เราเคยลงข้อมูลเรื่องรักษามีลูกยากไว้เพราะตั้งแต่ตอนท้องลูกคนแรก จนถึงปัจจุบัน เพื่อนคอยถามตลอด รักษาที่ไหน ต้องทำอะไรบ้าง นานๆได้เข้ามาชานเรือน เจอหลายคำถามที่เคยตอบไว้ เลยรวมมาลงให้ใหม่ เผื่อเป็นประโยชน์นะคะ
สำหรับเราตอนนี้มีลูกชาย 2 คน อยู่อนุบาล 3 กับ อนุบาล 1 ร่าเริงแจ่มใส กำลังแปลงกายเป็นยอดมนุษย์กันอุตลุตค่ะ เป็นขวัญใจของทุกคนในบ้าน บางครั้งก็ป่วนกันเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ก็สนุกสนานดีค่ะ เป็นกำลังใจให้คนอยากมีลูกทุกคนนะคะ สำหรับตัวเราเองมีความเชื่ออยู่เสมอว่าการแพทย์สมัยนี้ก้าวหน้าไปมาก ถ้าเราปรึกษาหมอและรักษาอย่างต่อเนื่อง เราต้องสำเร็จซักวัน เราก็มนุษย์เงินเดือนที่แหละค่ะ ก็เริ่มรักษาจากที่ๆเค้าว่าราคาถูกกัน และก็ยกระดับขึ้นมาอีกนิดนึง ในราคาที่พอสู้ไหว ยังไงเราต้องวางแผนการเงินไว้ตลอดเพราะมีลูกต้องใช้เงินอีกเยอะ ...จะเป็นมนุษย์แม่ เรื่องเงินต้องเป๊ะสิค่ะ ^ ^
ข้อมูลที่รวบรวมไว้ก็ตามนี้นะคะ
1. เมื่อไหร่ที่เรียกว่าเป็นผู้มีบุตรยาก
- คำตอบข้อนี้ต้องอ้างอิงกับคำจำกัดความทางการแพทย์ ที่เคยอ่านเจอก็คือ เมื่อคุณไม่ได้คุมกำเนิดแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ภายใน 1 ปี แต่สำหรับเราคิดว่าเมื่อเราบอกกับตัวเองว่าพยายามมาระยะเวลานึงแล้วก็ไม่ต้องรอต่อไป ให้ไปปรึกษาหมอเลยดีกว่าค่ะ จะได้เช็คสุขภาพและความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ไปด้วย
2. ไปหาหมอที่ไหนดี
- เดี๋ยวนี้หมอรักษาเรื่องนี้มีเยอะมาก ราคาก็แตกต่างกันไป แนะนำให้เลือกที่เราสะดวกเดินทางไปและราคาที่เรารับได้ค่ะ จากประสบการณ์ ถ้าทำแค่ฉีดเชื้อ ราคาจะไม่ต่างกันมาก จะไปต่างกันมาก ๆ เมื่อทำ ICSI, IVF หรือ อะไรที่ขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อนแบบที่ต้องมีการเก็บไข่มาผสมกับเชื้อภายนอก แล้วใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในมดลูก สำหรับการฉีดเชื้อ ถ้าทำการกระตุ้นไข่ด้วยการกินยาอย่างเดียว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3-5 พันบาท ถ้ากระตุ้นไข่ด้วยยาฉีด ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.3 หมื่นบาท บางที่ราคาอาจจะค่อนข้างถูกกว่าที่อื่น แต่คุณต้องเจอคนเยอะ คิวนาน อาจทำให้หงุดหงิด รับได้รึเปล่า อันนี้ต้องคิดเผื่อบ้าง เพราะต้องไปกันบ่อย บวกลบกับค่าเดินทาง ค่าเสียเวลาด้วย เอาเป็นว่าต้องถามราคาให้ละเอียดก่อนทำ
3. ไปหาหมอครั้งแรกเมื่อไหร่ดี
