ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกต่างให้ความสนใจในเรื่อง ความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety)  ที่คำนึงถึงกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่ด้วยคุณภาพตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) มีความเข้มงวดในการนำเข้าเนื้อสัตว์จากต่างประเทศ โดยกำหนดให้มีระเบียบการเลี้ยงสัตว์ตาม หลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) อย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้เนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพดีปลอดภัยต่อการบริโภค

        เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการด้านอาหารให้ความสำคัญ ดังเช่น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เป็นตัวอย่างขององค์กรที่ใส่ใจในเรื่องดังกล่าวและนำมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมถือเป็นผู้นำด้านการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ปีกครบวงจรยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของสัตว์ให้สูงขึ้นมามากกว่า 25 ปี ด้วยเชื่อว่าการเลี้ยงดูสัตว์ให้มีความสบาย ถูกสุขลักษณะ จะส่งผลให้สินค้าอาหารที่ส่งมอบสู่ผู้บริโภคทั่วโลกมีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด



        ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ปีกของซีพีเอฟ น.สพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล รองกรรมการผู้จัดการ ด้านบริการวิชาการ กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตอาหารชั้นนำ ซีพีเอฟไม่เพียงแต่ผลิตอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสู่ผู้บริโภค แต่ยังใส่ใจถึงสุขอนามัยในการผลิตและสวัสดิภาพของสัตว์  โดยบริษัทนำหลักสวัสดิภาพสัตว์ขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (World Organisation for Animal Health : OIE) และมาตรฐานหลักปฏิบัติและกฎระเบียบของสหภาพยุโรป (อียู) มาเป็นแนวปฏิบัติตั้งแต่ปี 2532 โดยซีพีเอฟได้ร่วมมือกับกรมปศุสัตว์นำหลักดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมไก่เนื้อ ทำให้ได้เนื้อสัตว์ที่ปลอดภัยตามาตรฐานสากล

         น.สพ.พยุงศักดิ์  กล่าวอีกว่า กระบวนการเลี้ยง "ไก่เนื้อ" ของซีพีเอฟยึด "หลักอิสระ 5 ประการ" (Five freedom) มาปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในฟาร์มเลี้ยงเริ่มตั้งแต่ การไม่ให้สัตว์เกิดความหิวและกระหาย ด้วยระบบการให้อาหารและน้ำอัตโนมัติที่เหมาะกับความต้องการสัตว์ตลอดเวลา การไม่ให้สัตว์เกิดความเจ็บป่วย บาดเจ็บและโรคภัย สัตว์ทุกตัวจะได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดประกอบกับเทคโนโลยีภายในโรงเรือนระบบปิดสามารถป้องกันการติดต่อและแพร่ระบาดจากสภาพแวดล้อมภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ การให้สัตว์มีอิสระในการแสดงพฤติกรรม โดยสถานที่และอุปกรณ์การเลี้ยงจะถูกจัดอย่างเหมาะสมเพื่อให้สัตว์อยู่ไม่แออัดพร้อมแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติได้เต็มที่
นอกจากนี้ ไก่เนื้อของซีพีเอฟต้องปราศจากความไม่สะดวกสบาย ภายในโรงเรือนจะถูกควบคุมด้วยระบบปรับอากาศ (Evaporative Cooling System) ทำให้โรงเรือนมีอากาศเย็นอุณหภูมิเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต มีระบบการจัดการแสงสว่างและชั่วโมงการพักผ่อนที่เหมาะสม ตลอดจนระบบการขนส่ง บริษัทมีระบบ GPS Tracking System เพื่อมั่นใจว่าเส้นทางการขนส่งถูกต้องและตรงเวลา และสุดท้าย ไก่เนื้อต้องไม่เกิดความกลัวและความทุกข์ทรมาน ไม่ให้รับการบาดเจ็บ และ เครียดน้อยที่สุด ซึ่งบุคลากรทุกคนของบริษัทจะได้รับการอบรมด้านสวัสดิภาพเพื่อสามารถปฏิบัติต่อสัตว์ด้วยความเอาใจใส่และปฏิบัติต่อสัตว์อย่างนุ่มนวล สร้างความเชื่อมั่นต่อนานาชาติให้ประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมไก่เนื้อคุณภาพชั้นนำระดับโลก

        “ด้วยการผนวกหลักอิสระ 5 ประการ เข้ากับหัวใจการผลิตประกอบด้วย สายพันธุ์สัตว์ที่ดี , อาหารที่มีโภชนาการ , วิธีการเลี้ยงที่ถูกต้อง , การบริหารจัดการฟาร์มที่ได้มาตรฐาน และการป้องกันโรคอย่างเข้มข้นทำให้ไก่ของซีพีเอฟอยู่อย่างไม่เครียดสามารถเติบโตได้ตามความสามารถของสายพันธุ์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะเร่งการเจริญเติบโตและสารฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตใดๆทั้งสิ้น” น.สพ.พยุงศักดิ์  กล่าว

        ความใส่ใจทั้งหมดทำให้ซีพีเอฟเป็นบริษัทแรก นอกกลุ่มประเทศยุโรปที่ได้รับการรับรองระบบการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ (Assured Chicken Production: ACP) ที่ให้ความสำคัญต่อหลักการเลี้ยงสัตว์ที่ได้มาตรฐานสากลเพื่อผลิตอาหารที่ปลอดภัยสู่ผู้บริโภค  อีกทั้งด้านบุคลากรมุ่งยกระดับงานสวัสดิภาพผ่านโครงการสร้างผู้เชี่ยวชาญซีพีเอฟด้านสวัสดิภาพสัตว์และคุณภาพเนื้อสัตวปีก (Poultry Welfare Trainers) ซึ่งดำเนินการร่วมกับ Bristol University ประเทศอังกฤษ ระหว่างปี 2550-2552 พร้อมต่อยอดพัฒนาเจ้าหน้าที่สวัสดิภาพสัตว์ (Poultry Welfare Officer) ประจำทุกหน่วยงานตั้งแต่ปี 2552 จวบจนปัจจุบัน เพื่อดูแลกระบวนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์ ข้อกำหนดของอียูและลูกค้าทั่วโลก

        ทั้งหมดเป็นตัวอย่างบริษัทไทยที่มุ่งพัฒนาบนเป้าหมายการเป็น ‘ครัวของโลก’ จากการดำเนินกิจการสอดคล้องมาตรฐานสากล เพื่อผลิตอาหารคุณภาพและปลอดภัยส่งมอบสู่ประชากรทั่วโลกครอบคลุม 14 ประเทศ ผ่านการยึด ‘หลักสวัสดิภาพสัตว์’ มาเป็นแนวปฏิบัติมานานกว่า 25 ปีภายใต้เทคโนโลยีอันทันสมัยครอบคลุมห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำอย่างมีศักยภาพสูงสุด./