เรามีลูกชาย 1 คน ตอนนี้เค้าอายุ 12 ปีแล้ว แต่ในเวลานี้ สามีที่เคยแสนดี กลับไปคุยกับผู้หญิงคนอื่นที่เคยทำให้ครอบครัวเรามีปัญหามาแล้วครั้งนึง และในครั้งนี้เธอกลับเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของเรามีปัญหาเช่นเดิม โดยที่พยายามคุยด้วยดีๆแล้ว เธอยังไม่ยินยอมจะออกจากชีวิตครอบครัวของเราได้ง่ายๆ สามีและเธอผู้นั้น ยินยอมพร้อมใจที่จะตอบว่า คุยกันในฐานะเพื่อน เท่านั้น แต่ .... ในความเป็นจริงสิ่งที่เราคนเป็นภรรยาเห็น มันมากกว่าคำว่าเพื่อนกันแน่นอน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อถามไปก็ได้แต่คำตอบเดิมๆ มาว่า คุยแบบเพื่อนไม่มีอะไรเกินเลย จนปัญญาที่จะถามหาความจริง
เมื่อเป็นแบบนี้เราและสามีปากเสียงต่อกันเรื่อยๆ ลูกชายอายุ 12 ปี รับรู้และเรารู้สึกได้ว่า ลูกรู้สึกแย่ เราได้อธิบายให้ลูกฟังเสมอว่ามันเกิดอะไรขึ้นในครอบครัวเรา แต่เราไม่ได้พูดว่าให้ลูกเกลียดพ่อ แค่บอกถึงปัญหาให้เค้ารับรู้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในครอบครัวของเรา ที่เคยมีแต่ความสุข มีแต่รอยยิ้ม ทำไมตอนนี้พ่อกับแม่ถึงแยกกันนอนคนละห้อง ทำไมพ่อและแม่ถึงไม่พูดคุยกันเหมือนก่อน เราบอกเพื่อให้เค้ารับรู้และเข้าใจ และบอกว่าอนาคต อาจจะเกิดการแยกทางกันของพ่อและแม่ บอกเพื่อให้เค้าซึมซับและเข้าใจ ดีกว่าไม่บอกแล้ววันที่แตกหักมาถึง เรากลัวลูกรับไม่ไหว
ณ วันนี้ เราและสามียังคงแยกห้องกันอยู่ไม่พูดจากันเหมือนเดิม เราหันมาอยู่กับลูกตลอดเวลาที่อยู่บ้าน เราทำงานนอกบ้านด้วย เมื่อกลับบ้าน ตอนนี้เราทุ่มเวลาให้ลุก ไม่ได้ยุ่งหรือเกี่ยวข้องกับสามีอีก หน้าที่ในบ้านเราก็ยังทำเหมือนเดิม เรายังทำหน้าที่ของแม่ และพ่อ กันอยู่ เรารู้สึกได้ว่าลูกเราเสียใจ เราถึงไม่อยากแยกออกไป ณ เวลานี้ เราคงต้องทนเพื่อลูกไปสักพัก ให้เวลาทำให้เค้าชินกับการที่พ่อและแม่ต่างแยกกันอยู่ ช่วงนี้อายุเท่านี้กำลังจะเข้าสู้วัยรุ่น เราเป็นห่วงความรู้สึกของลูก เราถึงต้องทนอยู่ เพื่อหน้าทีแม่ .....
บางครั้งมานั่งคิด และมองย้อนกลับไปที่ พ่อ แม่ ของเราเอง เมื่อตอนเราเด็ก ๆ เรายังเห็นท่านทะเลาะกัน ตีกัน บ่อยครั้ง ในเรื่องของผู้หญิง เนื่องจากพ่อของเราท่านเป็นคนเจ้าชุ้มาก ในระหว่างที่เราโตมา และจำความได้ เราจำได้ว่าแม่ต้องทุกข์ใจเพราะเรื่องผู้หญิงของพ่อมามากแค่ไหน เราได้แต่คิดย้อนกลับไปว่า ตอนนั้นเรารู้สึกอย่างไร เรารู้สึกเสียใจ น้อยใจ งง สับสน กับการที่พ่อแม่ทะเลาะกันทุกวัน เรารู้สึกแย่ ไม่อยากอยู่บ้าน น่าเบื่อ น่ารำคาญ เรารู้สึกแบบนั้น และในตอนนี้ที่ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวเรา เราก็เลยคิดว่า ลูกเราเค้าคงมีความรู้สึกไม่ต่างจากเราในตอนนั้น เราจึงต้องทนอยู่ เพื่อลูกจะได้ไม่รู้สึกแย่ แบบเราในเวลานั้น
แต่ในความอดทน ของคนเรามันมีการสิ้นสุด ในบางครั้งที่เราทะเลาะกับสามี เราคิดว่าเราจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว แตกหักไปเลยดีกว่า แต่เมื่อหันมามองหน้าลูก มองเห็นสายตาของเค้าที่มีความเสียใจในแววตา เราก็ต้องอดทนต่อไป เราไม่ได้มีความสำคัญต่อสามี แต่เรามีความสำคัญต่อลูก เราต้องคิดแบบนี้ เราคิดย้อนไปถึงแม่ของเรา ท่านทนได้อย่างไร ท่านผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร ท่านทำอย่างไรท่านจึงเข้มแข็งได้ขนาดนั้น เราจึงตัดสินใจโทรไปถามท่านว่า
"แม่ ตอนที่มีปัญหากับพ่อ แม่อยู่ต่อกับพ่อได้อย่างไร จนถึงวันนี้ แม่ทำได้ยังไง " ท่านตอบเรามาว่า
"แม่ทนได้เพราะลูกงัย เพราะหนูงัยลูก แม่ทนเพราะลูกของแม่ แม่ได้ทนเพื่อพ่อ แม่ทนได้เพื่อลูกของแม่เท่านั้น " ได้ฟังคำตอบแบบนี้ เราร้องไห้เลย แล้วรัสึกมีแรงผลักดัน มีกำลังใจ ที่จะอดทนกับปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเรา เราทนเพื่อลูกของเรา เราไม่ได้ทำเพื่อใคร เราต้องทำได้ ในเมื่อ แม่ของเราท่านยังทำได้และท่านผ่านมาตั้งหลายต่อหลายครั้ง ท่านไม่ท้อต่อความอดทนเลยสักครั้ง ดังนั้นเราต้องทำให้ได้เหมือนที่แม่ของเราท่านทำ
กำลังใจของเรามาจากคำพูดของแม่ ต่อไปนี้สามีของเราเค้าจะทำอย่างไรต่อไป ทำอะไรกับเรา จะมีใครต่อไป หรือจะหยุด เราจะไม่สนใจแล้ว ปล่อยเค้าไป เรารักลูก เราต้องทนเพื่อลูกเราให้ได้
ชีวิตของคนเป็นแม่ อะไรที่ทำเพื่อลูกได้ ทำได้ทุกอย่าง พลังของคนเป็นแม่มันชั่งยิ่งใหญ่จิงๆนะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ใครมีประสบการณ์อะไร มาแชร์ มาพูดคุยกันคะ
คนเป็นแม่ต้องอดทนเพื่อลูกเสมอ
เมื่อเป็นแบบนี้เราและสามีปากเสียงต่อกันเรื่อยๆ ลูกชายอายุ 12 ปี รับรู้และเรารู้สึกได้ว่า ลูกรู้สึกแย่ เราได้อธิบายให้ลูกฟังเสมอว่ามันเกิดอะไรขึ้นในครอบครัวเรา แต่เราไม่ได้พูดว่าให้ลูกเกลียดพ่อ แค่บอกถึงปัญหาให้เค้ารับรู้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในครอบครัวของเรา ที่เคยมีแต่ความสุข มีแต่รอยยิ้ม ทำไมตอนนี้พ่อกับแม่ถึงแยกกันนอนคนละห้อง ทำไมพ่อและแม่ถึงไม่พูดคุยกันเหมือนก่อน เราบอกเพื่อให้เค้ารับรู้และเข้าใจ และบอกว่าอนาคต อาจจะเกิดการแยกทางกันของพ่อและแม่ บอกเพื่อให้เค้าซึมซับและเข้าใจ ดีกว่าไม่บอกแล้ววันที่แตกหักมาถึง เรากลัวลูกรับไม่ไหว
ณ วันนี้ เราและสามียังคงแยกห้องกันอยู่ไม่พูดจากันเหมือนเดิม เราหันมาอยู่กับลูกตลอดเวลาที่อยู่บ้าน เราทำงานนอกบ้านด้วย เมื่อกลับบ้าน ตอนนี้เราทุ่มเวลาให้ลุก ไม่ได้ยุ่งหรือเกี่ยวข้องกับสามีอีก หน้าที่ในบ้านเราก็ยังทำเหมือนเดิม เรายังทำหน้าที่ของแม่ และพ่อ กันอยู่ เรารู้สึกได้ว่าลูกเราเสียใจ เราถึงไม่อยากแยกออกไป ณ เวลานี้ เราคงต้องทนเพื่อลูกไปสักพัก ให้เวลาทำให้เค้าชินกับการที่พ่อและแม่ต่างแยกกันอยู่ ช่วงนี้อายุเท่านี้กำลังจะเข้าสู้วัยรุ่น เราเป็นห่วงความรู้สึกของลูก เราถึงต้องทนอยู่ เพื่อหน้าทีแม่ .....