- อันที่จริงไปวันไหนก็ได้ แต่ถ้าถามเราว่าไปวันไหนแล้วได้เรื่องที่สุด เราขอตอบว่า ไปวันที่เป็นประจำเดือนวันที่สองหรือสาม วิธีนับคือ เห็นมี ปจด มาวันแรกก็นับเป็นวันที่หนึ่งเลย แล้วไปหาหมอวันที่สองหรือวันที่สาม ไม่ต้องตกใจว่า อ้าว...แล้วหมอเค้าตรวจ (ภายใน) แล้วมันจะไม่เลอะเทอะเยอะสิ่งเหรอ !!! คือหมอเค้าไม่ได้ตรวจภายในคุณวันแรกที่เจอกันอยู่แล้ว (อันนี้ตามประสบการณ์เรานะ) แต่เค้าจะเจาะเลือด ตรวจระดับฮอร์โมน ซึ่งจะขึ้นสูงในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่พอจะเห็นภาพว่าทำไมคุณถึงมีบุตรยาก ถ้าคุณไปวันอื่นก็ไม่นับว่าเสียเที่ยวนัก อย่างน้อยก็คุยกับหมอถึงทิศทางสุขภาพ การดำเนินชีวิตของคุณว่ามีสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยากรึเปล่า แล้วค่อยนัดมาเจาะเลือดตามวันที่เราว่าอีกทีค่ะ
4. ขอทางลัด ไหน ๆ ก็มีลูกยากแล้ว ไม่อยากเสียเวลารักษาอะไร แบบว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาว่างั้นเถอะ ขอเลือกทำเด็ก หลอดแก้ว ประมาณพวก ICSI , IVF เลยได้มั๊ย
- อาจมีหลายคนคิดแบบนี้ ขอตอบว่า มีเพื่อนสนิทเราคนนึงเลือกทำแบบนี้และประสบความสำเร็จด้วย แต่ในความคิดเราคิดว่าเพื่อนคนนี้โชคดีมาก ซึ่งโอกาสแบบนี้อาจไม่เกิดได้ง่าย ๆ เพื่อนคนนี้ใส่ตัวอ่อนไป 3 สุดท้ายได้ลูก 1 คน แต่พอจะมีคนที่สองเอง ไม่สามารถมีได้ คาดว่าต้องพึ่ง ivf อีกครั้ง
จากประสบการณ์รักษาของเราเอง คิดว่าการค่อย ๆ รักษาไปโดยแก้ปัญหาที่สาเหตุ น่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด เช่น การตรวจว่าเป็นซีสต์มั๊ย ถ้าเป็น ก็ทำการผ่าตัดออกเสียก่อน นั่นหมายความว่า ตอนที่ตั้งครรภ์จะไม่ต้องกังวลว่าซีสต์จะมาโตแข่งกับลูกของเรา และโอกาสของการมีลูกคนที่สองก็น่าจะเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องมาตั้งต้นรักษากันใหม่อีก การรักษาโดยแก้ปัญหาที่สาเหตุนี้ต้องใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลามากซักหน่อย แต่คุ้มค่าและเป็นการดูแลสุขภาพเราไปในตัวด้วยค่ะ
5. ประจำเดือนมาปกติ ตรวจภายในแล้วหมอบอกว่าปกติ แต่ทำไมยังไม่ท้องซะที
- เราเองก็เป็นแบบนี้ค่ะ แต่พอหมอทำการฉีดเชื้อไปได้ 5 ครั้ง ก็เริ่มสงสัยว่า น่าจะมีปัญหาอะไรมากกว่านั้นซึ่งการตรวจภายในไม่สามารถบอกได้ เลยต้องทำการผ่าตัดส่องกล้องเข้าที่ทางหน้าท้องเข้าไปดูว่าในมดลูกมีความผิดปกติอะไรรึเปล่า ซึ่งก็พบว่าเป็นเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่หรือที่เรียกว่าชอกโกแลตซีสต์ ขนาดของแผลผ่าตัดประมาณ 1 ซม. พักโรงพยาบาล 1 คืน ระดับความเจ็บประมาณปวดประจำเดือนค่ะ นั่นหมายความว่า การที่ประจำเดือนมาปกติ ตรวจภายในแล้วปกติ อาจมีสาเหตุอื่นที่ทำให้มีบุตรยาก ซึ่งปัจจุบันพบว่า 75% ของผู้หญิงเป็นชอกโกแลตซีสต์ค่ะ ดังนั้นหากหมอแนะนำให้ผ่าตัดส่องกล้อง ก็น่าพิจารณาอยู่นะคะ
