สแกนกาย สแกนใจ แล้วสแกนเงินในกระเป๋าตัวเอง แล้วไป Scandinavia กัน

แอบยืมคำของคุณ http://www.oknation.net/blog/mena/2010/06/04/entry-1 นี้มาใช้นิดนึงมันคล้องกันดี

ต้องบอกก่อนว่าเจ้าของกระทู้ก็เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาคนนึง ที่มีความคิดอยากไปเที่ยวยุโรปดูซักครั้งจะเหนือใต้ออกตกก็ได้ขอให้เป็นยุโรปเถอะ หลังจากเขี่ยๆเม้าท์หน้าคอมไปเรื่อยๆ เผอิญไปเจอสายการบินนึงบินไปเทศแถบสแกนดิเนเวียราคาหมื่นต้นๆ เห้ย! ถูกอะอยากไปๆแต่ก็ต้องตัดใจไปเพราะว่าเงินในกระเป๋าไม่มีจะขอวีซ่ายังไงหละ ความคิดนี้ก็เลยตัดไป ก็คิดในใจถ้ามีบุญคงได้ไปเองและราคาตั๋วไม่ขยับนะ กรูจะสอยเลยจริงๆตั๋วเนี่ย ก็ปล่อยเวลาผ่านไปจนทริปฮ่องกงมาถึงก็คิดอีกถ้ากลับมาราคายังไม่ขยับนะโดนกรูแน่….. และทริปฮ่องกงก็ผ่านไปก็กลับมาดูอีก เอ้ายังราคานี้อยู่เลยเอาๆจองๆ ระหว่างกดจองก็คิดว่าวีซ่าไม่ผ่านทำไงวะ แต่ก็นะ เอาซักขาไปก่อนก็ได้ให้พอมีกำลังใจหน่อยก็จัดการจองตั๋วขาไป BKK-STO ราคา 167.5 Euro ประมาณ 6700 บาทแบบไม่โหลดกระเป๋าไม่รวมค่าอาหาร จองไปเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากมีเวลาเก็บเงินนาน จองตอนเดือนเมษายน พอได้ตั๋วขาไปมาแล้ว เอาๆฝันใกล้เข้ามาแล้วผ่านไปอีกเดือนก็จองตั๋วขากลับคือเดือน พฤษภาคม ก็จองตั๋วขากลับ OSL-BKK ราคา 188.8 Euro ประมาณ 7100 กว่าบาทแบบไม่โหลดกระเป๋าและอาหาร สรุปมีเวลาเตรียมตัว 6 เดือนก่อนเดินทางคราวนี้ก็ไปดูระเบียบเรื่องการขอวีซ่าว่าเค้าต้องการอะไรบ้างก็กะเก็บซัก 5 เดือนค่อยไปขอวีซ่า คิดในใจโอ้ยสบาย 5 เดือนเดือนละ 2 หมื่น 5 เดือนก็แสนมีเหรอวีซ่าจะไม่ผ่าน อิอิ ผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่าระหว่างนั้นก็จองตั๋วเครื่องบินภายในยุโรปไว้ อ่อบอกถึงแผนการเดินทางก่อน  คือเจ้าของกระทู้วางแผนไว้ว่าจะเดินทางไป Stockholm , Copenhagen , Warsaw , Krakow , Oslo หลังได้ตั๋วขาโปขากลับแล้วก็ทยอยซื้อตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ  เดือนละเที่ยวๆ สรุปถึงเดือนตุลาคม คือเดือนที่ต้องยื่นวีซ่า เอาไงหละเสตรทเม้นไม่มีเงินเลย ก็นึกออกเฮ้ย! … เงินเดือนกุก็ไม่ได้ขี้เหร่นะคงพอจะใช้เป็นเสตรทเม้นในการขอวีซ่าได้ วันแรกของเงินเดือนออกก็เอาสมุดไปอัพแล้วก็ซีรอกส่งไปพร้อมเอกสารอื่นๆ เพราะว่าเจ้าของกระทู้ซื้อตั๋วเครื่องบินหมดทุกขาแล้วคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ผ่านไปสองวันก็ถูกเรียกให้ไปรับเล่ม คิดในใจ ห่านเอ้ยไม่พิจารณาวิซ่ากุชัวร์ๆเลย เห็นเสตรทเม้นปุ๊บโยนทิ้งรีเจคทันที แต่ก็ไม่ได้เสียใจนะ เพราะถึงว่าวีซ่าจะไม่ผ่านแต่ก็ยังมีทริปรออยู่อีกเพียบ ทั้งในและต่างประเทศ คือ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และสมุย รออยู่ถึงวีซ่าจะไม่ผ่านก็จะไม่เสียใจมาก พอไปถึง Vfs ยื่นเอกสารรับเล่มเสร็จฉีกซองรีบดู มีใบขาวๆอะไรรึเปล่า ปรากฏว่าไม่มีงั้นก็เปิดเล่มดูและแล้วก็ได้วีซ่าเชนเก้นมา ฮิ้วๆๆ หมดเรื่องวีซ่าไป     มาถึงการจองโรงแรมบ้าง   โรงแรมที่นี่ถ้าพักเป็นห้องทั่วๆไปราคาตกคืนละ 3800 ถึงหมื่นอัพ ถ้าจะนอนเป็นสิบคืนคงจะไม่ไหวแพงเกินไป เจ้าของกระทู้เลยเลือกจองเป็นพวกโฮสเทลตกคืนละพันต้นๆ เอาๆพูดถึงเรื่องเงินนิดนึง เงินคือปัจจัยหลักให้การเดินทางขับเคลื่อนไปได้เจ้าของกระทู้แลกเงินที่ superrich สีล้มเป็นเงินสุกล SEK จำนวน 1500 , DKK 800 EURO 150 , NOK 1500
วันเดินทางเริ่มขึ้น วันที่ 13 พฤศจิกายน แต่ก่อนจะเดินทางก็มีเรื่องงานวุ่นๆมากมายกว่าจะเคลียร์งานจบก็เกือบตี 2 ต้องตื่นตีห้ากระเป๋าเสื้อผ้าก็ยังไม่ได้จัด นาฬิกาปลุกตีสี่ครึ่ง รีบลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วหยิบเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแบบลวกๆไป 11 วันใช่ไหมเสื้อ 10 กางเกงยีนส์ 5 กกน. 10 แล้วกันก็ยัดใส่เป้ไปหยิบโดนผ้าเช็ดตัวเอาไปด้วยดีเปล่าวะ อะๆเผื่อๆไว้ก็ยัดใส่กระเป๋าถุงเท้าก็หยิบติดมือไป 5 คู่ ก็รีบวิ่งไปขึ้นแทคซี่ไปสถานีรถไฟฟ้า จากพระราม 2 ไปรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ เพื่อไปลงสถานีพญาไท เพื่อต่อแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์ไปสนามบิน บอกตรงๆเพิ่งเคยเดินทางโดยวิธีนี้เป็นครั้งแรกเลย พอถึงสนามบินก็ไปหา counter check-in คือเจ้าของกระทู้เดินทางด้วยสายการบิน Norwegian Air ไฟท์บิน 9.30 ไปถึงสนามบินประมาณ หกโมงกว่าๆ ก็เดินเข้าไปเชคอินที่เค้าเตอร์ นางที่เค้าเตอร์ก็หยิบพาสปอร์ตไปดูเปิดๆดูวีซ่า และขอดูตั๋วขากลับ เราก็บอกไปว่าไม่ได้กลับจากสต๊อคโฮล์มนะผมกลับจากออสโล นางก็ว่านั่นแหละขอดูหน่อย ไอ้เราก็ต้องค้นในกระเป๋าเอกสารยื่นให้ไป นางก็ถามว่าพี่ไปท่องเที่ยวใช่ไหม ครับในใจคิดว่า คิดว่ากุไปแอบเก็บผลไม้ขายรึไงวะห่านเอ้ยถามอยู่นั่นในวีซ่าก็บอกวีซ่าท่องเที่ยว อารมณ์เสีย ! ก่อนไปนางขอติ๊ดสติ๊กเกอร์ approve กระเป๋าหน่อย คือจะเอาไปชั่งว่างั้น คิดในใจไม่เกินหรอกน่าเคยไปญี่ปุ่นก็ใบประมาณนี้ยัดเสื้อผ้าไปก็ประมาณนี้ยังไม่ถึง 5 โลเลย ตอนนั้นเอาไปชั่งถามพนักงานว่าผมต้องโหลดไหม พนักงานก็บอกจะโหลดก็ได้ แต่ถือขึ้นก็ได้นะสะดวกดีไม่ต้องเสียเวลารอกระเป๋าเอาไว้ขากลับซื้อของฝากค่อยเอามาโหลด ก็จริงนะ แต่เที่ยวนี้ไม่ได้ซื้อโหลดกระเป๋าซื้อแต่อาหารซึ่งราคาแพงมากกกกก 33 euro ต่อขาก็หวังมาฝากท้องอาหารมื้อแรกกับสายการบินนี่แหละ


