ช่องว่างในสังคม...ที่เราอาจเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง



ตั้งแต่เล็กจนโต ผมมักได้ยินคนพูดกันว่า
"อยากพยายามแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ"
หรือ "ลดช่องว่างในสังคม"

"ช่องว่าง" ที่เกิดจากคนรวยรวยล้นฟ้า กับคนจนที่ไม่มีอันจะกิน
"ช่องว่าง" ที่เกิดจากโอกาสทางการศึกษา ที่ไม่เท่าเทียมกัน
"ช่องว่าง" ที่เกิดจากเพศ ศาสนา ความเชื่อ หรือแม้กระทั่งลัทธิทางการเมือง
ที่แบ่งแยก กีดกั้นคนในสังคมเดียวกัน ให้แตกแยกออกจากกัน

แต่ผมไม่ได้มาพูดถึงปัญหาช่องว่างเหล่านั้นหรอกนะครับ
เพราะอย่างที่เห็นกัน ว่ามันมีมานาน อยู่มานาน บางช่องว่างอาจหดหาย หรือแคบลงไป
แต่บางช่องว่างก็เกิดมาใหม่ หรือขยายขนาดมากขึ้น และปัญหาความเหลื่อมล้ำในระดับใหญ่ขนาดนี้
คงไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมีปัญญาไปจัดการอะไรได้ นอกจากพยายาม
ไม่เพิ่มช่องว่างนั้นให้กว้างขึ้น หรือช่วยลดช่องว่างที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่กำลัง
ความสามารถเราจะทำได้เมื่อมีโอกาส

แต่ปัญหา "ช่องว่าง" ที่ผมกำลังจะพูดถึงต่อไปนี้
มันกลับเป็นช่องว่างที่ผมเริ่มสังเกตเห็นบ่อยครั้งขึ้น
และมันอาจอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด
"ช่องว่าง" ที่อาจเติบโตขึ้นมาตามความเจริญ เทคโนโลยี และรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป
"ช่องว่าง" ที่ผมแอบคิดเอาเองว่า เราทุกคนก็อาจมีส่วนร่วม ที่ทำให้มันเกิดขึ้นด้วย
โดยที่เราอาจนึกไม่ถึง หรืออาจไม่ได้ตั้งใจเลยก็ตาม

"ช่องว่าง" ที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นี้
คือช่องว่างของความใส่ใจ และสนใจคนรอบข้าง
ช่องว่างที่ว่า...ไม่ได้กำลังมีมากขึ้น
แต่กลับค่อยๆจางหายไปจากสังคมของเรา

และถ้าลองสังเกตดูดีๆ คุณอาจจะตกใจเมื่อพบว่า
"ช่องว่าง" เหล่านี้...อยู่ใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คุณคิด!!!

มันอาจแทรกอยู่ระหว่างเบาะที่นั่งยาว ข้างๆคนขับรถเมล์
ที่บางคนอาจเว้นช่องว่างระหว่างกันไว้ เพื่อให้สามารถนั่งในท่าที่สบายได้
แต่ถ้าเขาเหล่านั้นเงยหน้ามองไปรอบๆ ใส่ใจ และสนใจคนที่ยืนโหนอยู่ข้างๆสักนิด
เขาจะเห็นว่า เพียงแค่ขยับเข้าไปนั่งชิดๆกันอีกหน่อย
ช่องว่างที่เขาเผื่อไว้สำหรับความสบาย มันอาจเพียงพอที่ใครอีกคน
จะสามารถแทรกลงไปนั่งด้วยได้

หรือช่องว่างที่ผมว่า..
อาจแทรกอยู่บนรถไฟฟ้า ช่วงกลางๆขบวนในชั่วโมงเร่งรีบ
ที่เราเห็นว่ามัน "ว่าง" แต่ไม่มีใครยอมเดินเข้าไป
ช่องว่างที่หลายคนมองว่ามันอาจทำให้คุณลงจากรถลำบากถ้าเดินเข้าไป
แต่คุณอาจลืมนึกไปว่า ใครอีกหลายคนก็อาจต้องลำบากเช่นกัน
หากเขาพลาดรถไฟขบวนนี้ บางทีเวลาเรายืนอยู่ข้างนอกแล้วมองเข้าไป
เราอาจมีคำพูดบางอย่าง ที่อยากบอกกับคนที่ยืนอยู่ข้างในนั้น
ข้างๆ "ช่องว่าง" ที่หลายคนข้างนอก อยากเข้าไปยืนอยู่ตรงนั้นใจจะขาด
แต่พวกเขาก็ได้แต่ยืนรอให้ประตูปิดไป พร้อมๆกับช่องว่างที่ไม่มีวันถูกถมให้เต็ม

บางครั้ง
เวลามีใครพูดถึงปัญหาช่องว่างในสังคม
เราอาจนึกถึงแต่ภาพของคนจน เด็กๆที่ยากไร้ ขาดการศึกษา หรือคนที่ไม่ได้รับโอกาส
ที่ควรจะได้รับอย่างเท่าเทียม แต่เราอาจมองข้าม และนึกไม่ถึงว่า
จริงๆแล้ว ช่องว่างในสังคม มันอาจอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่เราคิด
หรือบางครั้ง เราเองนั่นแหละ ที่ทำให้ช่องว่างนั้นเกิดขึ้นมาเอง
เราอาจบอกว่า เราไม่ได้ตั้งใจ แต่ลึกๆแล้วเราอาจต้องหันมาตั้งคำถามกับตัวเอง
ว่าเราไม่ได้ตั้งใจ หรือเราไม่ได้ใส่ใจ

บางทีปัญหาช่องว่าง หรือความเหลื่อมล้ำทางสังคม
หลายๆอย่าง ก็อาจจะมีต้นตอที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

ทุกวันนี้ เราอยู่ในสังคม"ก้มหน้า"
ที่ต่างคน ต่างก้มหน้าจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องของตัวเอง
จนลืมเงยหน้าขึ้นมามองดูเรื่องรอบตัว หรือคนรอบข้าง
บางครั้งเราเอาแต่ก้มหน้ามองดูมือถือ จนลืมมองเห็นเด็ก หรือคนแก่
ที่ยืนอยู่ข้างๆเราบนรถเมล์
บางครั้งพอเราก้าวขึ้นไปยืนบนรถไฟฟ้าได้
เราก็รีบหยิบมือถือขึ้นมา แล้วก้มหน้าสนใจมัน โดยลืมนึกไปว่า
ยังมีคนอีกหลายคนที่รอจะเดินเข้ามา และโดยสารรถไฟฟ้าไปพร้อมๆกับเรา

ถ้าคุณไม่เชื่อว่า ปัญหาช่องว่างทางสัมคมเหล่านี้มีอยู่จริง
ลองปิดมือถือ แล้วเริ่มสังเกตผู้คนรอบๆตัวคุณดู
ขณะไปทำงาน ขณะอยู่บนรถไฟฟ้า ขณะเดินขึ้นบันไดเลื่อน ขณะนั่งอยู่บนรถเมล์
คุณเห็นช่องว่างเหล่านั้นรึเปล่า?
และถ้ามันอยู่ใกล้ตัวคุณมาก คุณจะจัดการกับมัน อย่างไร?

อย่าปล่อยให้ "ช่องว่าง" ของความไม่ใส่ใจ
มาบ่มเพาะให้จิตใจของเราคับแคบ
เอาใจเขา..มาใส่ใจเรา
ลดช่องว่างของความไม่ใส่ใจ...ด้วยความสนใจ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่