6. ฝากไว้ข้อสุดท้ายว่าระหว่างที่ทำการรักษา หรือรอจะมีลูก ควรทำตัวอย่างไร
เรื่องสุขภาพก็อย่างที่ทราบกันว่าทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ เผื่อว่าตั้งครรภ์เมื่อไหร่ทั้งลูกทั้งแม่จะได้สมบูรณ์แข็งแรง เรื่องการพักผ่อนก็สำคัญ อย่านอนดึกกันทั้งสามีภรรยา อันนี้สำคัญนะคะ อย่ามัวท่องโลกอินเตอร์เนตหรือดูทีวีกันเพลิน พักผ่อนเพียงพอ ร่างกายจะได้เสริมสร้างเซลล์ดี ๆ
อีกเรื่องที่อยากแนะนำคือ ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กสมัยนี้ดูบ้างว่า เดี๋ยวนี้เค้าเรียนกันยังไง ช่วงวัยไหนเค้าทำอะไรกัน ที่ไหน ยังไง แบบไหนจำเป็น แบบไหนไม่จำเป็น โรงเรียนสมัยนี้ราคาเท่าไหร่ การเรียนการสอนเป็นยังไง พ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมทำอะไรบ้าง จะได้รู้แนวทางการจัดการงบประมาณ และวางแผนได้ว่าจะมีลูกกี่คน ถ้าได้ลูกแฝดจะรับมือไหวรึเปล่า มีลูกแล้วใครจะช่วยเลี้ยง (เอาแบบช่วยจริง ๆ นะ) เลี้ยงเองไหวมั๊ย จะลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกคุ้มรึเปล่า ค่าพี่เลี้ยงเดี๋ยวนี้ราคาเท่าไหร่ เรื่องแบบนี้ศึกษาไว้ไม่เสียหลายนะคะ จะได้วางแผนชีวิตไว้เนิ่น ๆ ค่ะ
. . . . . . . . . ภารกิจการมีลูกจบแล้ว แต่ภารกิจการเลี้ยงดู ฟูมฟัก ให้ลูกอยู่ได้ในโลก ในสังคม ได้อย่างมีความสุข พึ่งตัวเองได้ และมีสมดุลย์ ยังคงดำเนินต่อไปตลอดชีวิตของแม่คนนี้ ขอบคุณลูกชาย 2 คนของแม่ที่เป็นกำลังใจสำคัญให้แม่มีแรงกาย แรงใจ ขยันทำงานเพื่อมาดูแลครอบครัวเล็ก ๆ ของเรา มีลูกแล้วเราทำอะไรได้มากกว่าก่อนมีลูกเยอะมาก ๆ ทั้งที่มีเรื่องต้องทำเยอะแยะไปหมด... เราก็มนุษย์เงินเดือนนี่แหละค่ะ ยังอยากมีงานทำ อยากมีรายได้ โดยที่ไม่เคยลืมว่าตัวเราเองนี่แหละเป็นคนสำคัญที่จะคอยสอนสั่ง อบรม ให้ลูกเป็นไปในแบบที่ควรจะเป็น อะไรไม่จำเป็น "จริง ๆ" ต้องตัดออก เช่น social network นาน ๆ ค่อยเข้าละกัน ไม่ต้องรู้หรอกค่ะว่าใครเค้าทำไรกัน รู้แต่ว่าฉันจะทำอะไรก็เยอะแล้วเนี่ย!, การเลิกดูทีวีทำให้มีเวลาเหลือมากขึ้นเยอะมาก ...แต่ยังอ่านข่าวบันเทิงดารานะคะ ขาดไม่ได้ ...ฟินเว่อร์ ติ่งเกาหลี ฟรุ๊งฟริ๊ง ครุคริ ดิฉันรู้จักนะคะ เอาไว้เม้าท์กับเพื่อนบ้าง ขำๆ ค่ะ, ธุรกรรมอะไรทำทางอินเตอเน็ตได้ ใช้บริการหมดค่ะ (แต่ตรวจทุกรายการอย่างละเอียดนะคะ อิอิ) ...เดินเล่นห้าง อันนี้เป็นไง ลืมไปนานละ จะซื้ออะไรจดไป รีบซื้อรีบกลับบ้านสิคะ. ... ไม่กล้าเดินนาน เดี๋ยวอดไม่ไหว ช๊อปกระจาย ดิฉันก็สตรีไทยนะค่ะ, เครื่องสำอางค์ยังใช้นะคะ ดูแลตัวเองด้วยค่ะ แต่มีเปลี่ยนเป็นยี่ห้อที่ราคาลดลงมาบ้าง ... ต้องเอาเงินไปซื้อมีดดาบสายฟ้า นาฬิกาเบนเทน และอุปกรณ์แปลงร่างอีกมากมาย ^.^ บริหารงบกันหน่อยนะคะ ฝึกสมองกันที่สุด