อันนี้เป็นกระเป๋าที่ใช้เดินทาง

ไฟท์ออก 9.30 สายการบินเรียก boarding ตอน 9.00 ภายเครื่องบินก็จะเป็นที่นั่งแบบ 3-3-3 แต่ละที่นั่งก็จะมีจอทัชสกรีนให้คนละจอ ที่ชาร์ทแบต out-let ใต้เบาะ ที่จอจะมีที่รูดการเอาไว้สั่งเครื่องดื่มรวมถึงอาหารสแนคต่างๆนาๆราคาก็พอได้นั่งไปซักพักบรรยากาศเงียบเหงาคนอื่นเค้ามีหูฟังมาฟังเพลงดูหนังกัน แต่เราไม่มีเพราะรีบออกมาลืมหยิบมา เขี่ยๆจอไปเฮ้ยมีหูฟังขายหวะ ตอนแรกก็คิดว่าคงแพงน่าดูแต่ที่ไหนได้ 3$ us เอง ร้อยกว่าบาทก็รีบซื้อรูดๆเพราะไฟท์ยาว 12 ชม. ถ้านั่นนิ่งๆคงน่าเบื่อน่าดูก็จัดการรูดไป ซักแป๊บน้องแอร์ก็เอาหูฟังมาให้ใส่แพคเกจเข้าท่าแฮะ รีบแกะมาฟังฮืม…… โอเคสมราคา เสียงออกทุ้มๆแปลกๆไม่ค่อยมีเสียงแหลมออก เครื่องบินไปได้ซักพักถึงเวลาต้องเสิร์ฟอาหารแล้ว พนักงานก็เสิร์ฟๆไปทำไมไม่มีของเราวะหิวจะตายอยู่แล้ว 10 โมงกว่าแล้วอาหารซักนิดยังไม่ตกถึงท้องเลย แต่ก็รอๆๆๆ จนพนักงานเสิร์ฟ เสิร์ฟหมดไปก็เห็นคนอื่นกินเอาๆ เราก็เหงื่อแตกมือลูบท้องไปเอาไงดี จะถามดีไหมนะกลัวน้องเค้าบอกพี่ใจเย็นๆหน่อยได้ไหมกำลังเสิร์ฟเอาวะ นั่งนิ่งๆก่อนพอที่นั่งข้างๆทานเสร็จก็มีรถเข็ญนำอาหารมาเสิร์ฟตามที่นั่งต่างๆ อ่อคิดในใจคงเสิร์ฟพวกสั่งอาหารแปลกๆอย่างเช่นพวกกินมังก่อนมั้ง และแล้วอาหารเราก็มาก็รีบกินๆเพราะหิวมาก รสชาติเหรอ เอาเป็นว่าหิวต้องกิน ไม่กินไม่ได้เสียดายตังค์ ถ้าไม่หิวนะมีชายมีเอาเฟี้ยงหน้าจริงๆ เนื่องจากโดยส่วนตัวเป็นคนเลือกกินมากอันไหนรสชาติไม่ผ่านก็ไม่กินเลย แต่คือมื้อนี้มันหิวแบบสุดๆก็กินจนหมด ซักพักเครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟ ซักพักน้องแอร์ก็ถาม รับน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ดีครับ มาดคุณชายก็ …. ขอไวน์แดงกับน้ำเปล่าครับ อย่างละแก้ว ….ไม่ได้สิจ่ายเงินไปตั้ง 33 euro เลยนะแพงขนาดนี้ให้กินน้ำเปล่าได้ไง นางก็เทมาให้จนเกือบๆเต็มแก้ว ก็ดื่มไปซักพักก็เมาหลับซักงีบนึง ของเค้าดีจริงๆปกติเจ้าของกระทู้เป็นคนไม่ดื่มแฮลกอฮอร์มานานแล้วแต่ครั้งนี้คงงก ขอซักกรึ๊บ นั่งๆไปก็ไม่ถึงซักทีแฮะนานมากไฟท์บินยาว 12 ชม. เนี่ย เปิดหนังดูดีกว่าเลือกเรื่อง 500 days of summer หนังเค้าดีนะแต่ทำผมหลับยาวเลย ตื่นมาอีกทีเหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึง arlanda airport และก็เปิดหนังดูใหม่ ก็อ่านๆรีวิวก่อนจะเปิดดูฝรั่งข้างๆก็บอกเรื่องนี้สนุกนะดูสิ ก็หันไปยิ้มๆ คิดในใจเออกูจะดูอะไรก็เรื่องของกุเถอะดูหนังไป อ่อตรงที่นั่ง มี ผม ฝรั่ง และคนไทย อีกคนนางไม่ชวนผมคุยเลยไม่รู้นั่งน้ำลายบูดได้ยังไงตั้ง 12 ชม. พอถึงสนามบิน arlanda ก็จั้มๆๆ คิดในใจจะผ่านตม. ยากไหมวะไม่เคยเดินทางมายุโรปเลย ไปถึงก็มั่นมากตรงไหนว่างก็จะรีบไปยื่นเลย ก็เดินไปทำหน้านิ่งๆยื่นพาสปอร์ตไป เจ้าหน้าที่ก็ถาม how long you will stay? ก็คิดซักแป๊บเอ๊ะในพาสปอร์ตก็บอกอยู่แล้วหนิว่ากุอยู่ได้แค่ 11 วันจะถามทำไม ก็ย้อนถามกลับไป did you mean here? เจ้าหน้าที่ yep! เรา 3 days and then go to Denmark ก็พูดมั่วๆไป เจ้าหน้าที่ก็แสตมป์ปึ้ง : ok have nice Trip เรา: เออ  แล้วก็เดินจากมาอย่างไว
