้แล้วละครับ โดยในประเทศไทยทั้ง True, AIS และ 3BB ก็รองรับ ซึ่งทาง HP ใจดี ให้ใช้กันได้ฟรีๆ เป็นระยะวะเวลา 1 ปีสำหรับ ผลิตภัณฑ์ HP ทุกเครื่องที่ติดตั้ง Windows 10 ด้วย ถือว่าเป็น Key Feature ที่น่าสนใจมาก และเป็นเจ้าแรกในตลาด PC ประเทศไทยเลยก็ว่าได้ที่กล้าให้ผู้ใช้ได้ขนาดนี้
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหา Ultrabook ระดับสูง หรือโน้ตบุ๊คที่เน้นควาบางเบาพกพาสะดวกแล้วล่ะก็ (รวมไปถึง MacBook Air หรือ MacBook Pro Retina) HP Envy 13 คงจะตอบโจทย์การใช้งานได้รอบด้านอยู่ไม่น้อย สนนราคาที่ 33,990 บาท และ 39,990 บาท โดยต่างกันที่สเปกภายในอย่างชิปประมวลผล แรม และหน้าจอ ซึ่งถ้าจะให้แนะนำ รุ่นที่เป็น Core i7 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะเพิ่มอีก 6,000 บาท ได้อะไรๆ ขึ้นมาหลายอย่างเลย ส่วนถ้าใครงบไม่ถึง รุ่น Core i5 ก็ไม่ได้น้อยหน้าเรื่องประสิทธิภาพการทำงานแต่อย่างใด ยังไงใครสนใจก็ลองไปชมตามหน้าร้านของจริงได้ พิจารณากันดูนะครับ
*** ในชุดบันเดิล เราจะได้สายแปลง USB > LAN และ HDMI > VGA อีกด้วย ช่วยให้สะดวกมากๆ เลยในการใช้งาน