สู้โว๊ยค่ะ : )
--- รวมฮิต ข้อมูลการรักษาเรื่องมีบุตรยาก ---
สำหรับเราตอนนี้มีลูกชาย 2 คน อยู่อนุบาล 3 กับ อนุบาล 1 ร่าเริงแจ่มใส กำลังแปลงกายเป็นยอดมนุษย์กันอุตลุตค่ะ เป็นขวัญใจของทุกคนในบ้าน บางครั้งก็ป่วนกันเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ก็สนุกสนานดีค่ะ เป็นกำลังใจให้คนอยากมีลูกทุกคนนะคะ สำหรับตัวเราเองมีความเชื่ออยู่เสมอว่าการแพทย์สมัยนี้ก้าวหน้าไปมาก ถ้าเราปรึกษาหมอและรักษาอย่างต่อเนื่อง เราต้องสำเร็จซักวัน เราก็มนุษย์เงินเดือนที่แหละค่ะ ก็เริ่มรักษาจากที่ๆเค้าว่าราคาถูกกัน และก็ยกระดับขึ้นมาอีกนิดนึง ในราคาที่พอสู้ไหว ยังไงเราต้องวางแผนการเงินไว้ตลอดเพราะมีลูกต้องใช้เงินอีกเยอะ ...จะเป็นมนุษย์แม่ เรื่องเงินต้องเป๊ะสิค่ะ ^ ^
ข้อมูลที่รวบรวมไว้ก็ตามนี้นะคะ
1. เมื่อไหร่ที่เรียกว่าเป็นผู้มีบุตรยาก
- คำตอบข้อนี้ต้องอ้างอิงกับคำจำกัดความทางการแพทย์ ที่เคยอ่านเจอก็คือ เมื่อคุณไม่ได้คุมกำเนิดแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ภายใน 1 ปี แต่สำหรับเราคิดว่าเมื่อเราบอกกับตัวเองว่าพยายามมาระยะเวลานึงแล้วก็ไม่ต้องรอต่อไป ให้ไปปรึกษาหมอเลยดีกว่าค่ะ จะได้เช็คสุขภาพและความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ไปด้วย
2. ไปหาหมอที่ไหนดี
- เดี๋ยวนี้หมอรักษาเรื่องนี้มีเยอะมาก ราคาก็แตกต่างกันไป แนะนำให้เลือกที่เราสะดวกเดินทางไปและราคาที่เรารับได้ค่ะ จากประสบการณ์ ถ้าทำแค่ฉีดเชื้อ ราคาจะไม่ต่างกันมาก จะไปต่างกันมาก ๆ เมื่อทำ ICSI, IVF หรือ อะไรที่ขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อนแบบที่ต้องมีการเก็บไข่มาผสมกับเชื้อภายนอก แล้วใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในมดลูก สำหรับการฉีดเชื้อ ถ้าทำการกระตุ้นไข่ด้วยการกินยาอย่างเดียว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 3-5 พันบาท ถ้ากระตุ้นไข่ด้วยยาฉีด ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.3 หมื่นบาท บางที่ราคาอาจจะค่อนข้างถูกกว่าที่อื่น แต่คุณต้องเจอคนเยอะ คิวนาน อาจทำให้หงุดหงิด รับได้รึเปล่า อันนี้ต้องคิดเผื่อบ้าง เพราะต้องไปกันบ่อย บวกลบกับค่าเดินทาง ค่าเสียเวลาด้วย เอาเป็นว่าต้องถามราคาให้ละเอียดก่อนทำ
3. ไปหาหมอครั้งแรกเมื่อไหร่ดี