และแล้วก็มาถึง Stockholm ซักที
ว่าด้วยเรื่องการเข้าเมือง ในการเข้าเมืองจากสนามบินนั้นมีด้วยกันหลายวิธี วิธีแรกและง่ายสุดคือแทคซี่ ยื่นที่อยู่ให้นางไปบอก I want to go to this place ไปถึงเลย แต่คงไม่เอาเพราะราคาแพงมากไม่ต่ำกว่า 5 พันแน่ๆคือมีเงินแค่ 1500 โครนขืนนั่งไปก็ไม่ต้องกินกันหละงานนี้
วิธีที่ 2 คือนั่ง Airport Express ออกทุกๆ 15 นาทีไปซึ่งราคาต่อขาก็ 280 โครนถ้าซื้อไปกลับก็ 530 โครนซึ่งแพงไปไม่เหมาะกับคนเบี้ยน้อยหอยน้อยแบบเราก็ตัดไป
วิธีที่ 3 คือนั่งรถ coach ของ flybussarna ไปราคา 99 โครน ไปกลับ 198 โครน อันนี้ก็ไปส่งถึงที่พักเหมือนกันเหมาะสำหรับคนไม่ค่อยชอบผจญภัยเท่าไหร่ส่วนมากคนจะเลือกอันนี้ส่วนเราเหรอไม่
วิธีที่ 4 คือนั่งรถเมล์ไปและไปต่อรถไฟอีกที วิธีออกจากยากไปนิดสำหรับมือใหม่ แต่เราก็ใหม่นะไม่เคยมาด้วยประเทศนี้จะไปถูกลงถูกเหรอแต่เราเลือกวิธีนี้นะเพราะว่าในใจคิดจะซื้อตั๋วเดินทางแบบ 72 hr ราคา 230 โครนไว้เดินทางใน Stockholm อยู่แล้วก็คิดว่าจะทำยังไงให้มันคุ้มที่สุดก็วิธีตอบโจษสุด คือใช้ขึ้นรถเมล์และนั่งรถไฟได้ คือดีอะมันนั่งไปนั่งกลับสนามบินได้ด้วย แถวใช้เดินทางใน Stockholm ได้ด้วยและคนสวีเดนส่วนมากจะเลือกทางเลือกนี้นะ เนื่องจากไม่แพงว่าแล้วก็ก็ตรงไปที่ counter information เลย อ่อก่อนจะเดินไปถามเค้าจะมีให้กดเบอร์ก่อนนะถึงคิวแล้วเค้าจะเรียกไม่ใช่ดุ่มๆเดินเข้าไปถามได้เลยนะ พอถึงคิวเรา hello I would like to buy 72 hr ticket  จนท, 72 hr? เรา yep จนท. 230 kr. จ่ายเงินไปได้ตั๋วก็เดินดุ่มๆ อ้าวตายหละลืมถามว่าบัส no. 583 มันอยู่ตรงไหน ต้องวนไปกดบัตรคิวอีกครั้งแล้วก็ถามจนท . ก็ถามไปมั่วๆนะถูกหลักไวยากรณ์รึเปล่าอย่าว่าเรานะ ไม่ได้เรียนภาษานอกจากเรียนในห้องเรียนไม่เรียนพิเศษคิดว่าที่โรงเรียนสอนก็พอแล้วสำหรับการสื่อสาร เริ่ม Where is the bus stop for Bus no. 583 ? กระแดะออกแอ็คเซ็นท์หน่อยนะกลัวเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจ go out side and then turn left you will see bus stop No.5 เรา ok thanks อ่อๆออกไปข้างนอกเลี้ยวซ้ายแล้วเดินๆไปจะเจอเหรอ


อันนี้เป็นตั๋วซึ่งเลือกใช้เดินทางตลอด 3 วันใน stockholm


จุดที่รอรถบัส No. 583 เพื่อไปลงที่ Marta staion เพื่อต่อ commuter train ไป Stockholm C

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่