บางครั้งมานั่งคิด และมองย้อนกลับไปที่ พ่อ แม่ ของเราเอง เมื่อตอนเราเด็ก ๆ เรายังเห็นท่านทะเลาะกัน ตีกัน บ่อยครั้ง ในเรื่องของผู้หญิง เนื่องจากพ่อของเราท่านเป็นคนเจ้าชุ้มาก ในระหว่างที่เราโตมา และจำความได้ เราจำได้ว่าแม่ต้องทุกข์ใจเพราะเรื่องผู้หญิงของพ่อมามากแค่ไหน เราได้แต่คิดย้อนกลับไปว่า ตอนนั้นเรารู้สึกอย่างไร เรารู้สึกเสียใจ น้อยใจ งง สับสน กับการที่พ่อแม่ทะเลาะกันทุกวัน เรารู้สึกแย่ ไม่อยากอยู่บ้าน น่าเบื่อ น่ารำคาญ เรารู้สึกแบบนั้น และในตอนนี้ที่ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวเรา เราก็เลยคิดว่า ลูกเราเค้าคงมีความรู้สึกไม่ต่างจากเราในตอนนั้น เราจึงต้องทนอยู่ เพื่อลูกจะได้ไม่รู้สึกแย่ แบบเราในเวลานั้น
แต่ในความอดทน ของคนเรามันมีการสิ้นสุด ในบางครั้งที่เราทะเลาะกับสามี เราคิดว่าเราจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว แตกหักไปเลยดีกว่า แต่เมื่อหันมามองหน้าลูก มองเห็นสายตาของเค้าที่มีความเสียใจในแววตา เราก็ต้องอดทนต่อไป เราไม่ได้มีความสำคัญต่อสามี แต่เรามีความสำคัญต่อลูก เราต้องคิดแบบนี้ เราคิดย้อนไปถึงแม่ของเรา ท่านทนได้อย่างไร ท่านผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร ท่านทำอย่างไรท่านจึงเข้มแข็งได้ขนาดนั้น เราจึงตัดสินใจโทรไปถามท่านว่า
"แม่ ตอนที่มีปัญหากับพ่อ แม่อยู่ต่อกับพ่อได้อย่างไร จนถึงวันนี้ แม่ทำได้ยังไง " ท่านตอบเรามาว่า
"แม่ทนได้เพราะลูกงัย เพราะหนูงัยลูก แม่ทนเพราะลูกของแม่ แม่ได้ทนเพื่อพ่อ แม่ทนได้เพื่อลูกของแม่เท่านั้น " ได้ฟังคำตอบแบบนี้ เราร้องไห้เลย แล้วรัสึกมีแรงผลักดัน มีกำลังใจ ที่จะอดทนกับปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเรา เราทนเพื่อลูกของเรา เราไม่ได้ทำเพื่อใคร เราต้องทำได้ ในเมื่อ แม่ของเราท่านยังทำได้และท่านผ่านมาตั้งหลายต่อหลายครั้ง ท่านไม่ท้อต่อความอดทนเลยสักครั้ง ดังนั้นเราต้องทำให้ได้เหมือนที่แม่ของเราท่านทำ
กำลังใจของเรามาจากคำพูดของแม่ ต่อไปนี้สามีของเราเค้าจะทำอย่างไรต่อไป ทำอะไรกับเรา จะมีใครต่อไป หรือจะหยุด เราจะไม่สนใจแล้ว ปล่อยเค้าไป เรารักลูก เราต้องทนเพื่อลูกเราให้ได้
ชีวิตของคนเป็นแม่ อะไรที่ทำเพื่อลูกได้ ทำได้ทุกอย่าง พลังของคนเป็นแม่มันชั่งยิ่งใหญ่จิงๆนะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ใครมีประสบการณ์อะไร มาแชร์ มาพูดคุยกันคะ