- อันที่จริงไปวันไหนก็ได้ แต่ถ้าถามเราว่าไปวันไหนแล้วได้เรื่องที่สุด เราขอตอบว่า ไปวันที่เป็นประจำเดือนวันที่สองหรือสาม วิธีนับคือ เห็นมี ปจด มาวันแรกก็นับเป็นวันที่หนึ่งเลย แล้วไปหาหมอวันที่สองหรือวันที่สาม ไม่ต้องตกใจว่า อ้าว...แล้วหมอเค้าตรวจ (ภายใน) แล้วมันจะไม่เลอะเทอะเยอะสิ่งเหรอ !!! คือหมอเค้าไม่ได้ตรวจภายในคุณวันแรกที่เจอกันอยู่แล้ว (อันนี้ตามประสบการณ์เรานะ) แต่เค้าจะเจาะเลือด ตรวจระดับฮอร์โมน ซึ่งจะขึ้นสูงในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่พอจะเห็นภาพว่าทำไมคุณถึงมีบุตรยาก ถ้าคุณไปวันอื่นก็ไม่นับว่าเสียเที่ยวนัก อย่างน้อยก็คุยกับหมอถึงทิศทางสุขภาพ การดำเนินชีวิตของคุณว่ามีสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยากรึเปล่า แล้วค่อยนัดมาเจาะเลือดตามวันที่เราว่าอีกทีค่ะ
4. ขอทางลัด ไหน ๆ ก็มีลูกยากแล้ว ไม่อยากเสียเวลารักษาอะไร แบบว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาว่างั้นเถอะ ขอเลือกทำเด็ก หลอดแก้ว ประมาณพวก ICSI , IVF เลยได้มั๊ย
- อาจมีหลายคนคิดแบบนี้ ขอตอบว่า มีเพื่อนสนิทเราคนนึงเลือกทำแบบนี้และประสบความสำเร็จด้วย แต่ในความคิดเราคิดว่าเพื่อนคนนี้โชคดีมาก ซึ่งโอกาสแบบนี้อาจไม่เกิดได้ง่าย ๆ เพื่อนคนนี้ใส่ตัวอ่อนไป 3 สุดท้ายได้ลูก 1 คน แต่พอจะมีคนที่สองเอง ไม่สามารถมีได้ คาดว่าต้องพึ่ง ivf อีกครั้ง
จากประสบการณ์รักษาของเราเอง คิดว่าการค่อย ๆ รักษาไปโดยแก้ปัญหาที่สาเหตุ น่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด เช่น การตรวจว่าเป็นซีสต์มั๊ย ถ้าเป็น ก็ทำการผ่าตัดออกเสียก่อน นั่นหมายความว่า ตอนที่ตั้งครรภ์จะไม่ต้องกังวลว่าซีสต์จะมาโตแข่งกับลูกของเรา และโอกาสของการมีลูกคนที่สองก็น่าจะเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องมาตั้งต้นรักษากันใหม่อีก การรักษาโดยแก้ปัญหาที่สาเหตุนี้ต้องใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลามากซักหน่อย แต่คุ้มค่าและเป็นการดูแลสุขภาพเราไปในตัวด้วยค่ะ
5. ประจำเดือนมาปกติ ตรวจภายในแล้วหมอบอกว่าปกติ แต่ทำไมยังไม่ท้องซะที
- เราเองก็เป็นแบบนี้ค่ะ แต่พอหมอทำการฉีดเชื้อไปได้ 5 ครั้ง ก็เริ่มสงสัยว่า น่าจะมีปัญหาอะไรมากกว่านั้นซึ่งการตรวจภายในไม่สามารถบอกได้ เลยต้องทำการผ่าตัดส่องกล้องเข้าที่ทางหน้าท้องเข้าไปดูว่าในมดลูกมีความผิดปกติอะไรรึเปล่า ซึ่งก็พบว่าเป็นเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่หรือที่เรียกว่าชอกโกแลตซีสต์ ขนาดของแผลผ่าตัดประมาณ 1 ซม. พักโรงพยาบาล 1 คืน ระดับความเจ็บประมาณปวดประจำเดือนค่ะ นั่นหมายความว่า การที่ประจำเดือนมาปกติ ตรวจภายในแล้วปกติ อาจมีสาเหตุอื่นที่ทำให้มีบุตรยาก ซึ่งปัจจุบันพบว่า 75% ของผู้หญิงเป็นชอกโกแลตซีสต์ค่ะ ดังนั้นหากหมอแนะนำให้ผ่าตัดส่องกล้อง ก็น่าพิจารณาอยู่นะคะ
6. ฝากไว้ข้อสุดท้ายว่าระหว่างที่ทำการรักษา หรือรอจะมีลูก ควรทำตัวอย่างไร
เรื่องสุขภาพก็อย่างที่ทราบกันว่าทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ เผื่อว่าตั้งครรภ์เมื่อไหร่ทั้งลูกทั้งแม่จะได้สมบูรณ์แข็งแรง เรื่องการพักผ่อนก็สำคัญ อย่านอนดึกกันทั้งสามีภรรยา อันนี้สำคัญนะคะ อย่ามัวท่องโลกอินเตอร์เนตหรือดูทีวีกันเพลิน พักผ่อนเพียงพอ ร่างกายจะได้เสริมสร้างเซลล์ดี ๆ
อีกเรื่องที่อยากแนะนำคือ ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กสมัยนี้ดูบ้างว่า เดี๋ยวนี้เค้าเรียนกันยังไง ช่วงวัยไหนเค้าทำอะไรกัน ที่ไหน ยังไง แบบไหนจำเป็น แบบไหนไม่จำเป็น โรงเรียนสมัยนี้ราคาเท่าไหร่ การเรียนการสอนเป็นยังไง พ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมทำอะไรบ้าง จะได้รู้แนวทางการจัดการงบประมาณ และวางแผนได้ว่าจะมีลูกกี่คน ถ้าได้ลูกแฝดจะรับมือไหวรึเปล่า มีลูกแล้วใครจะช่วยเลี้ยง (เอาแบบช่วยจริง ๆ นะ) เลี้ยงเองไหวมั๊ย จะลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกคุ้มรึเปล่า ค่าพี่เลี้ยงเดี๋ยวนี้ราคาเท่าไหร่ เรื่องแบบนี้ศึกษาไว้ไม่เสียหลายนะคะ จะได้วางแผนชีวิตไว้เนิ่น ๆ ค่ะ
. . . . . . . . . ภารกิจการมีลูกจบแล้ว แต่ภารกิจการเลี้ยงดู ฟูมฟัก ให้ลูกอยู่ได้ในโลก ในสังคม ได้อย่างมีความสุข พึ่งตัวเองได้ และมีสมดุลย์ ยังคงดำเนินต่อไปตลอดชีวิตของแม่คนนี้ ขอบคุณลูกชาย 2 คนของแม่ที่เป็นกำลังใจสำคัญให้แม่มีแรงกาย แรงใจ ขยันทำงานเพื่อมาดูแลครอบครัวเล็ก ๆ ของเรา มีลูกแล้วเราทำอะไรได้มากกว่าก่อนมีลูกเยอะมาก ๆ ทั้งที่มีเรื่องต้องทำเยอะแยะไปหมด... เราก็มนุษย์เงินเดือนนี่แหละค่ะ ยังอยากมีงานทำ อยากมีรายได้ โดยที่ไม่เคยลืมว่าตัวเราเองนี่แหละเป็นคนสำคัญที่จะคอยสอนสั่ง อบรม ให้ลูกเป็นไปในแบบที่ควรจะเป็น อะไรไม่จำเป็น "จริง ๆ" ต้องตัดออก เช่น social network นาน ๆ ค่อยเข้าละกัน ไม่ต้องรู้หรอกค่ะว่าใครเค้าทำไรกัน รู้แต่ว่าฉันจะทำอะไรก็เยอะแล้วเนี่ย!, การเลิกดูทีวีทำให้มีเวลาเหลือมากขึ้นเยอะมาก ...แต่ยังอ่านข่าวบันเทิงดารานะคะ ขาดไม่ได้ ...ฟินเว่อร์ ติ่งเกาหลี ฟรุ๊งฟริ๊ง ครุคริ ดิฉันรู้จักนะคะ เอาไว้เม้าท์กับเพื่อนบ้าง ขำๆ ค่ะ, ธุรกรรมอะไรทำทางอินเตอเน็ตได้ ใช้บริการหมดค่ะ (แต่ตรวจทุกรายการอย่างละเอียดนะคะ อิอิ) ...เดินเล่นห้าง อันนี้เป็นไง ลืมไปนานละ จะซื้ออะไรจดไป รีบซื้อรีบกลับบ้านสิคะ. ... ไม่กล้าเดินนาน เดี๋ยวอดไม่ไหว ช๊อปกระจาย ดิฉันก็สตรีไทยนะค่ะ, เครื่องสำอางค์ยังใช้นะคะ ดูแลตัวเองด้วยค่ะ แต่มีเปลี่ยนเป็นยี่ห้อที่ราคาลดลงมาบ้าง ... ต้องเอาเงินไปซื้อมีดดาบสายฟ้า นาฬิกาเบนเทน และอุปกรณ์แปลงร่างอีกมากมาย ^.^ บริหารงบกันหน่อยนะคะ ฝึกสมองกันที่สุด
สู้โว๊ยค่ะ : )